บท
ตั้งค่า

บทที่ 18 อันที่จริงพวกเราสามารถถ่อมตนได้บ้าง

เฟิงหลิงหยุนก็มัวแต่กลัวว่าเรื่องนี้จะเกิดการเปลี่ยนไปเพราะองค์ชายสิบมามีส่วนร่วมด้วย ก็เลยตัดไฟแต่ต้นลม: “ฉู่หวูโยวไม่ใช่ไม่อธิบาย แต่ไม่มีทางอธาย เพราะว่าเรื่องจริงก็คือนางกรีดหน้าน้องหลันให้บาดเจ็บ”

เฟิงหลิงหยุนเคยชินกับการเพียงแค่มีเหตุผลก็จะไม่ยอมคนเด็ดขาด: “ตามกฎข้อบังคับของราชวงศ์ซวนหยวน โทษจงใจทำร้ายคน สถานเบาถูกโบยเป็นการตักเตือน จากนั้นก็เอาไปปล่อยทิ้งยังชายแดน อย่างต่ำ 5 ปี สถานหนักตัดศีรษะทันที ฉู่หวูโยวทำร้ายรูปโฉมของน้องหญิง ตามความเห็นของผู้หญิงคนหนึ่ง รูปโฉมสำคัญมากเท่าไร ก็ขอให้ฝ่าบาทตัดสินด้วยเถิด”

ดวงตาทั้งคู่ของฉู่หวูโยวมืดมนขึ้นมา เอาไปปล่อยทิ้งที่ชายแดน 5 ปี ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เกรงว่าดูจะน่าเวทนาเสียยิ่งกว่าเอาชีวิตของนางไปอีก สองพี่น้องตระกูลเฟิงช่างโหดพอตัวจริงๆ

พวกเขาคิดว่านางยังเหมือนฉู่หวูโยวเมื่อก่อนนี้ที่ยินยอมให้พวกเขาจัดการได้โดยง่ายอยู่จริงๆ

ในเมื่อคนเขาแสดงได้ตระการตาเช่นนี้ นางจะไปทำลายความสนุกของทุกคนได้อย่างไรกันล่ะ!

ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าก้อนซวนหยวนเฉินก็ยังรอดูฉากละครอยู่เลยจริงๆ

ฉู่หวูโยวเดินเข้าไปเบื้องหน้าของฝ่าบาท แล้วคารวะอย่างเป็นทางการมาก: “ฝ่าบาท หม่อมฉันมีสองสามประโยคที่ต้องการจะถามองค์ชายเฟิง”

“ได้ ข้าอนุญาต” ดวงตาของฝ่าบาทแอบสั่นไหวไปเล็กน้อยครู่หนึ่ง ท่ามกลางความประหลาดใจนั้นยังแอบแฝงไว้ด้วยความคาดหวังอยู่บ้าง

เขาคิดว่าหวูโยวนังหนูคนนี้เกรงว่าจะทำเรื่องสะเทือนอะไรออกมา

ในตอนนี้ฉู่หวูโยวก็เลยหันมาทางเฟิงหลิงหยุน นางเพียงแค่กวาดสายตามองไปยังเฟิงหลิงหยุนอย่างเฉยๆ เท่านั้น แล้วก็ค่อยๆ เอ่ยปากกล่าวว่า: “องค์ชายเฟิงเป็นหมอหลวง ใช่หรือไม่?”

เสียงของนางเรียบเฉยและเบามาก แต่ว่ากลับดูเหมือนว่ามีความกดดันอย่างหนึ่งที่ทำให้คนไม่มีทางต้านทานได้

ทุกคนที่อยู่ในโถงใหญ่นั้นได้ยินคำพูดของฉู่หวูโยวที่ค่อนข้างประหลาดอยู่บ้าง ไม่เข้าใจว่าในตอนนี้ไม่ไปถามเฟิงหยูหลัน ทำไมกลับไปถามเฟิงหลิงหยุน อีกทั้งยังถามคำถามเช่นนี้ด้วย?

สีหน้าของเฟิงหลิงหยุนกลับค่อยๆ หนักใจขึ้นมาในทันที ใจก็หนักตามไปด้วยเช่นกัน

คำพูดนี้ของฉู่หวูโยวหมายความว่าอะไร?

เขาไม่เชื่อว่าฉู่หวูโยวจะสามารถมองเส้นสนกลในในด้านนี้ออกได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

“ใช่” เฟิงหลิงหยุนตอบกลับด้วยเสียงเข้มหนึ่งคำ เขาไม่เชื่อว่าฉู่หวูโยวจะสามารถมองอะไรออกได้ ฉู่หวูโยวน่าจะเพียงแค่อยากจะหาข้ออ้างเท่านั้น!

