3.ที่นี่ที่ไหน
'เหมยเจ้าตายก่อนหน้าที่ซีจะมาถึงแผ่นดินเกิดหนึ่งวัน'
ประโยคนี้ช่างสะเทือนอารมณ์ของผู้ที่กำลังสับสนเสียจริง ซีรีบปราดเข้าประคองร่างของเพื่อนสาวที่ทำท่าจะล้มลงเสียแล้ว
'หมายความว่ายังไงที่ว่าเหมยตายแล้วค่ะ'
ซีรีบถามทันทีที่ได้ยินคำบอกเล่าจากปากของเทพนี่วาเมื่อมองหน้าของเพื่อนเธอก็ซีดลงทันใด
'สิ่งที่พวกเจ้าได้ยินได้เห็นนั้นไม่ผิดหรอก เหมยได้เสียชีวิตจากโรคที่เป็นอยู่ในคืนที่เจ้ากำลังกลับมา'
เหมยหน้าเสียทันทีและได้นึกถึงวันที่ยัยซีขึ้นเครื่องมาหลังที่วางสายจากเพื่อนรักโรคภูมิแพ้ของเธอก็ได้กำเริบขึ้นมาอย่างหนักจนเธอไม่ทันตั้งตัวความทรมานที่สุดแสนบรรยายถาโถมเข้ามาสิ่งสุดท้ายที่เหมยจำได้ก็คือกล่องไม้ที่เก็บกำไลของเธอและเพื่อนที่วางไว้ข้างเตียง
'เหมยแกร้องไห้ทำไมนึกอะไรออกก็บอกกันซิเป็นอย่างนี้ฉันใจไม่ดีนะ'
ถึงจะตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเหมย ซีก็ได้แต่กอดประคองร่างที่เล็กกว่าเธอไว้ เธอก็พอจะเดาออกเพราะมันเป็นสิ่งที่เธอคอยถามถึงอาการที่เป็นจากเพื่อนของเธอ แต่ก็จะมีเพียงคำตอบที่บอกว่าเธอไม่เป็นไรเท่านั้น
เหมยนั้นร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็กมีโรคประจำตัวที่มักแสดงอาการที่รุนแรงแต่เธอก็จะอดทนและมีเพียงรอยยิ้มให้คนข้างกาย แต่ถึงยังไงเธอก็มีเพื่อนเพียงคนเดียวคือซีเพราะทุกคนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเหมยและเหมยก็มักจะเก็บตัวอยู่เงียบๆคนเดียวเสมอมา
เหมยเป็นหญิงสาวที่สวยน่ารักน่าทะนุถนอมต่างเป็นที่อิจฉาของเพื่อนวัยเดียวกันเธอมักถูกเพื่อนผู้หญิงที่ริษยาเธอกันเธอให้ห่างจากเพื่อนๆคนอื่นและคอยยุยงให้เพื่อนๆเหล่านั้นรังเกียจเธอที่หนักสุดก็คอยกลั่นแกล้งให้เธอเจ็บตัวเป็นประจำจนเธอแทบไม่มีเพื่อนคบยกเว้นซีที่คอยปกป้องเธอเสมอมานั่นจึงเป็นสิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจของเธอไว้ตลอดจนถึงปัจจุบัน
'ฉะ..ฉันจำได้'
เสียงของเหมยที่เปล่งออกมามันแหบแห้งราวกับคนขาดน้ำมาแรมปี เธอคิดออกแล้วทุกสิ่งเป็นไปตามที่ท่านเทพหนี่วาพูดทุกประการ
'เธอตายแล้ว'
เหมยหันไปมองหน้าของซีสายตาที่ส่งไปมีแต่ความอาลัยอาวรณ์เพื่อนของเธอ
'ไม่ต้องเสียใจไปเมื่อพวกเจ้ามายืนต่อหน้าเราที่นี่พวกเจ้าก็หาได้กังวลไม่เพราะสิ่งนี้ได้กำหนดไว้เนิ่นนานมาแล้ว พวกเจ้ามาสนใจสิ่งที่เราจะบอกต่อไปนี้ดีกว่านะ'
อารมณ์ของทั้งสองตอนนี้ยังแยกไม่ออกไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจมันทั้งมึนงงไปหมดแล้ว และเป็นซีที่ได้สติก่อนจึงหันไปถามสิ่งที่คาใจเธอนัก
'ท่านเทพหนี่วาบอกว่าเราได้กลับมาเพื่อทำตามคำสาบานกับคนรักแสดงว่าเราจะได้เกิดอีกครั้งหรือคะ'
สวรรค์คงไม่ใจร้ายนักหรอกนะอย่างน้อยได้เกิดทันทีก็ดีกว่าเป็นผีเร่ร่อนละกัน
'เปล่ามันเป็นเรื่องที่อธิบายยากเราบอกได้แค่ว่าพวกเจ้าจะเกิดใหม่ด้วยร่างนี้ของพวกเจ้าและความทรงเดิมแต่เป็นที่ดินแดนของคนรักของพวกเจ้าอาศัยอยู่ ณ ตอนนี้'
สองสาวพอได้ยินต่างหันมาส่งยิ้มให้กันอย่างน้อยเธอก็ได้มีความทรงจำที่น่าจะเป็นประโยชน์กับพวกเธอละนะ ดีใจไม่นานสีหน้าของเหมยก็กลับมาแย่กว่าเดิม
'เหมยเป็นอะไร'
เสียงร้อนรนด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสาวจากซีดึงสติของเหมยกลับมา
'เอ่อ...คือว่าถ้าเกิดด้วยร่างเดิมโรคที่มีติดตัวก็จะ...จะ'
'ไม่ต้องห่วงเจ้าได้หมดห่วงเวรห่วงกรรมจากภพที่แล้วมา ภพนี้ร่างกายเจ้าจะแข็งแรงขนาดล้มช้างทั้งโขลงเลยล่ะหาได้ต้องกังวล'
'จริงหรือเจ้าค่ะ เย้...ยัยซีได้ยินไหมแกฉันจะแข็งแรงแบบแกแล้วนะฉันพร้อมที่จะลุยอยู่ข้างๆแกแล้วได้ยินไหม'
เหมยดีใจจนเก็บอาการไม่ไหวกระโดดเข้ากอดร่างเพื่อนรักอย่างแนบแน่น
'ได้ยินซิได้ยินฉันดีใจกับแกมากๆนะเหมย'
แกปล่อยฉันก่อนได้ไหมฉันหายใจไม่ออกกกก
'เอาล่ะใกล้จะถึงเวลาไปเกิดของพวกเจ้าแล้วนะพวกเจ้าเดินเข้ามาใกล้ข้าอีกนิดซิ'
เจ้าแม่หนี่วาอมยิ้มอย่างนึกเอ็นดูพวกนางทั้งสอง หากพวกนางได้รับผนึกความทรงจำที่เหลือคงจะ...........แค่คิดก็นึกสนุกเสียจริง
ทั้งสองสาวรีบเดินไปข้างหน้าอย่างว่าง่ายทั้งตื่นเต้นจนต้องจับมือกันไว้ พวกเธอจะได้ไปเกิดที่แห่งใดนะ สองสาวต่างคิดตรงกัน
'ที่ๆพวกเจ้าจะไปนั้นอันตรายเหลือแสนคนที่แข็งแกร่งจึงจะอยู่รอดสงครามก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจงระวังอำนาจเงินตราที่ไม่เคยเข้าใครออกใครและที่สำคัญอำนาจวาสนาที่ยิ่งสูงคนก็ยิ่งอยากยื้อแย่ง จงระวังตัวเองให้ดีอย่าไว้ใจใครง่ายๆและจงเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองดีที่สุด ข้าจะมอบพรและพลังวิเศษให้พวกเจ้า แต่ขึ้นอยู่ที่พวกเจ้าจะต้องเป็นคนเลือกเอง'
ท่านเทพหนี่วาพูดจบก็ยื่นผลึกหินสีมาข้างหน้า แสงที่เปล่งประกายออกมาช่างน่าหลงใหลนักนับดูแล้วมีอยู่ถึง7สีแต่พวกเธอไม่รู้ว่าจะเลือกอันไหนดีเนี่ยซิ
'พวกเจ้าหยิบคนละสามก้อนแล้วถือไว้กับตัวเอง'
ทั้งสองสบตากันก่อนที่จะหยิบหินสีเหล่านั้นโดยอาศัยดวงและสัญชาตญาณของตัวเอง เหมยเลือกจากสีที่ชอบ
เธอเป็นสาวช่างฝันฉะนั้นสีที่เธอเลือกจึงเป็นสีที่บอกความเป็นตัวเธออย่างดีส่วนซีเธอเป็นหญิงสาวที่ไม่ค่อยเหมือนหญิงทั่วไปเธอจึงเลือกตามที่สัญชาตญาณโดยแท้จริง
'พวกเจ้าเลือกเสร็จแล้วซินะ'
'ค่ะ'ทั้งสองสาวขานรับพร้อมกัน
