4 ทำไมไม่ขายให้ฉัน
เพลงขวัญรู้สึกเหมือนกับว่าสวรรค์กำลังกลั่นแกล้ง เธอเพิ่งเสียยายไปไม่ถึง 10 วันแล้วยังต้องมารับรู้อีกว่าตนเองนั้นเป็นหนี้เขาอยู่ถึงสองล้านนี่ยังไม่นับรวมเงินค่าใช้จ่ายที่เขาโอนให้ทุกเดือน หญิงสาวคิดมาตลอดว่าเงินที่ยายส่งให้ในแต่ละเดือนนั้นเป็นเงินที่บิดาและมารดาทิ้งไว้ให้
ในเมื่อทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วเพลงขวัญก็คิดว่าเธอควรจะเลิกเรียนออกมาหางานทำเพราะดีกว่า
“นายหัวคะหนูขออยู่ที่บ้านต่อได้ไหม ส่วนเงินที่ติดหนี้หนูจะหามาคืนให้”
“แล้วเธอคิดว่าเงินมากขนาดนั้นจะมาจากไหนล่ะ เธอยังเรียนอยู่นะเพลงขวัญ”
“หนูจะเลิกเรียนแล้วไปหางานทำ”
“แต่ยายเธอสั่งไว้ว่ายังไงฉันก็ต้องช่วยส่งเธอให้เธอเรียนจนจบ”
“แต่ยายมาอยู่แล้วนี่คะ หนูมีสิทธิ์ตัดสินใจเองว่าจะเรียนหรือไม่เรียน”
“คนที่เขาเรียนจบสูงๆ บางครั้งก็ยังหางานยากเลย แล้วเธอคิดว่าเขาจะจ้างคนที่เรียนไม่จบอย่างเธอเหรอ”
“นายหัวอยู่แต่ในสวนในป่าจะรู้อะไร งานบางอย่างเขาก็ไม่ต้องใช้วุฒิการศึกษาหรอกนะ เขาดูที่ความสามารถ”
“แล้วเธอมีความสามารถอะไร ถึงจะงานได้กัน”
“ถึงหนูยังเรียนไม่จบแต่หนูก็ใช้ภาษาได้ดี หนูจะไปทำงานบนเรือสำราญกับรุ่นพี่” เพราะเธอรู้จักรุ่นพี่คนหนึ่งเรียนอยู่ปีสาม เขาดร็อปเรียนเพื่อไปทำงานที่ร้านสปาบนเรือสำราญ เงินเดือนและค่าคอมมิชชันที่ได้ในแต่ละเดือนก็แสนกว่าบาท ถ้าเธอได้ไปทำงานบนเรือเหมือนรุ่นพี่ก็คงปลดหนี้ได้ไม่ยาก
“กว่าจะได้ไปมันไม่ใช่ง่ายๆ นะ เพลงขวัญเธอต้องเรียนก่อนเขาถึงจะให้ไป”
“หนูรู้เรียนแค่เดือนเดียวเอง”
“แล้วเธอคิดว่าจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อคอร์สเรียน”
คำถามของนายหัวอารัณย์ทำเธอนิ่งเพราะเงินเก็บที่มีอยู่ก็เหลือไม่ถึงสองหมื่นแล้วเธอจะไปหาเงินที่ไหน ถึงแม้ช่วงปิดเทอมเธอจะรับแปลนิยายและพิสูจน์อักษรแต่รายได้ก็ไม่คงที่ ถ้าต้องเสียค่าเรียนอีกหลายหมื่นก็คงอีกนานกว่าจะเก็บเงินครบ
“หนูจะไปทำงานกับเจ๊อ้อย”
“ฉันไม่คิดเลยว่าเด็กอย่างเธอจะคิดอะไรตื้นๆ แบบนั้น ถ้ายายเธอรู้ก็คงเสียใจมาก
“หนูว่ายายคงเข้าใจ คนเราก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดกันทั้งนั้น”
“ฉันว่ามันมักง่ายเกินไปนะ”
“ไม่ได้มักง่ายเลยเขาเรียกใช้ความสวยให้เป็นประโยชน์ไงล่ะ หนูรู้ว่าเด็กที่ร้านเจ๊อ้อยแต่ละคนนั้นได้เงินคืนหนึ่งเยอะแค่ไหน”
เจ๊อ้อยที่ทั้งสองคนพูดถึงคือเจ้าของร้านคาราโอเกะในตัวอำเภอที่หน้าร้านเปิดให้กินเหล้าร้องเพลงแต่ก็มีเด็กสาวๆ ไว้คอยบริการบรรดาผู้ชายที่รักสนุกด้วย
“ถ้าอยากจะขายตัวมากนักทำไมไม่ขายให้ฉันล่ะ”
“นายหัวบอกเองว่าไม่ชอบเด็ก แล้วอีกอย่างขายให้นายหัวก็ได้แค่เงินจากนายหัวคนเดียว แต่ไปที่ร้านเจ๊อ้อยหนูจะได้เงินจากหลายๆ คน”
“เธอพูดออกมาไม่อายปากเลยนะเพลงขวัญ”
“นายหัวไม่เคยได้ยินเหรอคะ ว่าด้านได้อายอด” เพลงขวัญไม่คิดจะไปทำงานแบบนั้นเพียงแต่เธอเห็นว่าเขาห้ามก็อยากจะยั่วให้เขาโมโหเล่นๆเพราะ
“ฉันจะยกหนี้ให้ทั้งหมดแล้วก็คืนบ้านกับที่ดินให้ด้วย”
“แลกกับอะไร อย่าบอกนะคะว่านายหัวจะกลืนน้ำลายตัวเองแล้วอยากจะได้หนูเป็นเมีย”
“ใครจะอยากได้เด็กอย่างเธอเป็นเมียกัน”
“แล้วเพราะอะไรล่ะคะ”
“เพราะฉันรับปากยายเธอไว้ว่าจะดูแลเธอจนกว่าเรียนจบ เงินแค่นั้นมันไม่ได้มากมายอะไรเลยแล้วบ้านของเธอกับที่ของเธอมันก็มีไม่ถึงไร่ฉันจะเอาไปทำไมล่ะ”
“แต่หนูไม่อยากรับของใครฟรีๆ”
“ถ้าเธอเรียนจบก็ค่อยหาเงินมาจ่ายให้ฉันก็ได้”
“หนูขอคิดดูก่อน”
“ได้สิ ฉันให้เวลาเธอคิด”
“นายหัวจะไม่ไล่หนูออกจากบ้านใช่ไหม”
“อือ จะให้เธออยู่ต่อ แต่เธอนั่นแหละจะกล้าอยู่ต่อไหม”
“นั่นมันบ้านของหนูทำไมหนูจะไม่กล้า”
“ฉันรู้ว่าเธอเก่ง แต่ก็อย่าลืมนะว่าแถวนี้พวกผู้ชายมันเยอะ แล้วขาวๆ อวบๆ อย่างเธอมันก็เป็นพิมพ์นิยมเสียด้วยสิ จะเข้าออกบ้านไปมาไหนก็ระวังด้วยเวลานอนก็ปิดประตูหน้าต่างให้ดี”
“นายหัวไม่ต้องมาขู่หนูหรอกค่ะ หนูนอนคนเดียวมาตั้งหลายคืนแล้วไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรเลย”
“เพราะทุกคนคิดว่าเธอกลับกรุงเทพไปแล้ว แต่วันนี้เธอไปที่ตลาดแถมยังคุยกับป้านงค์ด้วย ฉันว่าป่านนี้พวกผู้ชายก็คงรู้กันหมดแล้วว่าเธอยังอยู่ที่บ้านหลังนั้น”
“นายหัวจะพูดให้หนูกลัวแล้วให้หนูมาขอนายหัวอยู่ที่นี่ใช่ไหม อย่าคิดว่าหนูรู้ไม่ทัน”
“ฉันอยู่คนเดียวก็สบายดีแล้ว ฉันจะอยากให้เธอมาอยู่ด้วยทำไมล่ะ”
“ไม่รู้สิ นายหัวอาจจะกำลังคิดไม่ซื่อกับหนูก็ได้”
“ฉันเหนื่อยจะพูดกับเธอแล้วนะเพลงขวัญ แล้วแต่เธอละกันว่าจะเอายังไง”
“หนูก็เหนื่อยเหมือนกัน งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“อือ ก่อนกลับกรุงเทพแวะมาหาหาฉันด้วย” เขาสั่งตามหลัง