แต่ว่าเรื่องนี้ไม่ว่าฉู่หวูโยวจะหาข้ออ้างอะไรก็ไม่มีประโยชน์ เขาจะต้องเอาโทษทัณฑ์นี้ตราตรึงลงไปบนตัวของฉู่หวูโยวให้ได้แน่นอน

“อืม” ฉู่หวูโยวพยักหน้าเบาๆ มีความเกรงใจอย่างมาก มีมารยาทอย่างมาก ง่ายมากที่จะทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่านางร้อนตัว

ริมฝีปากแดงของนางเผยอออก เสียงยิ่งนุ่มนวลมากขึ้น: “เมื่อครู่องค์ชายเฟิงบอกว่าใบหน้าของน้องหญิงเสียโฉมไปแล้ว เสียโฉมคำนี้ ใช่ว่าจะอธิบายว่าไม่มีทางที่จะรักษาให้หายหรือไม่?”

เฟิงหลิงหยุนอึ้งไปชั่วครู่ ในชั่วขณะนี้เขามีความรู้สึกที่ผิดแปลกไปโหวงเหวงหลายเท่าขึ้นมา ในตอนนี้คิดไม่ถึงว่าเขาจะแยกแยะเจตนาของหวูโยวไม่แน่ชัดอยู่บ้าง เขาก้มหน้ากล่าวออกมาด้วยเสียงเข้มว่า: “ใช่”

ธนูง้างแล้วไม่อาจถอยกลับไป

หากในตอนนี้เขาบอกว่าใบหน้าของน้องหลันมีโอกาสช่วยได้ เช่นนั้นตามอำนาจของตระกูลฉู่ และการปกปักรักษาจากฮองไทเฮา ยังไงก็ไม่อาจจะทำอะไรต่อฉู่หวูโยวได้เลย?

เช่นนั้นทุกอย่างที่น้องหลันทำก็เท่ากับว่าเปล่าประโยชน์งั้นน่ะสิ

มาถึงจุดนี้แล้ว น้องหลันไม่มีทางถอยแล้ว เขาก็ไม่มีทางถอยแล้วเช่นกัน

ฉู่หวูโยวกลอกดวงตามองไปยังเฟิงหยูหลัน สายตาก็ไปหยุดนิ่งอยู่ที่บาดแผลบนใบหน้าของเฟิงหยูหลัน

นางยิ้มจางๆ ออกมา: “บาดแผลที่อยู่บนใบหน้าของเฟิงหยูหลัน ยาว 9 เซน มีดลึก 5 มิล แต่มุมที่กรีดเข้าไปกลับดูเอียงมาก ดุไปแล้วเหมือนว่าจะทำให้คนตกใจ แต่แม้แต่พังผืดที่อยู่ผิวเผินก็ยังไม่ได้บาดเจ็บถูกเลย แม้ว่าจะเป็นการรักษาธรรมดาก็ไม่มีทางที่จะหลงเหลือร่องรอยแผลเป็นไว้แน่ ไฉนเลยองค์ชายเฟิงยังจะใช้ยาที่ดีที่สุดอีกเล่า”

ในโลกปัจจุบันแต่ละปีนางทำการผ่าตัดมานับครั้งไม่ถ้วน เหมือนดั่งว่าวิธีการเด็กๆ ง่ายดายเช่นนี้จะมาหลอกนางได้อย่างนั้นแหละ?

คำพูดนี้ของนางพอออกไป ทุกคนในโถงใหญ่ต่างพากันตะลึงงันไปเลย โดยเฉพาะหมอหลวงที่ค่อนข้างเลื่องชื่อสองสามคนนั้น ยิ่งตะลึงจนตาค้างปากอ้าไปเลย

แม้ว่าพวกเขาจะตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องสำรวจอย่างแม่นยำปานนี้ ฉู่หวูโยวเพียงแค่กวาดสายตามองไปเช่นนั้นเท่านั้น คิดไม่ถึงว่า?

เป็นไปไม่ได้ นางจะต้องเดาส่งเดชแน่นอน ใช่แน่นอน

อันที่จริงแล้วคนส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงนั้นต่างก็พากันคิดเดาเช่นนี้

เพียงแค่ศัพท์ทางการแพทย์เฉพาะทางเช่นนี้?

