บทที่3
บทที่3
“ซงหลิว!”
ชิงหลันในร่างเด็กสาวมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่กลางห้องนอนของนางอย่างแปลกใจ
“หัวหน้าให้มาเฝ้าคุณหนูขอรับ”
แม้จะดูเถรตรงไปบ้าง ใบหน้านิ่งราวกับรูปปั้นไปสักนิด แต่นางก็รู้ว่าคนคนนี้เป็นคนดี เพียงแค่การมายืนมองหญิงสาวกำลังหลับ ดูจะไม่เหมาะไปเสียหน่อย
“มิต้องห่วง ข้าเพียงแค่ดูรอบ ๆ มิได้มองอะไรเลย”
ราวกับรู้ว่านางคิดอะไร ชิงหลันหัวเราะน้อย ๆ แม้ใจนางจะเป็นหญิงสาวแต่ร่างกายก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กสาววัยแรกแย้มอยู่ดี
ชิงหลันมินึกว่าทุกอย่างจะไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก การที่นางไม่ได้แวะช่วยเหลือเหวินอี้จนทำให้ทั้งตัวนางและอีกฝ่ายต้องได้รับอันตรายจากการถูกโจรป่าทำร้าย มันไม่ได้เปลี่ยนเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าเลย แน่นอนว่ายามนั้น นางไม่ได้คุยทักทายกับซงหลิวเช่นตอนนี้หรอก กว่าจะได้เจอก็อีกหลายวันกว่าเจ้าตัวจะรักษาอาการบาดเจ็บหาย
ทั้ง ๆ ที่หลายเรื่องเปลี่ยนแปลงแต่สุดท้ายคนที่ยืนหน้านิ่งอยู่ตรงนี้ก็ยังมาอยู่ข้างกายนางอยู่ดี
“หรือมันจะเปลี่ยนไม่ได้กันนะ” ชิงหลันเอ่ยกับตนเองเสียงเบา แต่ซงหลิวก็ได้ยิน
“ว่าอย่างไรหรือขอรับคุณหนู”
นางส่ายหน้าทันใด “ไม่มีอะไรหรอก” และเพราะเหล่าสาวใช้ค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องเพื่อจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้กับชิงหลัน ซงหลิวจึงเดินออกไปเฝ้าที่หน้าประตูแทน
“คุณหนูเจ้าคะ เขาจะมาอยู่กับคุณหนูตลอดเลยหรือเจ้าคะ”
ชิงหลันพยักหน้า “ก็คงจะเป็นอย่างนั้น” ไม่แปลกที่เหล่าสาวใช้และสาวน้อยใหญ่ในพรรคจะสนใจซงหลิว บิดาของซงหลิวก็ถือได้ว่าเป็นผู้อาวุโส เวลาท่านพี่จะทำอะไรบางครั้งก็ยังต้องปรึกษา เพราะอย่างไรบิดาของซงหลิวและบิดาของนางและพี่ชายก็ร่วมจัดการเรื่องต่าง ๆ ในพรรคมาด้วยกัน สร้างพรรคจนยิ่งใหญ่มาด้วยกัน
หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยชิงหลันก็ถูกซงหลิวอุ้มมานั่งที่เก้าอี้รถไม้ “หัวหน้าให้พาคุณหนูไปคุยเรื่องของพรรคขอรับ”
ซงหลิวบอกนางเพียงแค่นั้น แต่ชิงหลันรู้ว่าพี่ชายของนางต้องการให้นางเข้าไปช่วยกิจการการค้าในเมืองอย่างเต็มตัวเช่นในภพก่อน
“มาแล้วหรือชิงหลัน”
ซงหลิวเข็นนางมาจนถึงตรงที่ชิงหมิงอยู่แต่ก็ไม่ได้ละไปที่ไหน เขายังคงยืนเฝ้าเด็กสาวอยู่ด้านข้างไม่เดินเลี่ยงออกห่างเหมือนทุกครั้ง ยามนี้เขาคือองครักษ์ของนางมีสิทธิ์ที่จะยืนใกล้แล้ว
“ไม่รู้ว่าซงหลิวบอกเจ้าหรือยัง แต่พี่อยากให้น้องมาเป็นมือซ้ายของพี่ ช่วยเรื่องงานที่กิจการการค้าในเมือง พี่คิดว่าชิงหลันทำได้อยู่แล้ว”
รอยยิ้มรู้ทันปรากฏบนใบหน้าของชิงหลัน “เพราะอย่างนี้พี่เลยอยากให้ข้าเข้าไปอยู่ในเมืองใช่หรือไม่”
ชิงหมิงพยักหน้า “แต่ก็อย่างที่พี่บอก พี่จะแวะไปหาบ่อย ๆ และเจ้าก็ต้องเชื่อฟังซงหลิวด้วย จะเรียกว่าเขาเป็นตัวแทนของพี่ระหว่างที่เราอยู่ที่นั่นก็ว่าได้”
ชิงหลันไม่ได้ปฏิเสธอะไร อย่างไรซงหลิวก็เป็นคนดี และภักดีต่อพรรค เพียงแต่...
“ท่านพี่พูดอย่างกับว่าข้าจะไปดื้อเยี่ยงนั้นล่ะ”
คนเป็นพี่ทำหน้ายุ่ง “ใครจะไปรู้เล่า เห็นว่าเจ้าแวะบอกที่พักม้าที่ใกล้ ๆ นี่ให้ไปดูคุณชายรูปงามคนหนึ่ง”
ชิงหลันไม่แน่ใจว่านางได้ยินผิดไปไหม แต่เหมือนคนด้านหลังนางจะมีเสียง หึ คล้ายไม่พอใจเบา ๆ
“สาวใช้ของข้านางกังวล ข้าจึงบอกคนที่โรงม้าไปเช่นนั้น แต่ความจริงแล้วข้าไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร เป็นนางที่อยากช่วยข้าก็แค่ส่งเสริมอีกแรง”
คนเป็นพี่มองและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “เจ้าแน่ใจนะ”
“ย่อมแน่ใจ ว่าแต่ท่านพี่จะให้ข้าเดินทางเมื่อใดกัน” นางรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากพูดถึงเหวินอี้อีกต่อไป
ชิงหมิงถอนหายใจ “อยากให้เจ้าอยู่พักที่นี่นาน ๆ แต่กิจการไม่มีคนดูนานก็ไม่ได้ เมื่อก่อนเจ้าไปช่วยดูให้เรื่อย ๆ ก็ยังเกิดปัญหา หากไปก่อนที่จะถูกนัดตรวจสอบครั้งหน้าก็ดี จะได้รู้ว่ามีใครทำอะไรแปลก ๆ กับบัญชีหรือไม่”
หลังจากพูดคุยเรื่องงานกันไปแล้วชิงหลันก็ขอให้ซงหลิวพานางออกมาเดินเล่นรับอากาศรับลมด้านนอก
“จะต้องไปอยู่ในเมืองบรรยากาศไม่สู้ที่นี่เลย” นางเอ่ย เบา ๆ ราวกับพูดกับตนเอง แต่แท้จริงแล้วพูดกับซงหลิวแต่เจ้าตัวกลับไม่ได้ตอบอะไร
“ข้าคุยกับเจ้าอยู่นะ” ชิงหลันเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่เข็นตนเองจนชายหนุ่มต้องหลบตา “ดูเหมือนเจ้าจะโกรธข้า มีอะไรหรือไม่ หรือไม่พอใจที่ต้องมาดูแลคนพิการเช่นข้า”
ซงหลิวหันขวับกลับมาหาหญิงสาวทันที
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ไม่มีทางที่ข้าจะรังเกียจคุณหนูหรอก ก็แค่กังวล คุณหนูไม่ระมัดระวังคนเลย ชายคนนั้นหาก...”
ยังไม่ทันที่ซงหลิวจะเอ่ยอะไร เสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นเสียก่อน “นี่ข้ามีพี่ชายเพิ่มอีกคนแล้วหรือ”
ซงหลิวมองอีกฝ่ายด้วยสายตาแปลกใจ ไม่รู้ทำไมแต่ครู่ใหญ่แล้วที่เขารู้สึกว่าคำพูดของเด็กสาวดูโตเกินวัย แม้นางจะแปลกไปจากที่นางกลับมาครั้งก่อน แต่ก็คงเป็นเรื่องปกติเพราะการที่หัวหน้าพรรคเลือกน้องสาวคนนี้มาเป็นมือซ้ายก็เพราะนางมีความสามารถ มิได้เพียงเพราะเจ้าตัวเป็นน้องสาว “ขออภัย”
ท่าทางที่ดูไม่เคร่งขรึมของซงหลิวเหมือนที่เคยจำได้ทำให้ชิงหลันแปลกใจไม่น้อย แต่เพราะต้องอยู่ด้วยกันอีกนานจึงตัดสินใจง้ออีกฝ่ายที่มีน้ำเสียงหงอยและคอลู่ไป
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร อยากเตือนก็เตือนไปเถอะ แต่ข้ารู้อยู่แล้วว่าอันตราย”
กระดาษหมากล้อมชีวิตที่เหวินอี้เคยสร้างขึ้น ชิงหลินแค่ขาพิการยังไม่พอยังตาบอดที่มองเขาไม่ออก นางเคยเดินตามหมากของเขาเยี่ยงคนตาบอด แต่คราวนี้นางรู้หมากที่เขาเดินทั้งหมดแล้ว หากเพียงแค่นางไม่ลงไปเล่นด้วยสุดท้ายหมากกระดานนี้ก็มลายหายไป แต่นางเป็นถึงบุตรสาวของอดีตหัวหน้าพรรคมาร จะปล่อยคนเยี่ยงนั้นให้เสวยสุขโดยมิทำอะไรนั่นคงเป็นไปไม่ได้ ยามรักนางทุ่มเท ทำทุกอย่างได้เพื่อเขา เมื่อแค้นย่อมตอบแทนอย่างสาสม