5.ความลับของหินสี
วันเวลาผ่านมานานนับเดือนซีซีและซีเหมยเรียนรู้ทุกสิ่งในที่ๆเธอทั้งสองอาศัยอยู่พวกเธอต่างแปลกใจในสิ่งที่พบเจอภพนี้มีสิ่งที่เรียกว่าพลังภายในและความสามารถที่เกินบรรยายพวกเธอต่างกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้โชคดีที่พ่อบุญธรรมของเธอนั้นใจดีรับปากว่าจะสอนทุกสิ่งให้พวกเธอซึ่งแตกต่างจากสตรีนางอื่นที่มักจะสนใจแค่เรื่องทำอาหารและเย็บปักถักร้อยมากกว่า
สิ่งแรกที่พวกเธอได้เรียนรู้คือการรวมลมปราณที่วิ่งทั่วทั้งร่างของพวกเธอให้อยู่นิ่งเสียก่อนไม่งั้นธาตุไฟอาจเข้าแทรกได้
ซีซีใช้เวลาแค่สองอาทิตย์ในการฝึกส่วนซีเหมยใช้เวลาสามอาทิตย์เพราะเธอมัวแต่สนใจสิ่งรอบข้างจนไม่สามารถรวบรวมสมาธิได้เหมือนนิสัยที่ชอบอยู่เงียบๆคนเดียวในชาติก่อนจะหล่นหายไปเสียแล้วกว่าจะฝึกถึงขั้นที่ท่านพ่อกำหนดให้ซีซีก็ฝึกวิชาตัวเบาล่วงหน้าก่อนหลายวันแล้ว
"ทำยังไงดีวิชาตัวเบาของข้าไปไม่ถึงไหนเลย"
ซีเหมยพูดพลางกลิ้งไปมาบนที่นอนตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็เธอมีความสุขมากไม่ต้องทนทรมานกับโรคประจำตัวอีกต่อไปแถมยังมีพลังและฝึกวิชาได้ด้วย
"ลงจากเตียงแล้วไปอาบน้ำก่อนพวกเราต้องรีบเข้านอนพรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าอีก"
"ก็มันตื่นเต้นนี่เจ้าค่ะพรุ่งนี้จะได้ออกจากบ้านเสียทีจะได้ไปดูโลกภายนอกกันแล้ว"
พรุ่งนี้ท่านพ่อของพวกนางจะพาไปฝึกวรยุทธ์ที่ตีนเขามันเป็นที่ดินที่ฮ่องเต้ประทานให้เมื่อนานมาแล้ว ท่านพ่อแสร้งออกอุบายว่าจะไปดูที่เพื่อปลูกบ้านพักให้บุตรบุญธรรมทั้งสองเพื่อเป็นการไม่สงสัยของผู้ไม่หวังดีทั้งหลาย
"เจ้าค่ะๆท่านพี่ซีซี"
ซีเหมยพูดกวนๆก่อนรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปเธอนึกขำกับคำเรียกขานของอีกฝ่าย ในตอนวันแรกที่รับพวกเธอเป็นลูกบุญธรรมฮูหยินถามว่าใครมีอายุมากกว่ากันเพื่อที่จะได้เรียงตามศักดิ์ถูกซีเหมยถึงกับรีบออกตัวว่าอายุนางน้อยเดือนกว่าควรเป็นน้อง ฮูหยินเองพอได้เห็นท่าทางที่ยกไม้ยกมือตอบก็รู้สึกเอ็นดูนางมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ที่จริงซีซีกับซีเหมยนั้นก็เหมือนห่างกันหนึ่งปีเธอเกิดวันที่1มกราคมส่วนยัยซีเหมยเกิดวันที่31ธันวาคมถึงจะพ.ศเดียวกันแต่ก็ต่างกันมากโข
เช้านี้ที่จวนเจ้าเมืองคึกคักเป็นพิเศษเจ้าเมืองที่งานยุ่งไม่ค่อยมีเวลาออกจากจวนได้มีวันที่ออกจากจวนเสียที แถมการยังพาสองสาวออกไปด้วยทำให้หนุ่มน้อยใหญ่ต่างรอพบเจอสักครั้งเพราะเสียงคำร่ำลือถึงความงามของสองสาวดังไปทั่วเมือง แล้วทุกวันข้ารับใช้ผู้ชายต้องคอยตรวจตราไม่ให้คนลอบเข้าจวนเพียงเพื่อมาพบหน้าคุณหนูของพวกเขา ช่างไม่เกรงกลัวจะถูกลงโทษกันบ้างเลย
พอได้เวลาท่านเจ้าเมืองก็ขี่ม้านำหน้าขบวนโดยมีทหารคอยคุ้มครองข้างกายแถมรถม้าที่ตกแต่งอย่างโอ่อ่าก็มีร่างของหญิงสาวทั้งสองนางอยู่ในนั้นหนุ่มน้อยใหญ่ต่างชะเง้อมองแต่ก็เห็นเพียงแค่เงารางๆ
ต่างก็พากันผิดหวังไปตามๆกันแต่เมื่อรถม้าเคลื่อนผ่านกลับมีกลิ่นหอมอ่อนๆที่แสนเย้ายวนมาปลอบใจเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายแทน ไม่ถึงกับเสียเวลาไม่เจอหน้าได้แค่กลิ่นก็ยังดี
นางทั้งสองกำลังง่วนกับการกินขนมที่แม่บุญธรรมทำไว้ให้พวกเธอกินระหว่างทางต่างหาได้สนใจสิ่งรอบกายเพราะการเป็นจุดเด่นคงไม่ใช่เรื่องดี(ช้าไปแล้ว)
สองชั่วโมงกับการนั่งรถม้าทำให้ก้นของพวกเธอแทบระบบพาหนะอันนี้คงไม่เหมาะกับคนยุคใหม่อย่างพวกเธอคิดถึงรถยนต์ชะมัดเลยแต่ไม่ทันบ่นเสร็จรถม้าก็หยุดวิ่งเสียแล้ว
"ถึงที่หมายแล้วครับคุณหนู"
เสียงทหารดังขึ้นก่อนที่สาวใช้ที่ตามมาจะเปิดม่านยื่นมือรับทั้งสองลงจากรถม้า สถานที่ๆพวกเธอมาเป็นป่าไผ่ที่กว้างมากนึกว่าจะมีแค่ในหนังเสียอีกทั้งสองต่างยิ้มเมื่อนึกถึงหนังเรื่องโปรดที่พวกเธอเคยดูกัน ฉากใหญ่ของเรื่องนั้นๆก็ชอบมีป่าไผ่เป็นโลเคชั่นหลักจนจบเรื่อง
"พวกเจ้าทั้งสองเดินตามพ่อมา ทหารดูแลบริเวณโดยรอบไว้ข้าต้องการความเป็นส่วนตัว"
ท่านพ่อเดินนำเข้าไปอีกสักเล็กน้อยก็โผล่อีกฟากของป่าไผ่ โธ่ อุส่าคิดว่าจะได้ซัดพลังตัดต้นไผ่ซะหน่อย
ท่าทางที่ผิดหวังของทั้งสองสาวช่างน่าขันแกมน่าเอ็นดูนิดๆทำเอาท่านเจ้าเมืองต้องกระแอมเรียกสติ
"อืม ที่นี่เป็นที่ฝึกวรยุทธ์ของพ่อมันคงจะรองรับพลังของพวกเจ้าได้ไหนลองแสดงพลังของพวกเจ้าให้พ่อดูหน่อย"
ทั้งสองสาวหลับตายืนนิ่งสักครู่ก่อนที่จะปล่อยแรงกดดันพลังออกมาและมีท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
แรงกดดันทำไมมันมากขนาดนี้กันมากกว่าครั้งแรกที่เห็นในจวนเสียอีก
"พอก่อนลูก ประเดี๋ยวสัตว์ที่อาศัยอยู่แถวนี้คงได้แตกตื่นกัน" ท่านเจ้าเมืองรีบหยุดบุตรสาวเมื่อพวกสัตว์ป่าโดยรอบส่งเสียงร้องออกมา
"ท่านพ่อข้ายังมีเรื่องให้ท่านช่วยดูเจ้าค่ะพวกข้าไม่แน่ใจแต่อยากให้ท่านได้เห็นก่อน" ซีซีรีบแจ้งต่อพ่อบุญธรรมของตน
"พวกเจ้ายังมีสิ่งใดที่เก็บซ่อนพ่ออยู่อีกหรือ" ตงโฉหาได้โกรธไม่ ลองพวกนางไม่กล้าบอกคงต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากแน่ๆ
ซีซีหันไปพยักหน้าให้ซีเหมยก่อนที่จะหยิบดาบออกมาจากกำไลของพวกนางมันเหมือนการเล่นกลที่สามารถหยิบสิ่งของออกมาโดยไม่ได้พกมันไว้ซึ่งพวกนางก็ชอบนะ
"พวกเจ้าทำได้อย่างไร"แม้มีวรยุทธ์สูงก็ไม่อาจซ่อนดาบไว้กับตัวได้ถ้าไม่ใช้สิ่งของวิเศษหรือกำไลจะเป็นสมบัติวิเศษ!!โอ้บุตรสาวช่างมีวาสนาแท้ๆ
"คงเป็นพรของท่านเทพนะเจ้าค่ะยังมีอีกนะเจ้าค่ะ"
สีหน้าตกใจของเจ้าเมืองตงโฉที่เกิดมาไม่เคยพบเรื่องประหลาดเท่าครั้งนี้อีกแล้ว ลูกสาวทั้งสองใช่มนุษย์จริงๆหรือเก่งเกินไปแล้ว
พูดจบทั้งสองต่างร่ายรำเพลงดาบที่อยู่ในหัวของพวกนางออกมาเป็นท่วงท่าที่อ่อนช้อยงดงานแต่ดุดันแข็งแกร่งช่างเป็นเพลงดาบที่อันตรายเสียจริงสิ่งเหล่านี้หากใช้ไปในทางที่ถูกคงจะมีประโยชน์มากแต่หากถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดล่ะ ตงโฉได้แต่ส่ายหัวไม่บุตรีของเขาจะไม่มีทางหลงผิดเป็นแน่
ท่วงท่าสุดท้ายจบลงพวกนางก็เดินมาหาท่านพ่อทันที
"เป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะท่านพ่อช่วยชี้แนะด้วยเจ้าค่ะ"
หาได้มีที่ติไม่งดงาน ดุดัน แข็งแรง จะมีเพียงแค่เสริมสิ่งที่มีอยู่ให้ชัดเจนกว่าเดิมเท่านั้น
"เพลงดาบที่เจ้าใช้คือเพลงดาบอะไร" เขาหันไปถามซีซีก่อนเพราะดูเหมือนซีเหมยจะเหนื่อยหอบอยู่
"เป็นเพลงดาบบุปผาซ่อนเงาค่ะท่านพ่อแล้วดาบที่ลูกถืออยู่คือดาบไร้เงาเจ้าค่ะ"
"ส่วนของลูกเป็นเพลงดาบแสงจันทร์เริงระบำ ดาบที่ใช้คือดาบเสี้ยวจันทร์เจ้าค่ะ"
ซีเหมยที่หายเหนื่อยแล้วรีบต่อท้ายในส่วนของนางทันทีก่อนจะยิ้มแย้มส่งให้พี่สาว
เป็นเพลงดาบที่ร้ายอาวุธที่ใช้ยิ่งร้ายกว่าเขามองพินิตดาบของซีซีและซีเหมย
"พ่อขอดูดาบของเจ้าหน่อยซิซีซี"
นางยื่นดาบให้ท่านพ่อดูอย่างว่าง่ายนางก็อยากได้คำอธิบายจากคนเห็นโลกมามากอย่างท่านพ่อของเธอ
"ตัวด้ามจับมีลายหงส์สลักอยู่พู่แดงคมดาบสีดำเงาน้ำหนักเบาแต่มองดูดีๆตัวดาบนั้นใสมองทะลุผ่านได้ อืมช่างน่าพิศวงแท้ ตงโฉลองนำไปฟันเข้าที่ก้อนหินใหญ่ก็ปรากฏว่าหินขาดเป็นสองท่อนตามคมของมีด อืมน่าสนใจเขายื่นดาบคืนให้ซีซีก่อนที่จะหันมาทางซีเหมยบุตรีคนเล็ก
"ขอพ่อดูดาบของเจ้าทีซีเหมย "
ซีเหมยรีบยื่นให้ทันทีเธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าดาบของเธอจะพิเศษเหมือนของซีซีหรือไม่
"อืมของเจ้าด้ามจับมีลายนกยูงรำแพนหาง พู่สีฟ้าเข้ม คมดาบสีม่วงใสมองทะลุได้เหมือนกัน" ว่าจบเขาก็ลองใช้ดาบฟันเข้าที่ก้อนหินใหญ่และผลก็ออกมาเหมือนกัน
"พวกเจ้าจะต้องรักษาตัวให้อยู่ในคลองธรรมอย่าได้คิดอ่านไปในทางไม่ดีเพราะสิ่งที่ได้มานั้นมีค่าและอันตรายไปในตัวเหมือนดาบสองคม"
หวังว่าพวกนางทั้งสองจะเข้าใจความหวังดีของเขา
"เจ้าค่ะท่านพ่อพวกเราจะเป็นคนดี"แต่ถ้าใครคิดร้ายทำให้ครอบครัวเธอเดือดร้อนก็ขอเว้นไว้ละกัน
"ข้ากลัวใจเจ้าที่สุดซีซีจากที่เห็นฝีมือเจ้าเพลงดาบของเจ้ามันซื่อตรงตามความรู้สึกของเจ้าเกิดไป"
"ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ท่านพ่อกล่าว"
"ความรู้สึกที่อยากปกป้องความรักยุติธรรมของเจ้ามันดีแต่บางสิ่งก็ต้องปล่อยวางให้เป็นตามลิขิตสวรรค์อย่าได้ยึดติดกับสิ่งที่ไม่มีจริงเลย"
ท่านพ่อคงจะเดาออกว่านางรู้เรื่องของตระกูลรองที่หวังจะแย่งชิงตำแหน่งเจ้าเมืองแถมยังส่งคนมาลอบฆ่าพ่อของเธออย่างต่อเนื่องไม่ให้เธอโมโหได้ยังไงก็ท่านพ่อออกจะเป็นคนดีเธอคงไม่ยอมให้ถูกกระทำฝ่ายเดียวหรอก
"ท่านพ่ออย่าคิดมากเลยเจ้าค่ะข้ามีเรื่องสงสัยอยู่อีกข้อ"ซีเหมยรีบเปลี่ยนเรื่องเธอรู้ใจของซีซีดีกว่าใครตระกูลรองคงไม่ได้อยู่เป็นสุขและแน่นอนเธอต้องร่วมมือในการแก้แค้นครั้งนี้อยู่แล้ว
"ยังมีอะไรที่เจ้าไม่เข้าใจหรือ"ตงโฉหันมาถามซีเหมยบุตรีคนเล็กของเขา
"พรสามข้อที่ท่านให้ไปเลือกหินสีนะคะท่านพ่อคิดเห็นว่าอย่างไรข้าคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจเลย"
"อืมหินสีที่ท่านเทพหนี่วาให้พวกเจ้าเลือกนะหรือถ้าพ่อเดาไม่ผิดในการเลือกแต่ละก้อนแต่ละครั้งแต่ละสีคงมีความหมายแฝงอยู่ที่พวกเจ้าเลือกก้อนแรกสีอะไรหรือ" แม้จะได้ฟังมาบ้างแต่เขาก็ไม่ได้ถามถึงอีกเลยตั้งแต่วันที่พูดคุยกันครั้งแรก
"ของข้าสีแดง"ซีซี
"ของข้าสีฟ้า"ซีเหมย
"อืมสีแดง สีฟ้า ก็น่าจะเป็นพลังธาตุของพวกเจ้าสีแดงคือไฟสีฟ้าคือน้ำแล้วก้อนที่สองล่ะ"
"ของข้าสีดำ"ซีซี
"ของข้าสีม่วง"ซีเหมย
"สีดำ สีม่วงน่าจะเป็นการเลือกเพลงดาบและอาวุธของพวกเจ้าแล้วก้อนสุดท้ายล่ะ"
"ของข้าสีขาว"ซีซี
"ของข้าสีชมพู"ซีเหมย
"อันสุดท้ายที่พวกเจ้าเลือกนั้นน่าจะเป็นนิสัยของพวกเจ้าสีขาวความชอบยุติธรรมและเสียสละให้ส่วนรวมสีชมพูการให้อภัยและความรักที่มีให้ทุกคนดูเหมือนสิ่งนี้พ่อจะมั่นใจที่สุดแล้วล่ะ" ท่านพ่อของพวกนางช่างวิเคราะห์ได้โดนใจเสียจริงแต่หารู้ไม่ว่าซีเหมยนั้นมีนิสัยดื้อเงียบถ้าหากใครมาทำอะไรให้คนในครอบครัวเธอเจ็บแล้วละก็เธอก็เลือกที่จะกลายร่างเป็นจงอางหวงไข่ทันที
สายตาของบุตรคนเล็กช่างไม่น่าไว้ใจเสียจริงหรือเขาจะคิดมากไปตงโฉได้แต่ปัดความรู้สึกนี้ทิ้งไป