บทที่10
ภาพเรือนไม้สีเทาอมฟ้าหลังไม่ใหญ่นักเบื้องหน้า ทำให้ไลลาไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ แม้จะทำงานในแวดวงที่เกี่ยวกับการออกแบบตกแต่ง เห็นบ้านสวยๆ งามๆ มาก็เยอะ หากบ้านที่ติดตรึงอยู่ในใจหล่อนเสมอมากลับเป็นเรือนไม้แบบอย่างที่นิยมกันในสมัยรัชกาลที่เจ็ด
บ้านหลังนี้หล่อนคะเนอายุคร่าวๆ คงไม่เกินเจ็ดสิบปี ทว่าสภาพของมันยังคงดีเยี่ยมราวกับว่าได้รับการดูแลรักษามาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นลูกกรงระเบียงลวดลายเรขาคณิตง่ายๆ หน้าต่างและช่องลมบานเกล็ดถี่ยิบ ประตูบานเฟี้ยม ตลอดจนกรุกระจกเหนือประตูหน้าต่าง ทุกอย่างดูงดงามลงตัวอย่างพอดิบพอดี ไม่ฟู่ฟ่าเหมือนบ้านในยุคก่อนหน้านั้นที่นิยมลวดลายเครือเถาอ่อนช้อยฉวัดเฉวียนทั้งที่ช่องลมและลูกไม้ชายคา
หญิงสาวเดินเหมือนต้องมนต์สะกดไปยังบันไดที่ทอดขึ้นไปสู่นอกชานกว้างที่แล่นขนานตัวเรือน หล่อนวางมือลงบนหัวบันไดไม้อย่างทะนุถนอมราวกับว่ากำลังแตะต้องสมบัติอันล้ำค่าที่อาจแตกสลายได้ง่ายดาย รอยยิ้มบนใบหน้าคล้ายเด็กได้ของเล่นถูกใจ
“เป็นไง...คุณ ? ถึงกับมองตาค้างเลยหรือ”
คนที่เดินตามหลังมากระเซ้าเมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาวที่เดินเหมือนละเมอ ทว่า...อารมณ์ขุ่นมัวของอีกฝ่ายคงจะระเหยหายไปหมดแล้ว จึงหันมาพยักหน้ายิ้มแย้ม
“สวย...สวยมาก...บ้านคุณเหรอ ?”
เออ..แฮะ...ท่าจะชอบจริงๆ... พอเห็นปุ๊บ ยิ้มได้ปั๊บเลย... ชายหนุ่มคิดในใจ
“ไม่..ไม่ใช่..หรอก”
คำตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงนัก จะว่าเขาโกหกหรือ...ก็เปล่า แค่พูดความจริงไม่หมดก็เท่านั้น
ทว่ากลับทำให้อีกฝ่ายสงสัยจนอดตั้งคำถามอีกไม่ได้
“อ้าว...ไม่ใช่ของคุณ แล้วคุณมาอยู่ได้ไงล่ะ”
หล่อนแน่ใจว่าเรือนไม้สวยจับใจนี้คือจุดหมายปลายทางของพระเอกชื่อดังแน่นอน ก็เขาเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าบ้านพอดีเป๊ะอย่างนี้ แถมยังเปิดท้ายรถหิ้วกระเป๋ามาอย่างนั้น ถ้าไม่ใช่ที่นี่จะที่ไหนเล่า...
“ไม่ใช่ของผม แต่เจ้าของท่านอนุญาตให้ผมมาพักได้ตามใจชอบ”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ หล่อนพูดเหมือนรำพึงกับตัวเองว่า
“เจ้าของบ้านคงจะเป็นครอบครัวคหบดีสมัยเก่าถึงได้มีบ้านพักตากอากาศที่หัวหิน”
คนที่เดินหิ้วกระเป๋าใบย่อมตามมาได้ยิน จึงได้ตอบข้อสงสัยนั้นเสีย
“ครับ บ้านสุขอารมณ์เดิมเป็นตำหนักที่ประทับของเจ้านายในราชสกุลรังษี”
“รังษี...ไม่ค่อยคุ้นแฮะ” คนพูดทำท่าพยายามนึก
“คงจะคุ้นยากอยู่ แต่ถ้าหากบอกว่าเจ้าของบ้านสุขอารมณ์คือหม่อมราชวงศ์อุษาประภา เดโช เชื่อว่าคุณคงจะเคยได้ยินชื่ออยู่บ้าง”
หญิงสาวตาโต พยักหน้าหงึกหงัก
“ที่เขาเรียกท่านว่าคุณหญิงษาน่ะเหรอคะ รู้จักค่ะ ฉันเคยเจอท่านที่งานเลี้ยงสองสามหน ท่านงามมาก”
คำว่า ‘มาก’ คนพูดลากเสียงยาว เหมือนจะเน้นให้คนฟังรู้ว่า งามจริงๆ หากที่สะกิดใจชายหนุ่มกลับเป็นประโยคที่เจ้าหล่อนบอกว่า...เคยเจอท่านที่งานเลี้ยงสองสามหน...ถ้าหากหล่อนมีโอกาสไปงานเลี้ยงระดับไฮโซขนาดนั้นแล้วล่ะก็ หล่อนเองก็คงจะไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน เอ...เขาลืมไปหล่อนคงจะร่ำรวยพอดูเชียวล่ะ ถึงได้มีห้องอยู่ที่คอนโดมีเนียมริมแม่น้ำได้ เขาเองก็รู้อยู่ว่าห้องที่นั่นราคาเท่าไร แล้วนี่หล่อนเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันหนอ...ชายหนุ่มนึกสงสัยตงิดๆ หากเขาเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ กลับชักชวนคนที่ยืนรีรอตรงหัวบันไดบนสุดให้ตามเข้ามาในบ้าน