สีหน้าของเฟิงหยูหลันและเฟิงหลิงหยุนต่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเลย

“องค์ชายเฟิง ที่ข้าพูดถูกหรือไม่?” ดวงตาของฉู่หวูโยวมองไปยังเฟิงหลิงหยุนอีกครั้ง ในเสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยความเย็นชามากขึ้น

ดวงตาของเฟิงหลิงหยุนสั่นไหวไปเล็กน้อย โอบมือของเฟิงหยูหลันไว้ ทันใดนั้นก็เลยสั่นเทาเล็กน้อยอย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้อยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ไร้ซึ่งคำพูดที่จะตอบ

ในตอนนี้ในใจของเฟิงหลิงหยุนได้ตะลึงขึ้นมาอย่างมาก ฉู่หวูโยวเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ยังไง?

การเงียบขรึมของเฟิงหลิงหยุน ทุกคนก็เห็นอยู่กับตา ทั้งหมดต่างก็เข้าใจไปโดยปริยาย

ในตอนนี้ทุกคนต่างก็เข้าใจ คำพูดที่ฉู่หวูโยวเพิ่งพูดไปน่าจะถูกต้อง อีกอย่างที่ฉู่หวูโยวพูดน่าจะแม่นยำอย่างมาก แม่นยำจนทำให้เฟิงหลิงหยุนไม่มีโอกาสที่จะโต้แย้งแม้แต่นิดเลย

ปลายคิ้วของฝ่าบาทเลิกขึ้นเล็กน้อย ในตอนนี้ดวงตาของเขาไม่ได้มีเพียงความคาดหวังที่ใสซื่อเช่นนั้นอีกแล้ว ยิ่งมีความประหลาดใจและความสงสัยหลายเท่ามากขึ้นไปอีก

ฉู่หยุนเทียนก็อึ้งไปชั่วขณะเช่นกัน แม้ว่าเขาจะทราบดีว่าหวูโยวในตอนนี้ฉลาดขึ้นมาแล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหวูโยวจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ด้วย

อีกอย่างหวูโยวแม้แต่ตรวจสอบก็ยังไม่เลย คิดไม่ถึงว่าจะพูดออกมาได้อย่างแม่นยำเช่นนี้?

นี่มันไม่ใช่แค่เพียงว่าเข้าใจก็สามารถอธิบายให้กระจ่างได้ นี่จำเป็นต้องกระจ่างอย่างมากเป็นพิเศษจึงจะสามารถทำได้

แต่ว่าเมื่อไหร่กันที่หวูโยวเชี่ยวชาญกระจ่างในวิชาแพทย์เช่นนี้

ดวงตาทั้งคู่ของไป๋อี้เฉินในตอนนี้ได้จ้องไปยังฉู่หวูโยวทันที เปี่ยมไปด้วยความอึ้งงันที่คาดไม่ถึง และเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึงเช่นกัน

ฉู่หวูโยวในตอนนี้ช่างทำให้นางคาดคิดไม่ถึงเกินไปแล้วจริงๆ นึกถึงเมื่อหลายวันก่อนท่านแม่ได้พูดกับเขาถึงเรื่องอภิเษกของพวกเขา ในใจของเขาคิดไม่ถึงว่าจะเกิดความคาดหวังขึ้นหลายเท่าอย่างไร้สาเหตุ

ตอนที่ซวนหยวนหรงโม่มองไปยังฉู่หวูโยวอีกครั้ง สายตาเห็นได้ชัดว่าซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

ฉู่หวูโยวกวาดสายตามองไปทางเฟิงหลิงหยุนครู่หนึ่ง อีกทั้งถามออกมาหนึ่งประโยคอย่างไม่รีบไม่ร้อน: “องค์ชายเฟิงเป็นหมอหลวงที่เลื่องชื่อในพระราชวัง แต่กลับทูลฝ่าบาทว่าอาการบาดเจ็บนี้รักษาไม่หาย มันช่างชวนให้ขบคิดอย่างระมัดระวังจริงๆ”

คำพูดนี้ของฉู่หวูโยวก็คือพูดให้ฝ่าบาทฟังนั่นเอง

พฤติกรรมเมื่อครู่ของเฟิงหลิงหยุนหากจะเอาเรื่องขึ้นมาจริงๆ ก็มีความผิดฐานหลอกลวงเบื้องสูงได้เลย

ตอนนั้นฉู่หวูโยวถูกไป๋อี้เฉินทำร้ายจนบาดเจ็บ เฟิงหลิงหยุนเป็นถึงหมองหลวงแต่กลับเห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วย ทำร้ายจนฉู่หวูโยวในตอนนั้นเกือบจะเอาตัวไม่รอดได้

