ตอนที่4 พบเจอวิญญาณที่จากไป
“ท่านป้าท่านจะเดินทางไปไหนหรือเจ้าคะ?”
“ข้าจะไปในเมืองเหยียนฟาง คิดว่าจะไปหางานทำนะ ข้าเดินทางมาไกล เพราะครอบครัวของข้า ลำบากยากจนมาก ไม่มีเงินติดตัวเลย ได้แต่อาศัยเก็บผลไม้ข้างทางกินมาเรื่อย ๆ จนตอนนี้ข้าแทบไม่มีแรงเดินแล้ว” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า ลี่อิน เจียวจู ตงฮวน หานเกอ เห็นซิ่วอิงนั่งคุยกับสตรีแปลกหน้า ก็พากันมานั่งล้อมวงด้วย พอได้ยินนางพูดเช่นนั้น ก็ต่างพากันรู้สึกสงสาร
“แล้วท่านมีที่จะไปแล้วหรือไม่?”
“ยังไม่มี ข้าคิดว่าหากไปถึงในเมือง จะไปสอบถามว่าใครต้องการคนงานบ้าง งานอะไรข้าก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น ขอแค่ให้มีคนจ้างก็พอ” ซิ่วอิงพอได้ยินก็ยกยิ้ม เริ่มมีความหวังขึ้นมา เมื่อเห็นว่านางยังไม่มีที่ไป
“แล้วหากว่าข้าจะจ้างท่านทำงาน ท่านป้าจะทำหรือไม่ละเจ้าคะ?”
“ห้ะ…เจ้านะรึ?” หวังฟางกวาดตามองซิ่วอิงอย่างไม่เชื่อถือนัก นางเป็นเพียงเด็กคงจะพูดจาไปเรื่อย แต่แล้วซิ่วอิงก็จับแขนนาง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ท่านป้าข้าพูดจริง ๆ นี่ตั๋วเงินสิบตำลึง หากท่านป้ายินดีจะทำงานให้ข้า ข้าจะจ่ายให้ท่านอีก” หวังฟางมองตั๋วเงินอย่างชั่งใจใจ เด็กคนนี้เนื้อตัวมอมแมมไม่ต่างอะไรกับขอทาน แต่ว่านางไปเอาเงินมาจากไหนกัน
แต่แล้วกลับเป็นฮุ่ยกวง ที่มาดึงเงินไปจากมือของซิ่วอิง แล้วตอบรับหน้าตาเฉย “ข้ายินดีทำ” กล่าวจบเขาก็นั่งลง พร้อมยื่นซาลาเปาในถุงกระดาษมาให้ซิ่วอิง แล้วก็น้ำที่อยู่ในกระบอกไม้ไผ่ ซิ่วอิงระบายยิ้มก่อนจะกล่าวขอบคุณ
ซิ่วอิงหยิบซาลาเปามาแบ่งให้ทุกคน ก่อนจะหยิบมากัดกินดูบ้าง ก่อนจะชะงัก รสชาติไม่ไหวจริง ๆ นางทำได้อร่อยกว่านี้สิบเท่าเลย แต่ว่าเวลานี้ก็ต้องทนกินไปก่อน ฮุ่ยกวงยื่นตั๋วเงินที่ทางร้าน ทอนคืนมาให้กับซิ่วอิง แต่นางส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยออกไป
“ท่านลุงเก็บไว้เถอะเจ้าค่ะ หากจะทำงานให้ข้า ต่อไปพวกเราก็ต้องมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วเจ้าค่ะ”
“ครอบครัวเดียวกัน!” คราวนี้ทุกคนร้องขึ้นพร้อมกัน เพราะไม่เข้าใจความคิดของนาง ว่าคิดจะทำอะไร สหายทั้งสี่คนแม้ไม่เข้าใจว่า ซิ่วอิงคิดมีแผนอะไร แต่พวกเขาก็พร้อมทำตามอยู่แล้ว ในเมื่อยกให้นางเป็นหัวหน้า ว่าแบบไหนก็ว่าตามกัน
“ใช่แล้ว ต่อไปพวกท่านทั้งสองก็มาเป็น ท่านลุงท่านป้าของพวกเรา ข้าขอแนะนำคนนี้ ลี่อิน เจียวจู ตงฮวน หานเกอ และข้าซิ่วอิงเจ้าค่ะ พวกเราอายุ9ขวบ เป็นเด็กกำพร้า” ฮุ่ยกวงแม้จะไม่ฉลาดมากนัก แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่า เด็กเหล่านี้คงมีเรื่องปิดบังเอาไว้เป็นแน่ แต่ก็ช่างเถอะตอนนี้ ปากท้องสำคัญกว่า ขอเพียงแค่ว่า งานที่นางให้ทำไม่ขัดต่อศีลธรรม เขาก็เต็มใจทำทั้งนั้น
แต่ว่ารับเงินมาก่อนแล้ว และยังไม่ได้ถามว่างานคืออะไร มาตอนนี้ก็คงถอยกลับไม่ทันแล้ว ซิ่วอิงเห็นสีหน้าของเขา ก็พอจะเดาได้จึงเอ่ยขึ้น
“เรื่องบางเรื่องมันก็ยากจะอธิบายเจ้าค่ะ ได้พบกันถือว่าเป็นวาสนา หากท่านช่วยพวกเรา พวกข้าสัญญาว่า จะช่วยเหลือท่านทั้งสองคนเช่นกันเจ้าค่ะ” ฮุ่ยกวงหันไปสบตากับหวังฟาง ก่อนจะตัดสินใจ
“ข้าตัดสินใจแล้ว พวกเราจะมาเป็นครอบครัวเดียวกันกับพวกเจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ/ขอบคุณขอรับ” เด็กทั้งห้าคนเอ่ยขอบคุณอย่างนอบน้อม ทำให้ฮุ่ยกวงและหวังฟางถึงกับตกตะลึง กับมารยาทอันดีงาม ของเด็กน้อยวัยเยาว์ ก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน พวกเขาทั้งสองไม่มีบุตร หากมีเด็กมาอยู่ด้วยคงจะดีไม่น้อย
หลังจากนั้นทุกคนก็นั่งกินซาลาเปากันอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะรีบออกเดินทางอีกครั้งก่อนจะมืดค่ำเสียก่อน ฮุ่ยกวงและหวังฟางสนิทกับเด็ก ๆ ได้อย่างรวดเร็ว การเดินทางจึงเป็นไปด้วยความสนุกสนาน
ฮุ่ยกวงและหวังฟางสังเกตว่า ซิ่วอิงถึงแม้จะอายุเพียง9ขวบ แต่ความคิดและคำพูดคำจาของนาง เป็นดั่งผู้ใหญ่คนหนึ่งเลยทีเดียว อีกทัังรัศมีที่เปล่งประกายรอบ ๆ ตัวนาง พวกเขายังสัมผัสได้ถึงความเป็นผู้นำ ทำให้เขารู้สึกเกรงขามนางขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อมาถึงประตูเมือง ทางการได้มีทหารยืนตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งฮุ่ยเจียงและหวังฝางก็แจ้งว่าจากไหน และเดินทางมาทำอะไร ทหารก็ให้ผ่านเข้าไปแต่โดยดี
ซิ่วอิงบอกให้ฮุ่ยกวงและหวังฟาง พาไปหาร้านจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป เพราะยามนี้เริ่มบ่ายคล้อยและใกล้ค่ำเต็มที ร้านค้าเริ่มทยอยปิดร้านกันบ้างแล้ว นางบอกทุกคนให้เลือกมาคนละสามชุด และนางจะเป็นคนจ่ายเอง จากนั้นจึงไปหาโรงเตี๊ยมเพื่อพักแรม ซิ่วอิงเลือกโรงเตี๊ยมที่ค่อนข้างเงียบ และห่างไกลจากผู้คน เพราะนางไม่อยากให้เป็นจุดสนใจมากนัก
พอทุกคนได้อาบน้ำชำระร่างกาย และเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่สะอาด ความรู้สึกก็เริ่มผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้น ความเคร้าหมองภายในใจ เริ่มมีไม่มากเหมือนก่อนหน้าแล้ว เพราะซิ่วอิงสอนให้พวกเขามองโลกในแง่ดี และไม่เจ้าคิดเจ้าแค้นจนลืมการใช้ชีวิตของตน
นางไม่ได้บอกว่าให้ลืมหรือไม่เอาคืนกับคนชั่วเหล่านั้น แต่เท่าที่นางคิดและไตร่ตรอง หากทางการมามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คนสั่งการคงมีอำนาจไม่ธรรมดา พวกนางต้องคิดและวางแผนให้ดี ดั่งคำที่ว่าแก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย
ซิ่วอิงบอกพวกเขาให้ตั้งใจทำในแต่วันให้ดีที่สุด สนุกสนานในการใช้ชีวิต และมีความสุขในทุก ๆ วัน เพราะนางผ่านการตายมาแล้ว นางถึงรู้ว่า การใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและมีความสุขนั้น มีค่าและสำคัญเพียงใด นางจึงอยากให้พวกเขาเติบโตมาเป็นคนที่ดีและมีคุณภาพ ถึงจะมีความแค้นก็ไม่ควรนำมา แขวนไว้ในใจตลอดเวลา เพราะจะทำให้จิตใจหมองมัว และไร้ซึ่งความสุข
คืนนี้หลังจากนางหลับ จิตวิญญาณของนางก็ได้ไปเยือนสถานที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง ก่อนนางจะพบกับวิญญาณของ บิดาและมารดาของซิ่วอิง อีกทั้งวิญญาณของซิ่วอิง และทุกดวงวิญญาณที่ตายที่หมู่บ้านไฉ่หลิน บิดาของซิ่วอิงมองนางนิ่งสงบ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“แม่นางสุดท้ายท่านก็มาเสียที ข้าไม่คิดว่าท่านจะมาอยู่ในร่างของบุตรสาวของข้า แต่อย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณ ที่ดินที่ข้ากว้านซื้อไว้มากมาย มีสมบัติซุกซ่อนเอาไว้ แต่ข้าไม่รู้ว่าอยู่ตรงจุดที่ใดของที่ดิน พวกข้าพยายามค้นหาอยู่หลายปี แต่ก็ยังไม่พบ ในกล่องที่ข้าใส่โฉนดและตั๋วเงิน มีกล่องโบราณอยู่ในนั้น หลายปีก่อนมีนักพรตท่านหนึ่ง ได้มอบไว้ให้แก่ข้า บอกว่าจะมีคนที่เจ้าของที่แท้จริง เดินทางมารับด้วยตนเอง ข้าคิดว่าแม่นางคือคนคนนั้น”
เรื่องที่พวกข้าถูกฆ่า สาเหตุคงมาจากทางการ คงรู้เรื่องมีสมบัติซ่อนอยู่ในที่ดินผืนนี้ จึงอยากครอบครองที่ดินตรงนั้นเอาไว้เอง และเป็นเพราะข้ากว้านซื้อที่ดินมาไว้ และมีโฉนดอย่างถูกต้อง พวกเขาจึงหาทางใส่ร้ายและสังหารพวกข้าทั้งหมด ข้าฝากแม่นางช่วยกำจัดคนชั่ว ละโมบโลภมากพวกนั้นด้วยขอรับ”
“พวกท่านวางใจ ข้าจะไม่ปล่อยคนชั่วให้อยู่อย่างสบายใจแน่ เด็กอีกสี่คนข้าก็จะดูแลให้อย่างดี พวกท่านก็จากไปสงบเถิดเจ้าค่ะ” พอนางรับปากเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดก็ค่อย ๆ จางหายไป
ซิ่วอิงพอรับรู้เรื่องราวทั้งหมดก็ถอนใจออกมา ความโลภทำให้คนถึงกับฆ่าแกงกัน ยุคที่นางจากมาถึงแม้ว่า จะเจริญก้าวหน้าและทันสมัย แต่ก็ยังมีคนที่โลภมากในอำนาจและเงินทองอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะยุคไหนหากขาดคนดี บ้านเมืองก็วุ่นวาย ราษฎรก็จะได้รับความเดือดร้อนไปทุกแห่งหน
ที่สวรรค์มอบพลังให้นาง คงมองเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นสินะ สวรรค์ขอบคุณที่ข้าได้เกิดใหม่ และให้พลังแก่ข้า ข้าขอสัญญาว่าจะดูแลและปกป้องผู้คนอย่างสุดความสามารถ เพียงนางกล่าวจบ แสงบนท้องฟ้าก็เปล่งประกายเจิดจ้า ก่อนจะมีร่างของสตรีในชุดสีขาว ใบหน้างดงามอย่างไร้ที่ติ พร้อมส่งยิ้มให้นางอย่างอ่อนโอน นางลอยลงมาพร้อมยืนอยู่บนดอกบัวดอกใหญ่ ที่เปล่งประกายสีทองเจิดจ้า
“ขอบใจเจ้ามาก ข้าคิดแล้วว่าข้าเลือกคนไม่ผิดจริง ๆ ต่อไปนี้กำไลที่เจ้าสวมเป็นตัวแทนจากข้า หมั่นทำความดีช่วยเหลือผู้คน ผลบุญและบารมีจะส่งเสริมเจ้าเอง” กล่าวจบนางก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าและหายไปในพริบตา
