บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

เมื่อเห็นเขายังเงียบอยู่นางก็ไม่กล้าจะพูดสิ่งใดออกมาอีก ได้แต่นั่งบีบมืออย่างรอคอยคำตอบ

"ความหมายของเจ้าคือ ต้องการจะหย่าใช่หรือไม่" เสียงของเขาทำให้คนหวาดกลัวจนหยุดหายใจได้เลยทีเดียว

"เป็นเช่นนั้น แต่ขอเวลาข้าสักหน่อย หากท่านไม่วางใจจะเขียนหนังสือหย่าไว้เลยก็ย่อมได้" นางมองเขาอย่างคาดหวัง หากเขาเขียนหนังสือหย่าแล้วไล่นางออกไปเลย นางจะไปอยู่ที่ไหน นางยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด หน้าผากเริ่มมีเหงื่อออก

"ได้ หากเจ้าอยากอยู่ก็ต้องทำตัวให้ดี หากเจ้าทุบตีเฉิงเออร์กับอันเออร์อีก ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย" นางรู้ว่านี่ไม่ใช่คำขู่แต่เขาสามารถลงมือฆ่านางได้จริงๆ

"ได้ ข้าจะทำดีกับเด็กทั้งสองคน" นางถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนี้ค่อยคิดเรื่องหาเงินต่อ

"เช่นนั้นท่านจะเขียนหนังสือหย่าเลยหรือไม่" หากนางมีเงินมากพอเมื่อมีหนังสือหย่าอยู่ในมือนางจะไปจากที่นี่เมื่อไหร่ก็ย่อมได้

"ได้" เขาลุกขึ้นหายไปไม่นานก็กลับมาพร้อมกระดาษสองแผ่น

จ้าวหนิงหลงส่งหนังสือหย่าให้นาง เขาลงชื่อเรียบร้อยแล้วทั้งสองใบ นางก้มหน้าลงอ่าน เมื่อทั้งคู่หย่าขาดกันเด็กทั้งสองจะอยู่กับจ้าวหนิงหลงและนางไม่สามารถกลับมายุ่งกับพวกเขาสามคนได้อีก เมื่อเห็นไม่มีข้อโต้แย้ง นางจึงลงชื่อในหนังสือแผ่นนั้น เขามองนางอย่างสงสัย ก่อนหน้านี้นางไม่รู้หนังสือแม้จะเขียนชื่อของตนได้ แต่ลายมือที่เขียนก็ไม่ใช่เช่นที่เขาเคยเห็น

ซูหนี่เพราะต้องแสดงหลากหลายบทบาทนางจำเป็นต้องเรียนเพิ่มเติม คัดอักษรพู่กันจีน กู่เจิง ผีผา พิณ เย็บปักถักร้อย ท่าเดิน การนั่ง การกิน แม้แต่การแต่งหน้าทำผม เสื้อผ้า นางจึงไม่กังวลหากจะต้องออกไปใช้ชีวิตข้างนอกด้วยตัวเอง หากจะทำการค้าก็คงไม่จากเกินไปในเมื่อยุคที่นางจากมาสิ่งใดใกล้ตัวล้วนทำให้เกิดเงินทองได้ทั้งนั้น

หนังสือหย่านางเก็บไว้คนละแผ่นกับจ้าวหนิงหลง นางยิ้มน้อยๆจ้องมองหนังสือหย่า ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนเห็นทางรอดของตนเอง จ้าวหนิงหลงเห็นรอยยิ้มของนางก็นึกโมโห เขาคิดว่านางคงอยากจะไปหาชายชู้เต็มที่

"เอ่อ ขอบคุณท่านมาก ที่ให้ข้าอาศัยอยู่ต่อ" นางพูดพร้อมยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ ในเมื่อนางกับเขาไม่เคยบาดหมางกันก็ไม่จำเป็นจะต้องโกรธหรือเกลียดกัน ถึงเขาจะเกียจเจ้าของร่างนี้อย่างมากก็ตาม ต่อไปถ้าหากลี่อินมาพบเขา ทั้งคู่ก็สามารถพูดคุยกันได้เต็มที่โดยมิต้องสนใจนาง

นางกลับเข้าห้องของตนเอง ในห้องดูดีกว่าตอนที่น้องตื่นมาในร่างนี้เสียอีก กลิ่นแดดจางๆที่นางได้เปิดหน้าต่างไล่กลิ่นเหม็นอับออกไป ไหนจะผ้าห่มเสื้อผ้าที่ซักอย่างสะอาด นางขึ้นไปนอนอย่างสบายใจ เมื่อก้มมองมือก็ต้องถอนหายใจ ซักผ้า เก็บบ้านแค่วันเดียวนิ้วมือก็เป็นแผลเพราะโดนน้ำเย็นกัดมากขนาดนี้แล้ว นางรีบเข้านอนทันทีเพราะพรุ่งนี้จะลองขึ้นเขาไปหาของกิน และหากโชคดีของได้ของมาขายเพื่อเก็บเงินอีกด้วย

เช้าต่อมาซูหนี่ลุกขึ้นทำอาหารเช่นเมื่อวานไว้ในครัวเมื่อนางกินส่วนของนางเสร็จแล้วก็หยิบตะกร้ากับมีดพร้าออกเดินขึ้นเขาไป เขาลูกที่นางไปนั้นยืนมองหลังบ้านนางก็เห็นแต่เดินจริงก็เล่นเอาหอบเหมือนกัน

ระหว่างก็พบเจอชาวบ้านบ้าง แต่ไม่มีใครพูดคุยกับนางเลย เพราะด้วยนิสัยของนางใครก็ไม่อยากเข้าหา หากไม่โดนนางด่าก็โดนนางทุบตี ชาวบ้านทั่วไปก็หาของป่าเพียงด้านรอบนอกเขาเท่านั้น แต่ตอนนี้นางเดินเข้าไปด้านใน แต่ก็ไม่มีใครคิดอยากจะห้ามนางเลยสักคน

ภูเขาที่นางขึ้นมานี่ ไม่เหมือนเขาในชีวิตก่อนที่นางไปเที่ยวปีนเขา แต่ที่นี่คือป่า ที่ยังคงความเป็นธรรมชาติโดยแท้จริงที่มนุษย์ยังไม่ได้บุกเบิกมากมายขนาดนั้น สมุนไพรทั่วไปมีให้นางเห็นบ้างแต่ก็ไม่ได้มากเท่าไรเพราะชาวบ้านเข้ามาในบริเวณนี้กันด้วย

ซูหนี่ถือไม้กวัดแกว่งไปด้วยกันงู ซึ่งก็ไม่รู้ว่ากันได้จริงไหม นางเห็นเห็ดก็เก็บใส่ตะกร้านางคิดว่าหากเดินไปลึกกว่านี้อาจจะพบเจอของดีก็ได้ ตามนิยายนางเอกเจอของดีกันมากมาย แต่นางคงลืมไปว่านางคือนางร้าย

โชคก็ไม่เข้าข้างนางเสียด้วย นางพบแค่เพียงหัวมัน เห็ด หน่อไม้ พบรังไก่ป่าที่มีไข่อยู่แปดฟองได้ นางนั่งพักริมลำธารเพราะเดินต่อไม่ไหวแล้วเท้าเริ่มมีตุ่มพองขึ้นจนเจ็บไปหมด นางล้างหน้าล้างตาดื่มน้ำเสร็จก็นั่งชมบรรยากาศที่งดงาม นางนำตะบันไฟมาด้วยจึงได้ก่อไฟเผามันย่างเห็ดกินกันหิวไปก่อน

ปลาในน้ำช่างยั่วเสียจริงมันว่ายไปว่ายมาเหมือนจะเรียกให้นางมาจับมันให้ได้ นางนั่งกินมันเผาแล้วจ้องมันไปด้วย หาวิธีคิดจะจับมันให้ได้ แต่เบ็ดก็ไม่มี จะจับวันได้ยังไง จะใช้ไม้แทงขึ้นมามันว่ายเร็วเช่นนี้แรงนางก็มีไม่มากยิ่งคิดยิ่งท้อใจ

นางจะลองลงไปจับมันดูได้สักตัวก็นับว่าโชคดี ซูหนี่ลงไปยืนในน้ำ นางใช้สองมือกดตะกร้าไว้แล้วยืนนิ่งๆอย่างรอเวลา ดินที่ติดอยู่ในตะกร้าลอยขึ้นมาด้านบน ปลาคงนึกว่าเป็นอาหารมันก็ว่ายเข้ามาในเขตตะกร้าของนาง เมื่อเห็นว่ามีหลายตัวแล้วนางจึงยกตะกร้าขึ้น นางคิดว่าตัวนางยกเร็วแล้วแต่ปลามันย่อมว่ายเร็วกว่า ในตะกร้ามีปลาอยู่สามตัวแม้ไม่ใหญ่มากนักแต่กินมื้อสองมื้อก็ได้อยู่

นางเห็นว่าเริ่มจะเย็นแล้วจึงเดินทางกลับบ้าน เหมือนจะความซวยคือเพื่อนของนาง นางจำทางกลับไม่ได้ แล้วนางก็ลืมทำเครื่องหมายไว้เสียด้วย ซูหรี่ร้อนใจจนอยากจะร้องไห้ ถ้ามืดแล้วยังหาทางออกไม่ได้นางคงได้เสียสติ มองไปทางไหนก็เป็นต้นไม้ต้นหญ้าเหมือนกันไปหมด

นางคลำทางที่มาพอเดินไม่เจอร่องรอยก็หยุดมองหาทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนฟ้ามืดนางถึงได้ออกจากเขามาได้ เสียงหมาป่าหอนดังขึ้น นางวิ่งสุดฝีเท้าโดยไม่หันกลับไปมองจนถึงเรือนนางก็นั่งลงหอบกับพื้นอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

จ้าวหนิงหลงเพียงเดินออกมามองแล้วเดินกลับเข้าบ้านไป เข้าคิดว่านางได้หนังสือหย่าแล้วจะจากไปแล้ว แต่อาหารเช้านางก็ทำไว้ ข้าวของในห้องก็อยู่ครบ เขาเลยคิดเอาเองว่านางคงออกไปหาทางพบเผยเทียนอีกเช่นเคย

เมื่อซูหนี่ตั้งสติได้แล้วนางก็ลุกขึ้น เดินเข้าครัวไปทำอาหาร

"ท่านกินข้าวกันหรือยัง" นางชะโงกหน้าเข้าไปในบ้านถามจ้าวหนิงหลงที่นั่งอ่านตำราอยู่กลางบ้าน เขาก็ยังคงไม่ตอบนางอีกเช่นเคย นางเหนื่อยเกินกว่าจะสนใจสิ่งใดแล้วนางก็หิวมากด้วย จึงเดินไปที่ครัว นางนำของที่ได้มาทำอาหาร นางทำความสะอาดปลาทั้งสามตัวแล่เอาเพียงเนื้อ ต้มรวมกับมันและเห็ดที่เก็บมาใส่เกลือลงไปนิดหน่อยเมื่อชิมก็ต้องตาลุกไม่คิดว่าอาหารที่หาเองเช่นนี้ไม่ต้องปรุงมากรสชาติที่ได้ก็ดียิ่ง

นางทำไว้หม้อใหญ่เลยพรุ่งนี้เช้าต้มข้าวอีกอย่างก็ใช้ได้ นางกินถึงสองถ้วยเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จก็ต้มน้ำอาบเช่นเคย แล้วซักผ้าที่เลอะตากไว้เลย เพราะพรุ่งนี้นางคิดจะขึ้นเขาอีก นางจะขึ้นจนกว่าจะพบของดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel