บทที่2
บทที่2
รถม้าที่วิ่งผ่านไปในทางที่คุ้นเคยที่ไม่ได้ผ่านมานานจนแทบจะจำไม่ได้สร้างความรู้สึกแปลก ๆ ให้กับชิงหลันทุกครั้งที่ผ่านหลังจากที่นางกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพราะการได้มาทำอะไรเหมือนดั่งเช่นมนุษย์คนหนึ่งอีกครั้ง มันเป็นสิ่งที่หญิงสาวไม่ได้เคยคาดคิดหรือนึกฝันว่าจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตที่สองดั่งเช่นที่ทำอยู่ในตอนนี้
“ชะลอรถม้าทำไม” นางคิดว่านี่คงใกล้กับเวลาที่จะต้องเจอกับเหวินอี้แล้ว ชิงหลันจึงยิ่งเฉยชาต่อสถานการณ์ที่อาจจะนำพาให้นางมาเจอกับชายชั่วผู้นั้นได้อีก หากไม่ต้องเห็นหน้ากันตลอดชีวิตได้ก็คงดี แต่นางก็อยากจะแก้แค้นให้ตัวเองให้ตระกูลของนางที่โดนเขาหลอกโดยการอ้างชื่อนาง ช่างเป็นการกระทำที่น่าขันยิ่ง
“มีรถม้าของคุณชายผู้หนึ่งติดหล่มอยู่เจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบทันที
“เช่นนั้นหรือ ช่างเขาเถอะ ถ้าเป็นคุณชายเดี๋ยวก็คงมีคนมาช่วยเอง” ชิงหลันบอกอย่างไม่สนใจ “ข้าจะต้องรีบไปหาท่านพี่”
“แต่ว่าหากเราใช้ม้าช่วยดึง...”
ยังไม่ทันจบคำของสาวใช้ชิงหลันก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ และดูเหมือนจะไม่พอใจเสียยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่าคุณชายทีว่านั่นเป็นใคร
“หากเจ้าอยากช่วยก็อยู่ช่วยเขาเองก็แล้วกัน” ชิงหลันบอกคนของตนให้เร่งเดินทางโดยไม่สนใจ สายตาของสาวใช้
หากนางจำไม่ผิด ครั้งนี้เหวินอี้มิได้แค่รถม้าตกหล่มหรอก เหมือนแขนของเขาก็ได้รับบาดเจ็บจากการเกิดอุบัติเหตุด้วย มันเป็นแผลติดตัวมาตลอด ขนาดว่าโตเป็นหนุ่มรูปงามแล้วก็ยังไม่จาง ครานั้นตอนที่รักยังหวานชื่นเจ้าตัวบอกว่านี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความรักระหว่างกัน เป็นแผลเป็นที่ทำให้เราได้เจอกันและได้รักกัน
“ช่างน่าขันนัก” ที่น่าขันยิ่งกว่าคือนางเชื่อ เชื่อคำพูดงี่เง่าของคนเลวทรามต่ำช้าพรรค์นั้น เชื่อไปได้อย่างไร นางคนเดิมโง่ โง่งมจนน่าใจหาย
“รอคนอื่นมาช่วยเองเถอะ” ชิงหลันไม่สนใจ แม้แต่จะเปิดผ้าม่านรถม้าออกไปดูนางก็ยังไม่ทำเลย และนั้นจึงทำให้เจ้าตัวไม่เห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองมายังรถม้า สายตาของเหวินอี้ที่มองมาราวกลับเว้าวอให้นางหยุดรถม้าเพื่อช่วยเหลือเขา แต่รถม้าที่ว่านั่นกลับมิหยุด ทั้งที่แผนการก็วางเอาไว้หมดแล้ว ทั้งคน ทั้งสถานการณ์ เหวินอี้ขมวดคิ้วเขาผิดพลาดตรงไหนกัน
แต่ถึงจะไม่สนใจ ยามเมื่อผ่านจุดพักม้าที่ชิงหลันหยุดพักเพื่อให้ม้าหยุดกินน้ำเพียงครู่เดียว นางก็บอกให้สาวใช้คนที่เอ่ยปากอยากช่วยเหวินอี้ ไปบอกกับคนที่นั่นให้ส่งคนไปช่วยเขาเสีย ส่วนนางก็ตรงกลับพรรคของตนที่มีพี่ชายและบิดารออยู่
“หลันเออร์ พี่ก็คิดว่าเจ้าไปอยู่เสียที่ใด เห็นคนบอกว่าฝนตก จึงทำให้รถม้าหลายคันเกิดอุบัติเหตโชคดีแล้วที่เจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย” ชิงหมิงรีบวิ่งไปทรุดตัวลงหน้าเก้าอี้มีล้อที่เขาเป็นคนต่อมันด้วยมือของตนเองกับมือให้ชิงหลัน
ชิงหลันโน้มตัวลงไปกอดพี่ชายของนางแน่น
เพราะมารดาสิ้นตั้งแต่นางยังเด็กจึงโตมาด้วยการเลี้ยงดูของท่านพ่อและพี่ชาย ตอนที่พี่ชายเกิดท่านพ่อรักท่านแม่มากจึงตั้งชื่ออีกฝ่ายตามท่านแม่ชิงชิง นางและพี่ชายเป็นพี่น้องที่รักกันมาก ๆ แต่ก็เพราะนางชาติก่อนอีกจึงทำให้พี่ชายถูกหลอกใช้ ทำให้ตระกูลต้องทำงานสกปรกให้เหวินอี้
ชิงหลันสัญญากับตัวเอง มันจะไม่มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด ตราบใดที่นางยังมีชีวิตอยู่
“พี่ว่านะเจ้าต้องเดินทางบ่อย ๆ เช่นนี้เข้าไปอยู่ในเมืองไม่ดีกว่าหรือ จะได้ไม่ต้องวนไปวนมา พี่เป็นห่วง”
“แล้วให้ข้าไปอยู่จวนในเมืองคนเดียวไม่กลัวว่าข้าจะไม่มีคนดูแลหรือเจ้าคะ”
“ใครจะปล่อยให้เจ้าไปอยู่คนเดียวกัน ยามพี่ไม่อยู่ก็จะให้คนอื่นเฝ้า พี่ไม่ปล่อยให้เจ้าต้องอยู่ลำพังหรอกให้ซงหลิวไปอยู่กับเจ้าก่อน เขาฝีมือดีที่สุดและพี่ก็ไว้ใจเขา เสร็จเรื่องทางนี้แล้วพี่จะเร่งตามไป ครานี้เจ้าก็ไม่ต้องไป ๆ กลับ ๆ ระหว่างพรรคและร้านค้าในเมือง”
ชิงหลันเห็นคนที่พี่ชายเอ่ยถึงก็จำได้ในทีเดียว ซงหลิวผู้นี้คราก่อนเพราะท่านพี่เร่งไปหานางที่รถม้าติดหล่มเพราะครานั้นนางรั้งอยู่ช่วยเหวินอี้จนถูกโจรป่าเข้าทำร้าย คนของท่านพี่ไปช่วยเหลือนางจนเกิดการต่อสู้ และก็เป็นซงหลิวคนนี้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจนกลับไปทำงานเป็นมือขวาของประมุขพรรคไม่ได้ดั่งเดิม สุดท้ายจึงถูกปลดและส่งมาเป็นองครักษ์ของนางแทน
แต่ตอนนี้เพราะนางไม่ได้หยุดช่วยเหวินอี้ ไม่ได้ถูกโจรป่าจับไป ทั้ง ๆ ที่ซงหลิวมิได้บาดเจ็บจนไม่สามารถทำงานในพรรคได้ เขาไม่ได้เป็นอะไรเลยสักนิด ท่านพี่ก็ยังจะส่งเขามาดูแลนางอีกอย่างนั้นหรือ
“มิใช่ว่าเขาคือมือขวาของท่าน” เพราะท่านพ่อชรามากแล้วทุกอย่างจึงเป็นท่านพี่ที่ดูแลพรรค
“เขาเป็นมือขวา แต่เจ้าเป็นน้องที่รักที่สุด อีกอย่างพี่ดูแลตัวเองได้ แล้วหากเขาเป็นมือขวาก็แสดงว่าเขาไว้ใจได้ถูกหรือไม่” ส่งคนที่ไว้ใจได้มากที่สุดไปดูแลชิงหลันย่อมดีที่สุด
ชิงหลันยิ้มให้กับพี่ชาย “เจ้าค่ะ เช่นนั้นก็ตามใจท่านพี่ เพียงแต่วันนี้น้องเหนื่อยเหลือเกิน”
แขนน้อย ๆ ทั้งสองข้างอ้าออกกว้าง ชิงหมิงรีบเร่งเข้ามาอุ้มน้องสาวขึ้นจากเก้าอี้ไม้ขึ้นแนบอก
“อยู่กับนางเจ้าก็ต้องทำเช่นนี้ด้วย แต่ระวังหน่อย ใกล้ชิดมากคนจะมองไม่ดี” ชิงหมิงหันไปบอกซงหลิว แม้จะเป็นมือขวาคนสนิทแต่ว่าก็เรียนวรยุทธ์มาด้วยกัน นับเป็นสหายรู้ใจก็มิผิดนัก ชิงหมิงบอกซงหลิวว่าต้องปฎิบัติตนเช่นไรยามอยู่กับน้องสาวของเขา นอกจากจะต้องคุ้มครองนางแล้ว ยังต้องเป็นมือเป็นเท้าให้นางด้วย
ชิงหลันที่กำลังจะบอกพี่ชายว่าให้พ่อบ้านฉู่ที่เคยอุ้มนางตั้งแต่เด็กอุ้มก็ได้ มิเห็นต้องให้ซงหลิวทำเลย แต่เมื่อเห็นแววตาที่ชัดเจนว่าตั้งใจจะช่วยเหลือจึงยังไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป นางลืมไปว่าซงหลิวคือลูกน้องของพี่ชายนาง พี่ชายนางสั่งเช่นไรก็คงตามนั้น อีกทั้งแววตาที่มุ่งมั่นและพร้อมจะช่วยเหลือนางนั่นอีก ชิงหลันซุกหน้าเขากับอกพี่ชาย
ซงหลิวผู้นี้ ไม่ว่าภพก่อนเป็นเช่นไร เขาก็ยังเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