“เข้ามาดูข้างในดีกว่า...คุณคงจะชอบ เพราะคุณหญิงท่านเก็บรักษาทุกอย่างไว้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องประดับสวยๆ งามๆ สมัยเก่า”
ไลลายืนรีรออยู่ตรงหน้าประตูแม้เมื่อคนที่เดินนำจะไขกุญแจและเดินเข้าไปด้านในแล้วก็ตาม จนเขานึกเอะใจหันกลับมามองหล่อนนิ่งอยู่เป็นครู่ก่อนที่จะแย้มยิ้มเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเหตุใดหล่อนจึงไม่ตามเข้าไป
“มาเถอะคุณ วางใจได้น่า...ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก”
นั่นล่ะหญิงสาวจึงกล้าเดินตามเขาเข้าไป ที่จริงหล่อนหมดทิฐิและความฉุนเฉียวไปมากมายแล้ว ตั้งแต่เจอของถูกใจ ลืมแม้กระทั่งความหวั่นใจเรื่องบิดา ในหัวสมองมีเพียงความตื่นเต้นยินดีที่ได้มาเห็นบ้านเก่าริมทะเลหลังนี้
จริงอย่างชายหนุ่มว่า ห้องแรกที่หล่อนเหยียบย่างเข้าไปเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้านหนึ่งวางเก้าอี้ชุดรับแขกไม้สักแบบเก่า มีตู้กระจกเตี้ยทรงสวยวางชิดผนังสองด้าน กึ่งกลางห้องมีลับแลไม้สลักลายละเอียดยิบคั่นไว้เพื่อแบ่งสัดส่วน ในตู้กระจกทั้งสองตู้มีถ้วยโถโอชามเก่าแก่วางประดับอยู่แน่นขนัด แต่ที่สะดุดตาหญิงสาวคือกรอบรูปมากมายที่วางเรียงอยู่ข้างบน
ใจหญิงสาวอยากจะเดินไปดูรูปใกล้ๆ หากก็ยังมิกล้า จึงได้แต่ชะเง้อมองอยู่ไกลๆ พอจะมองออกว่าเป็นรูปถ่ายสมัยเก่า คงจะเป็นพระรูปเจ้านายสมัยโบราณ มีรูปหนึ่งขนาดใหญ่เท่าการ์ดอวยพรเป็นรูปของผู้หญิงสาว...สวยอย่างที่สุด
ไลลานึกในใจ...อย่างนี้นี่เล่า...เขาเรียกว่า ‘งามพิศ’
เพราะผู้หญิงในภาพ...ยิ่งมอง ก็ยิ่งสวย โดยเฉพาะดวงตาโตยาวรีที่ดูราวกับจะจ้องมองตอบมากระนั้น
...ดวงตาคู่ที่ไลลารู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนก็ไม่รู้...
“รูปนั้นคือรูป..ท่านหญิงภา”
คำว่า...ท่านหญิง...สะดุดเล็กน้อย
หากหญิงสาวมิได้สังเกต เพราะได้แต่ตื่นเต้นกับความรู้ใหม่ เออ...เนอะ ก็ในชีวิตหล่อนไม่เคยได้รู้จักท่านหญิงกับเขาสักองค์นี่นา สำหรับหล่อนท่านหญิงก็คือ..เจ้าหญิงดีๆ นี่เอง แล้วเจ้าหญิงในรูปนั้นก็สมเป็นเจ้าหญิงเสียเหลือเกิน หล่อนจำได้...เมื่อสมัยเด็กๆ หล่อนใฝ่ฝันอยากจะเห็นเจ้าหญิงจริงๆ ไม่ใช่แค่อ่านจากนิทาน แต่พอโตขึ้นความฝันนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป
แล้ววันนี้ความรู้สึกนั้นก็กลับคืนมาอีกครั้ง !
“ท่านหญิงภา...ท่านมีชื่อ..เอ่อ..พระนามเต็มว่าอะไรคะ”
พระเอกหนุ่มหัวเราะกับท่าทางของหญิงสาว ดูหล่อนตื่นเต้นอย่างกับได้เจอองค์จริง มิใช่เพียงแค่...รูปภาพ
“ไม่เป็นไร...พูดภาษาธรรมดาก็ได้ครับ เราไม่ได้คุยกับท่านจริงๆ...พระนามเต็มของท่านคือ...ประภาสุรีย์”
“ประภาสุรีย์”
หญิงสาวทวนพระนามเบาๆ
“ครับ หม่อมเจ้าหญิงประภาสุรีย์ รังษี”
“แปลว่าอะไรคะ”
หล่อนถามด้วยความอยากรู้
“ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างไสว”
ไลลา สวรรยา รู้สึกว่าพระนามนั้นช่างสมองค์ดีแท้ เพราะท่านหญิงทรงงามดั่งดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างไสวจริงๆ ทว่า...เนตรงามระยับคู่นั้นยังคงสะกิดใจหล่อนไม่คลาย...
...ที่ใดหนอ...เราเคยเห็นที่ใดกัน...ดวงตาแบบนี้...