ครั้งนี้เฟิงหลิงหยุนเห็นชัดแจ้งว่าทั้งหมดเป็นแผนชั่วที่เฟิงหยูหลันกุเรื่องขึ้นมา แต่กลับยังช่วยเฟิงหยูหลันมาทำร้ายนางอีก

นางฉู่หวูโยวโดยปกติก็ไม่ชอบก่อเรื่องอยู่แล้ว แต่ย่อมไม่ให้ใครก็ตามมารังแกได้ตามอำเภอใจเด็ดขาด

นางนั้น มีบุญคุณก็ย่อมต้องตอบแทนมาโดยตลอด มีแค้นก็ย่อมต้องชำระ ดังนั้นครั้งนี้นางจะไม่ปล่อยเฟิงหลิงหยุนไปง่ายดายเช่นนี้อย่างแน่นอน

ดวงตาของฝ่าบาทดูดุอย่างเคร่งขรึมขึ้นมา ตอนที่มองไปยังเฟิงหลิงหยุน ในความเย็นชาที่เคร่งขรึมอยู่นั้นก็มีเจตนาแห่งความโมโหอยู่หลายเท่า

คำพูดนั้นของฉู่หวูโยวเพียงพอที่จะทำลายจุดยืนทั้งหมดที่อยู่ในใจของฝ่าบาททิ้งไปได้เลย

ฝ่าบาทที่อยู่เหนือผู้คนทั้งหลายนั้น จะทนให้คนอื่นมาหลอกลวงได้เช่นนั้นหรือ?

ในใจของเฟิงหลิงหยุนก็แอบแฝงความเย็นชาเอาไว้หลายเท่า อยู่ข้างกายผู้ปกครองก็เหมือนกับอยู่ข้างกายเสือ เขาอยู่ข้างกายฝ่าบาทมาก็หลายปีแล้ว จะไม่เข้าใจความระทึกใจที่อยู่ด้านในนี้ได้อย่างไร

เขาทราบดีว่าความรุ่งโรจน์ที่ตนเองได้มาทั้งหมดในหลายปีมานี้เกรงว่าจะหมดสิ้นไปก็คราวนี้

แต่ว่าเขากลับไม่อาจทำลายน้องหญิงของเขาได้อีก ไม่อาจทำลายตระกูลเฟิงได้อีก

ดังนั้นทั้งๆ ที่ทราบดีว่าเป็นเรื่องที่ผิด เขาก็ยังจะดื้อดึงยืนหยัดให้ถึงที่สุดจนได้ ดวงตาทั้งคู่ของเขาดูขรึมไป แล้วกล่าวออกมาด้วยเสียงเหี้ยมว่า: “ฉู่หวูโยว เจ้าจงใจทำร้ายคน แม้ว่ารอยบาดแผลบนใบหน้าของน้องหลันจะสามารถรักษาให้หายได้ เจ้าก็ยากที่จะรอดพ้นความผิดนี้ไปได้ บัดนี้อาวุธที่ลงมือยังอยู่ในมือของเจ้า หลักฐานครบถ้วน ใบหน้าของน้องหลันไม่อาจจะถูกทำร้ายโดยเปล่าประโยชน์หรอก”

ในตอนนี้มีดนั้นยังอยู่ในมือของฉู่หวูโยว เขาได้เพียงกัดฉู่หวูโยวไม่ปล่อยเท่านั้น จึงจะสามารถช่วยน้องหลันไว้ได้ สามารถช่วยตระกูลเฟิงไว้ได้

ฉู่หวูโยวจู่ๆ ก็หัวเราะเบาๆ ออกมา มือที่เรียวยาว ขาวนวลของนางค่อยๆ ยื่นออกไป วางมีดเล็กที่ดูประณีตนั้นไว้บนฝ่ามือ

เดิมนั้นนางไม่อยากจะโหดเช่นนี้ ไม่คิดว่าทำเกินไป ในเมื่อคนอื่นไม่ยอมรามือ จะต้องบีบนางให้ได้ งั้นนางก็ไม่มีทางเลือก ได้เพียงคอยอยู่เป็นเพื่อนด้วยเท่านั้น

เพียงแต่หากไม้นี้โจมตีออกไป ความจริงเป็นที่ประจักษ์ เกรงว่ามีคนมากมายที่จะไม่มีโอกาสได้กลับตัวแล้ว

นางได้ให้โอกาสพวกเขาไปแล้ว ต่อไปก็จะมาโทษนางไม่ได้แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel