บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 12 คำสั่งซื้อเร่งด่วน

จางเฉินหรือลี่จางเฉิน เขาหนีออกจากตระกูลมามากกว่า 10 ปีแล้วไม่คิดที่จะหวนกลับไป เขาจึงยึดถือว่าตัวเองเป็นคนแซ่จางไปโดยปริยาย

พอได้มาเจอจางเวยลี่ก็เลยรู้สึกว่านางเป็นลูกเป็นหลาน ที่สำคัญคือเขารู้ว่าใครเป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวของนางหวาดกลัว จนเลือกที่จะนำเงินจำนวนมากมาล้อมรั้วบ้านมากกว่านำไปกักตุนอาหารบำรุงครอบครัวให้ท้องอิ่ม

ถือว่าครอบครัวหลี่ก็ยังมีหัวคิดอยู่พอสมควรที่ยอมลงทุนสร้างรั้ว แต่ถ้าหากเร็ววันนี้พวกบุรุษยังไม่กลับมา จางเฉินเองก็ไม่มั่นใจว่าครอบครัวหลี่จะสามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของสองพี่น้องตระกูลกังไปได้หรือไม่

พวกเขาเคยเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้มาก่อนและไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ช่วงนี้พวกเขากลับมาวนเวียนที่บ้านตระกูล หลี่บ่อยเหลือเกิน

เห็นทีว่าเขาคงต้องเร่งสร้างรั้วบ้านที่แน่นหนาให้แม่นางน้อยผู้นั้นเสียแล้ว หลี่อี้หานจะรู้ไหมว่าภรรยาคนสวยของเขาอาจถูกพวกคนชั่วช้าหมายตาเอาไว้

ณ กำแพงเมืองโย่งอันฝั่งตะวันตก

“เห้ย หัวหน้ามีข่าวดีมาบอกด้วยอีก 2 วันพวกเราจะได้กินแป้งย่างชื่อดังที่อร่อยล้ำไม่เหมือนใครของตระกูลหลี่” เทียนหมิงตะโกนบอกทุกคน

“เฮ!!!”

เหล่าคนงานทั้งหลายร้องขึ้นอย่างดีใจ พวกเขาอยากกินของอร่อยๆเหลือเกิน ให้กินแต่หมั่นโถแข็งๆทุกวันก็เริ่มจะเบื่อแล้ว

“เอ่อ ขอโทษนะพี่ชายเมื่อครู่นี้ท่านบอกว่าแป้งย่างนี้เป็นแป้งจากตระกูลใด คงเป็นตระกูลหนี่กระมังคงมิใช่ตระกูลหลี่หรอก” อี้หานเดินเข้าไปถามเทียนหมิง

“ตระกูลหลี่ๆ เป็นชื่อตระกูลเดียวกับพวกเจ้ามาจากที่ไหนนะ? เอ่อๆใช่ๆมาจากหมู่บ้านลู่”

“เคร้ง”เสียงจอบหลุดมือหลี่ซาน เขาหันกลับไปมองหน้าลูกชายอย่างเข้าใจกัน

“เวยลี่ก่อเรื่องอะไรอีก!”

“ท่านพ่อ ท่านอยากให้ข้ากลับบ้านไปดูนางหรือไม่” อี้หานถามอย่างรู้สึกผิด เหตุใดนางจะอยู่เฉยๆบ้างไม่เป็นเชียวรึ

“ไม่ต้องหรอกอีก 10 กว่าวันก็จะได้เงินแล้วอดทนไปก่อนถึงวันนั้นเราค่อยตัดสินใจก็ได้”

อี้หานหลับตากำมือแน่นข่มความโกรธเอาไว้ พอสงบสติอารมณ์ได้ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อโดยไม่พูดคุยอะไรอีก

ถึงแม้หลี่ซานจะตอบลูกชายไปอย่างนั้นแต่เขาเองก็อดกังวลใจไม่ได้

ไม่ใช่พราะเหตุใดแต่เพราะตั้งแต่เวยลี่แต่งเข้าตระกูล หลี่มา หลี่ซานยังไม่เคยเห็นนางทำอาหารแม้แต่เพียงครั้งเดียว

ณ บ้านตระกูลหลี่

หลังจากเจ้าเจียกลับมาครอบครัวตระกูลหลี่ก็ต้องแบ่งหน้าที่กันทำ เนื่องจากคำสั่งซื้อรายการที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากแถมยังเลื่อนมารับแป้งย่างภายในเย็นวันนี้

เวยลี่จึงยืนทำแป้งย่างเพิ่มขึ้นอีกอย่างละ 100 แผ่นรวมแล้วต้องทำแป้งย่างชนิดละ 300 แผ่น ไม่รู้ว่าเหตุใดนายอำเภอห่าวจึงเพิ่มปริมาณสั่งซื้อมากขนาดนี้

“เว่ยลี่แม่หั่นต้นหอม และตอกไข่ให้เจ้าหมดแล้ว”

“ขอบคุณท่านแม่ ท่านเตรียมตะกร้าใบใหม่ไว้สัก 3 ใบถ้าหากตะกร้าที่บ้านเราเก่าแล้วก็ควรซื้อมาเปลี่ยนใหม่เจ้าค่ะ”

“ได้ แม่จะไปเดี๋ยวนี้”

เวยลี่ทำแป้งย่างได้ 500 แผ่นแล้ว การยืนอยู่หน้าเตาเป็นเวลานานๆก็ทำให้หน้ามืดได้เหมือนกัน เวยลี่จึงนั่งพักครู่หนึ่งแล้วกลับมาทำต่อ

หากมีกำลังคนมากกว่านี้ก็คงดี แป้งย่างนี่ทำไม่ยาก ความอร่อยอยู่ที่เครื่องปรุงที่ทำให้แป้งย่างของนางโดดเด่นและมีเพียงหนึ่งเดียวเวยลี่จึงไม่กลัวว่าจะมีคนลอกเลียนแบบแป้งย่างของนางเลย

ผ่านไปครึ่งชั่วยามแป้งย่างอีกประมาณ 300 แผ่นร้อนๆก็ถูกจัดวางเรียงอย่างสวยงามอยู่บนตะกร้า ขาดเพียง 100 แผ่น ยามนี้นางทำแป้งย่างได้เร็วขึ้นเพราะเริ่มชำนาญ

เจ้าเจียเดินมาช่วยเติมถ่านให้นาง เตาที่ครัวนี้ขนาดไม่ใหญ่อีกทั้งยังเก่าแล้ว จึงไม่สามารถย่างแป้งได้หลายแผ่นในเวลาเดียวกัน

เวยลี่วางแป้งย่างแผ่นสุดท้ายลงบนตะกร้า พร้อมกับใช้แขนเสื้อซับเหงื่อบนใบหน้า ในที่สุดแป้งย่างทั้ง 900 แผ่นก็เสร็จสมบูรณ์

“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูหน้าดังขึ้น

“ซูฮวามาเปิดประตูให้ข้าหน่อย ข้ามารับแป้งย่าง” หงซวนตะโกนขึ้นหน้าบ้าน

“มาแล้วท่านลุง”เจ้าเจียไปถึงไวกว่าจึงเดินไปเปิดประตูให้หัวหน้าหมู่บ้าน

เมื่อเช้าก็เพิ่งเจอกันแต่ยามบ่ายนี้ลุงหงซวนดูนิ่งขรึมกว่าเดิม การแต่งตัวก็ดูสุภาพขึ้นมาก มองดูด้านหลังมีผู้ติดตามมา 2 คนเป็นผู้ชายร่างท้วมและผู้ชายร่างผอมสูง

“ท่านลุงเชิญด้านนี้เจ้าค่ะ พี่สะใภ้ชงน้ำชาไว้ท่านลุงทั้งสามคนลองดื่มดูเจ้าค่ะ”อ้ายหนี่พูดจาฉะฉาน แม้จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเก่าๆแต่ดูกิริยามารยาทช่างน่ารัก

“เชิญ ใต้เท้าทั้งสองท่านทางนี้”

บุคคลทั้งสองท่านเป็นคนสนิทที่คอยติดตามนายอำเภอตลอด ที่เมืองโย่งอันแห่งนี้ตำแหน่งนายอำเภอมีอำนาจสูงสุด

เหตุเพราะไม่มีขุนนางท่านใดต้องการมาประจำอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลจากความเจริญและเมืองหลวงมากขนาดนี้

“คารวะใต้เท้าทั้งสอง นี่เป็นแป้งย่างทั้งหมด 900 ชิ้นข้ามีเวลาน้อยจึงเพิ่มแป้งย่างใส่ต้นหอมให้ท่านได้เพียง 20 ชิ้นต้องขออภัยด้วย”

เวยลี่นำตะกร้าไม้ไผ่ยกขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะให้ใต้เท้าทั้งสองท่านได้ตรวจสอบ แป้งย่างส่งกลิ่นหอมออกมาชวนให้ผู้มาเยือนรู้สึกอยากลิ้มลองเป็นอย่างมาก

“ดีมาก ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะสามารถทำทัน ต้องขอโทษด้วยที่บอกเจ้าฉุกละหุกเช่นนี้ ข้าชื่อซ่งเจ๋อจูนและนี่น้องชายข้าชื่อซ่งคางเหวิน” ชายร่างสูงเป็นคนแนะนำตัว

“นี่เป็นเงินทั้งหมดรวมถึงค่าเต้าหู้ด้วย”

ซ่งเจ๋อจูนนำถุงเงินมาวางไว้ ยกน้ำชาขึ้นดื่มแล้วถือตะกร้าเตรียมขึ้นรถม้ากลับไป กลิ่นแป้งย่างหอมจนเขาแทบจะอดใจไม่ไหวอยากจะหยิบขึ้นมากินเสียตรงนี้เลย

หงซวนลุกขึ้นตามใต้เท้าทั้งสองไป เวยลี่คำนับคนทั้งสามแล้วหยิบถุงเงินมานับ ดวงตาคู่งามก็เบิกโพลงจากนั้นนางรีบวิ่งออกไปหน้าบ้าน

“ใต้เท้าซ่งโปรดหยุดก่อนเจ้าค่ะ” เวยลี่ตะโกนแล้วรีบวิ่งไปขวางทางรถม้า

“เจ้ามีเรื่องอันใด”

“เงินที่ท่านให้เกินมาเจ้าค่ะ”

“อ้อ ไม่เกินหรอกข้าเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ให้ค่าตะกร้าไม้ไผ่สานเจ้าเลย เอ้า...นี่รับไปเสียแล้วก็อย่ามาขวางทางม้าอีกข้ากำลังรีบ”

สตรีผู้นี้แม้จะยากจนแต่ก็มีความซื่อสัตย์ ช่างน่ายกย่องจริงๆ ข้าจะจำไว้ “จางเวยลี่แห่งหมู่บ้านลู่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel