CHAPTER 4
ขณะที่บรรยากาศบนโต๊ะอาหารตกอยู่ในความเงียบ เพราะทั้งสามคนต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง เสียงเปิดประตูร้านก็ดังขึ้น และมีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้านอาหาร หลิวเสี่ยวตงหันมองตามสายตาของมู่ลี่เมื่อเห็นตาเรียวเล็กของเธอเบิกกว้างขึ้น
มู่ฟงสามีของมู่ลี่และพนักงานของเขาอีกห้าคนเดินเข้ามาในร้าน ชายวัยสี่สิบห้าปี กวาดสายตามองทั่วร้าน เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นมู่ลี่ และสาวสวยคนหนึ่งก็หยุดเดินกะทันหัน
มู่ลี่สังเกตเห็นสีหน้าลำบากใจของเขา แต่สุดท้ายมู่ฟงก็เดินมาที่โต๊ะของพวกเธอ ทำให้ลูกน้องของเขาที่มาด้วยกันจำใจต้องเดินตามมาด้วย
เมื่อเดินเข้ามาใกล้ มู่ฟงจึงได้เห็นชัด ๆ ว่าสาวสวยที่มากับภรรยาเขาด้วยคือเฉินเจียอีนั่นเอง ในวงการธุรกิจใครบ้างจะไม่รู้จักนักธุรกิจสาวคนเก่งที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยคนนี้
“ยินดีที่ได้พบครับประธานเฉิน มู่ลี่ชื่นชมคุณให้ผมฟังเยอะเลย” มู่ฟงเป็นผู้ชายใบหน้ากลม ที่มีส่วนสูงเพียงร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรทักทายเฉินเจียอีก่อนที่จะทักทายภรรยาเสียอีก
เฉินเจียอีกระตุกยิ้มมุมปาก อย่างที่คนมองไม่เข้าใจ
“ยินดีที่ได้พบเช่นกันค่ะประธานมู่ มู่ลี่เล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟังเยอะเลยเหมือนกัน”
เมื่อเธอพูดจบมือเรียวก็ยื่นออกไปรอสัมผัสมือกับเขา ทันทีที่มือของเฉินเจียอีสัมผัสกับมือป้อม ๆ ของมู่ฟงความคิดของฝ่ายตรงข้ามก็หลั่งไหลผ่านมือที่สัมผัสมาให้เธอได้ยิน
ซวยจริงทำไมต้องมาเจอกันที่นี่ด้วย
มู่ลี่ยิ่งระแวงเขาอยู่ด้วย
แม้จะเบื่อเมียที่ท้องอุ้ยอ้ายแค่ไหนก็ยังหย่าตอนนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นความน่าเชื่อถือทางธุรกิจคงหายหมด
เฉินเจียอีฉีกยิ้มกว้างยิ่งขึ้น ที่แท้สัมผัสพิเศษของเธอที่ได้มาหลังจากคืนเกิดอุบัติเหตุก็ยังไม่หายไป ตากลมโตเหลือบไปมองพนักงานของมู่ฟงที่มาด้วยอีกห้าคน เห็นผู้หญิงคนหนึ่งมีบุคลิกโดดเด่นกว่าคนอื่น ผู้หญิงคนนี้น่าจะมีส่วนสูงราว ๆ ร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร รองเท้าส้นสูงที่เธอใส่มา ทำให้เธอดูสง่างามโดดเด่นยิ่งขึ้น ผมยาวสีน้ำตาลถูกปล่อยสยายลงถึงไหล่ ในมือถือกระเป๋าแบรนด์เนมหรู ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่รวยมาก่อน พนักงานบริษัทของมู่ฟงก็ถือว่าเงินเดือนดีมากทีเดียว
“สาวสวยคนนี้คือ? ” เธอหันไปถามมู่ฟง และถ้าเธอมองไม่ผิด เฉินเจียอีเห็นคิ้วของมู่ฟงขมวดเข้าหากัน แต่ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะคลายออกอย่างรวดเร็ว
“คนนี้คือเลขาของผมครับ ชื่อจิวเยว่” มู่ฟงจำใจต้องแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกันอย่างไม่มีทางเลี่ยง ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ดี ๆ เฉินเจียอีถึงสนใจจิวเยว่ขึ้นมา
“ฉันชื่อจิวเยว่ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะประธานเฉิน” เมื่อถูกแนะนำให้รู้จักจิวเยว่จึงก้มหัวให้อีกฝ่าย และยื่นมือออกมารอทักทายอย่างมีมารยาท
เฉินเจียอียื่นมือไปจับกับมือเรียวสวย ที่ยื่นมารออยู่ก่อนแล้ว เป็นอีกครั้งที่เธอยิ้มออกมา โดยที่คนมองไม่เข้าใจความหมาย
คนนี้เหรอเฉินเจียอี ก็ไม่ได้สวยอะไรนักหนา ถ้าไม่รวยคงไม่มีใครสนใจ
มู่ลี่ เธอมันน่าเกลียดชะมัดน่าจะรู้จักหัดแต่งตัวบ้างผัวจะได้ไม่นอกใจ
ดวงตาที่เหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มานั่นคืออะไร คงช้ำใจจากรูปล่าสุดที่ส่งไปละมั้ง
เฉินเจียอีฉีกยิ้มกว้าง ปล่อยมือออกจากมืออีกฝ่ายอย่างอ้อยอิ่งเมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการ มู่ฟงมองใบหน้าสวยของเจ้านายภรรยาแล้วรู้สึกไม่สบายใจเลย เธอยิ้มเหมือนเยาะเย้ย มีแววตาที่บ่งบอกว่าถือไพ่เหนือกว่าเขา
“พวกเราคงต้องขอตัว” มู่ฟงบอกเฉินเจียอีเสียงห้วน ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่แม้แต่จะหันไปทักทายภรรยาด้วยซ้ำ
“รับประทานอาหารให้อร่อยนะคะประธานมู่” เธออวยพรมู่ฟง ขอให้ผู้ชายเจ้าชู้คนนี้กินข้าวให้อร่อย ก่อนที่เขาจะได้เจอกับฝันร้ายในไม่ช้า
เมื่อคนกลุ่มนั้นเดินออกไปแล้ว เฉินเจียอีจึงกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเองด้วยท่าทีผ่อนคลาย เมื่อพบว่ามีทางช่วยเลขาของตัวเองได้ และสัมผัสพิเศษที่เธอได้รับมายังไม่หายไป เพียงแต่มันใช้ไม่ได้กับผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันเท่านั้น ซึ่งเธอเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
“พวกคุณเห็นไหม เขาไม่แม้แต่จะปรายตามองมาทางฉันเลยสักนิด แล้วแบบนี้จะทนอยู่ด้วยกันไปอีกทำไม” มู่ลี่กลั้นเสียงสะอื้นพูดกับทั้งคู่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ยิ่งตอกย้ำว่าเธอตัดสินใจไม่ผิด
“ฉันคิดว่ามีทางช่วยเลขามู่กับคุณทนายนะคะ”
เฉินเจียอีพูดขึ้นด้วยท่าทีสบาย ๆ ซึ่งนั่นทำให้มู่ลี่และหลิวเสี่ยวตงเงยหน้าขึ้นมองเธอพร้อมกัน