ตอนที่5 เพื่อนสนิทของแม่
ลู่ชิงถูกบังคับให้เข้าตรวจร่างกายอย่างถี่ถ้วนอีกครา เหล่านายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็หาข้อสรุปไม่ได้ สมองของเธอไม่มีอะไรเสียหาย บาดแผลก็มีเพียงแค่เล็กน้อยเท่าที่มองเห็น
ผู้เป็นพี่ชายนั่งขมวดคิ้ว มองดวงหน้าของน้องสาวต่างสายเลือดอย่างเคลือบแคลงสงสัยไม่น้อย ที่เห็นว่าแม่น้องสาวคนนี้นั่งหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่เบื้องหน้า พร้อมกับคุณน้าหรือแม่เลี้ยงของเขานั่นเอง ส่วนบิดาของเขาไม่ว่างมารับอาหารมื้อค่ำที่ภัตตาคาร สวีเจี้ยนหรง
จึงมีเพียงแค่ชายหนุ่มและสตรีต่างวัยสองคน ในใจของลู่ชิงล้วนรู้ดีว่า เธอไม่ควรใช้ร่างกายของไป๋หนิงเพื่อหาผลประโยชน์ แต่ในเมื่อสวรรค์มีเมตตากับเธอขนาดนี้แล้ว เมื่อเจ้าของร่างเดิมตายไป วิญญาณของเธอจึงเข้าร่างนี้แทน
เธอจะดูแลผู้หญิงข้าง ๆ คนนี้ให้ดี ตอบแทนไป๋หนิงเจ้าของร่างที่แท้จริง “แม่คะ หนูจำอะไรไม่ได้จริง ๆ แต่หนูสัญญาว่าจะเป็นลูกสาวที่ดีนะคะ” ไม่คาดคิดมาก่อนว่าชีวิตของแม่ดาวร้ายคนนี้ก็มีเรื่องที่น่าสงสารไม่น้อย ถึงจะมีฐานะที่ค่อนข้างร่ำรวย อยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูง ซึ่งต่างจากลู่ชิงลิบลับ ถึงจะเป็นเช่นนี้เธอก็จะทำทุกอย่างให้ดี ไม่มีให้มีข้อกังขาใด ๆ
“หนิงหนิงของแม่เป็นเด็กดีจริง ๆ ว่าแต่ทำไมถึงนอนพักที่โรงพยาบาลไม่บอกแม่สักคำ รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน” หญิงสูงวัยเลื่อนมือไปกุมมือนุ่มของลูกสาว น้ำเสียงจึงเจือปนไปด้วยความห่วงใย ดวงตาคู่งามไหวระริกซุกซ่อนความเสียใจเอาไว้ ที่ถูกลูกสาวหมางเมินใส่ไม่ยอมบอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“หนูขอโทษนะคะ ต่อไปนี้หนูจะไม่ทำอีกแล้วค่ะ” ใช่ผู้ชายสารเลวคนนั้น ไม่สมควรได้รับโอกาสอีก ชีวิตของผู้หญิงไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้ชายเสมอไป ในเมื่อคนมันชั่ว แล้วไยจะต้องรั้งเอาไว้ ชาตินี้หาสามีไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นจะต้องวิงวอนให้ผู้ชายหน้าไหนมาเห็นใจหรือสงสารอย่างนั้นหรือ
“คุณน้าครับ ผู้ชายคนนั้นผมคงต้องจัดการสักที ไม่ให้มาวุ่นวายหนิงหนิงของพวกเรา” เขาเองทั้งเป็นห่วงและกังวลใจ เกรงว่าจะถูกหลอกให้รักให้หลง สุดท้ายก็ถูกตีจาก อีกทั้งผู้ชายคนนั้นอาจวาดหวังอะไรบางอย่างจากตัวของไป๋หนิงก็เป็นไปได้
“ขอบใจนะจ๊ะอวี้เฉิง ถ้าน้าไม่ได้เธอ คิดว่าป่านนี้หนิงหนิงก็คงถูกรังแกแล้ว กินข้าวกันเถอะจ้ะ เดี๋ยวมันจะเย็นชืดเสียหมด” ภัตตาคาร สวีเจี้ยนหรง เป็นมรดกตกทอดจากคุณปู่ของไป๋หนิง มอบให้เธอตั้งแต่อายุสิบขวบ ก่อนที่บิดาแท้ ๆ จะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
ทว่าพอแม่ของเธอประกาศจะแต่งงานใหม่ หลังจากที่พ่อของเธอเสียชีวิตไป ไป๋หนิงกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ไม่พอใจกับแม่ที่มีสามีใหม่ โดยเลือกที่จะหลงลืมความรักของคนที่ตายไปแล้วนั่นก็คือบิดาหรือคู่ชีวิตของแม่ หนนั้นไป๋หนิงยังเด็กและไม่เข้าใจ เธอออกจากบ้านด้วยเงินเพียงแค่ไม่ถึงสามหมื่นหยวน
ไป๋หนิงทั้งเรียนหนักและเลือกเส้นทางการแสดง กว่าจะได้รับเล่นละครก็ใช้เวลาไต่เต้านับแรมปี กว่าจะประสบความสำเร็จ เธอบาดเจ็บฟกช้ำมาก็มาก อุบัติเหตุในกองถ่ายละครก็มี เธอไม่เคยปริปากบ่นกระปอดกระแปดตัดพ้อต่อว่าใคร ๆ
แต่...ถ้าเธอถูกรังแกก่อน แน่นอนว่าเด็กเหลือขออย่างไป๋หนิงก็ไม่มีทางยอมเช่นเดียวกัน ล่าสุดที่พาดหัวข่าวไปเมื่อเดือนที่แล้ว เธอตบนางเอกละครถึงขั้นเลือดออกในกองทีเดียว ทำให้ผู้กำกับตำหนิเธอไม่หยุดหย่อน ครั้นจะสั่งพักงานก็ไม่ได้
ด้วยเพราะแม่นางร้ายคนนี้ ได้รับรางวัลมามากมาย และกลายเป็นท่านอาจารย์ที่น่าเคารพนับถือให้แก่รุ่นน้องที่เข้ามาถ่ายละครในกอง วันนั้นทำไมนางเอกถึงถูกนางร้ายตบจนเลือดตกยางออก ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ นอกจากคนสองคน ที่ไม่ยอมปริปากพูดความจริงออกมา
หญิงสาวนั่งมองอาหารตรงหน้า ไม่รู้จะเลือกอะไรดี มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น จู่ ๆ พี่ชายที่แสนดีก็คีบเนื้อเป็ดย่างน้ำผึ้งมอบให้แก่เธอ หญิงสาวระบายยิ้ม ทำให้นึกถึงลูกสาวขึ้นมาอีกจนได้ “ขอบคุณค่ะพี่” น้ำเสียงของเธอนั้นแผ่วเบาช่างดูน่าใจหาย
ทำให้ผู้เป็นพี่ชายถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง “มีเรื่องอะไรบอกพี่ได้ไหม”
“แม่คะ พี่คะ หนูมีเรื่องจะบอกค่ะ” เธอยังไม่ได้บอกเรื่องลู่อ้าย แต่กลับได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ดังมาทางนอกประตู น้ำเสียงนี้ช่างคุ้นหู จึงทำให้หญิงสาวผุดลุกจากเก้าอี้ด้วยอาการร้อนรน
“หนิงหนิงทำอะไร” ผู้เป็นแม่รีบลุกตามไปติด ๆ พอประตูเปิดออกก็พบเด็กน้อยใบหน้าจิ้มลิ้มนั่งกองอยู่บนพรมทางเดิน ในอ้อมกอดเธอมีตุ๊กตากระต่ายสีขาวกอดเอาไว้แน่น ร้องไห้โฮเสียงหลงอย่างเจ็บปวด
“ลูกแม่” หญิงสาวแปลกหน้า ในสายตาลู่อ้าย จู่ ๆ ก็มาสวมกอดแล้วอุ้มเธอขึ้น “ใครทำอะไรหนู บอกแม่ทีสิคะ” เธอเจ็บปวดใจเหลือเกิน ที่เห็นน้ำตาของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ใครกล้าบังอาจมารังแกยอดดวงใจของเธอ เธอไม่มีวันอภัยให้เด็ดขาด
ประตูฝั่งตรงข้ามห้องวีไอพีเปิดออก พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง หน้าบึ้งตึง พร้อมกับกระชากร่างเด็กน้อยในอ้อมของไป๋หนิงไปอย่างหน้าด้าน ๆ “ไม่ใช่เรื่องของเธอ อย่ามาสอดเรื่องของแม่ลูก”
“ปล่อยเด็กลงก่อนได้ไหมจ๊ะแม่หนู ฉันเห็นว่าร้องไห้อยู่ตรงนี้ ลูกสาวของฉันแค่เข้ามากอดปลอบใจเท่านั้นเอง” หลิวหลินพยายามอธิบาย หากปล่อยเอาไว้ มีหวังลูกสาวของเธอ คงได้ซัดผู้หญิงคนนี้สักหมัดสองหมัดเป็นแน่
“ป้าฮัว อุ้มเด็กคนนี้ออกไปสิคะ” หลี่เหมยช้อนสายตามองหญิงชราอย่างไม่พอใจนัก คนพวกนี้เป็นอะไรกัน ทำไมต้องมาวุ่นวายเรื่องของคนอื่นด้วย
“ฉันเป็นเพื่อนของลู่ชิง ส่งลู่อ้ายมาให้ฉัน” ลู่ชิงไม่ยินยอม แม้จะอยู่ในร่างของไป๋หนิงก็ตามที หากว่าไม่ใช่แม่คู่หมั้นคนงามของอดีตสามี กำลังรังแกลูกสาวของเธอต่อหน้าต่อตาแล้วละก็ จะไม่เกิดมีปากเสียงขึ้นอย่างแน่นอน
แต่ภาพเบื้องหน้านี้ ทำให้หัวอกคนเป็นแม่นั้นเจ็บปวดเสียเหลือเกิน จะปกป้องลูกสาวของตนเองไม่ได้เชียวหรือ เธอจึงขึ้นเสียงเล็กน้อย เพื่อให้อีกฝ่ายยินยอมปล่อยลู่อ้าย “ฉันบอกให้ส่งลู่อ้ายมายังไงล่ะ เสี่ยวอ้ายมานี่มา”
“แม่นางร้ายดาวยั่ว คิดจะแย่งสามีชาวบ้านหรือไร หน้าด้านไร้ยางอาย ทำไมละครที่เธอเล่นมันยังไงเด่นไม่ดังอีกหรือ ถึงได้อยากให้เต้าไต่มาเป็นคุณนายจ้าวกัน” หลี่เหมยพ่นวาจาอันหยาบคายตอกหน้า กับคนที่ยื่นหน้าแส่เข้ามาวุ่นวายเรื่องของคนอื่น
“หุบปากเน่า ๆ ของคุณซะ ไม่อย่างนั้นผมไม่เกรงใจนะ” ชายหนุ่มก้าวมาข้างหน้า ไม่ยินดีหรือยินยอมให้ใครหน้าไหนมาต่อว่าน้องสาวให้เสียหาย ถึงแม้จะต่างสายเลือดกันก็ตาม แต่ในเวลานี้เธอคือคนในครอบครัวตระกูลเซียว ย่อมได้รับการดูแลและปกป้อง
หลี่เหม่ยยิ้มแหย รู้จักอีกฝ่ายไม่เป็นส่วนตัวนัก ส่วนมากก็จะเป็นงานเลี้ยงของเหล่านักธุรกิจทั้งหลาย แต่ช่างน่าแปลกใจเหลือเกิน วันนี้ทำไมเขาถึงมากับแม่เลี้ยงของตนเองได้ ซ้ำยังมีท่าทีสนิทสนมกับแม่ดาวยั่ว ชอบแย่งคนรักของคนอื่นอีกต่างหาก
“ไม่คิดไม่ฝันว่าจะพบท่านประธานเซียวที่นี่ แหม ๆ หลงเสน่ห์นางจิ้งจอกตัวนี้หรือคะ ถึงได้นัดออกมาดูตัว” หลี่เหมยชักสีหน้า ไม่พอใจชายหนุ่มคนนี้มากนัก อีกทั้งยังออกตัวปกป้องผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอาย เที่ยวยั่วยวนสามีคนอื่นไปทั่ว
กระทั่งนางเอกละครด้วยกัน ยังมีข่าวหลุดออกมาว่าแย่งพระเอกในกอง ถึงขั้นลงไม้ลงมือตบตี เพื่อนรักของเธอก็คือนางเอกคนนั้น ที่ถูกไป๋หนิงรังแกในกองถ่าย วันนี้ได้พบหน้า หลี่เหมยก็อดใจไม่ได้ที่จะต่อว่าด่าทอแทนเพื่อนรักของตัวเอง
เพี้ยะ...ฝ่ามือเรียวตวัดฟาดลงไปยังแก้มของหลี่เหมยอย่างรุนแรง คนถูกตบถึงกับทรุดลงบนพื้น ยกมือขึ้นกุมแก้ม เงยหน้าสบตาอย่างแค้นเคือง ป้าฮัวและคนอื่นพากันอ้าปากค้าง ทว่าแม่หนูน้อยเสี่ยวอ้าย กลับปรบมือชื่นชม “สมน้ำหน้า คุณน้าขา...คุณน้าเป็นเพื่อนคุณแม่ใช่ไหมคะ”
“ใช่สิจ๊ะ ต่อไปนี้จะไม่ให้ใครมารังแกเสี่ยวอ้ายอีกแล้ว”