ซีเลือกหินสี แดง ดำ ขาว
เหมยเลือกหินสี ฟ้า ม่วง ชมพู
ส่วนหินที่ไม่มีคนเลือกคือหินสีส้ม
'เอาล่ะเมื่อเลือกได้แล้วก็ไปเถิด'
'เอ่อเดี๋ยวเจ้าค่ะ...ซีถ้าเกิดใหม่อีกครั้งฉันขอเป็นน้องของแกนะ ได้ไหม'
ซีที่งงๆกับคำขอของเพื่อนสาวก็หันมองหน้าเพื่อนอย่างต้องการคำอธิบาย
'คือตั้งแต่รู้จักกันมาฉันก็ถูกปกป้องจากแกมาตลอด แกคอยดูแลเอาใจใส่ฉันเสมอมาและไม่เคยรังเกียจฉันแม้แต่นิดเดียวและในยามลำบากแกก็จะยืนอยู่ข้างฉันเสมอ ฉันคิดเสมอว่าหากฉันได้เกิดเป็นน้องสาวของแกคงจะดีมากได้เป็นครอบครัวเดียวกันได้มีพี่สาวที่ดีอย่างแก'
น้ำหยดใสๆที่หลุดออกมาเป็นสิ่งยืนยันถึงความในใจของเธอได้ดี ตอนนี้ใบหน้าที่น่ารักของเหมยกลับเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาแต่มุมปากกลับยกยิ้มกว้าง
'อ่า.....ยัยบ้านี่! อยากเป็นน้องฉันต้องอดทนกว่านี้นะรู้ไหมเพราะพี่สาวคนนี้โหดนะขอบอก'
ซีได้แต่ดึงเหมยเข้ามากอดก่อนจะยกมือลูบผมเบาๆ วันนี้เธอได้เห็นถึงมิตรภาพดีๆระหว่างเพื่อนที่หาได้ยากจากในยุคสมัยนี้ เธอช่างโชคดีเสียจริง
'เอาละถึงเวลาแล้วปล่อยใจให้ว่าง'
ท่านเทพหนี่วากล่าวจบหินสีที่พวกเธอถืออยู่ก็เปล่งแสงก่อนจะหายเข้าไปในตัวพวกเธอ
วิณญาณทั้งสองสาวล่องลอยไปตามเป้าหมายที่ท่านเทพกำหนดไว้
คืนนี้ที่จวนของเจ้าเมืองยังมีร่างของฮูหยินที่นั่งจิบน้ำชาอยู่ศาลาริมน้ำนางฝันแปลกประหลาดจนทำให้นอนไม่หลับเมื่อนึกถึงฝันนั้นช่างเหมือนจริงจนแยกไม่ออกว่านั่นคือฝันหรือความจริง
ในฝัน
ฮูหยินได้นั่งอยู่ที่ศาลาฝั่งซ้ายได้มีหญิงสาวที่สวยราวกันนางฟ้าเดินเข้ามาหาในมือของนางมีดวงแก้วสองดวงก่อนที่จะยื่นให้นาง
'ข้าได้นำดวงใจของเจ้ากลับมาคืนให้จงดูแลรักษาให้ดีล่ะ'กล่าวเพียงแค่นั้นนางก็ส่งยิ้มก่อนที่จะหายไป
"เฮ้อ..ช่างเป็นฝันที่แปลกยิ่งนัก"
แต่ความรู้สึกของนางกลับมีความยินดีปลื้มปีติที่ได้รับดวงแก้วไว้ในมือ
แสงสว่างที่มาจากฟ้าช่างจ้าจนแสบตา ดาวตกหรือแต่แสงนั่นหายเข้าไปทางห้องที่หญิงสาวทั้งสองนางอยู่นี่ลางสังหรณ์ของนางบอกให้นางไปดูที่ห้องๆนั้น
"มีอะไรหรือเจ้าค่ะฮูหยิน "
"ข้าจะไปห้องของหญิงสาวทั้งสองนำข้าไปเร็ว"สาวใช้ต่างลนลานทำตามคำสั่งของฮูหยิน ต่างเร่งรีบพยุงร่างของนางไปถึงห้องของหญิงสาวทั้งสองสาวใช้ทุกคนต่างเห็นความเป็นห่วงหาอาทรที่ฮูหยินมีให้พวกนางต่างก็คิดว่าอีกไม่นานจวนเจ้าเมืองคงได้มีบุตรีเพิ่มถึงสองคน
"คารวะฮูหยิน" ทหารเฝ้าประตูต่างแปลกใจที่เห็นฮูหยินมาที่นี่ในยามนี้
"เปิดประตูข้าจะเข้าไปดูอาการของแม่นางทั้งสอง"
ทหารต่างรีบทำตามคำสั่งของฮูหยินแม้จะไม่เข้าใจท่าทางที่รีบร้อนของนาง
"จุดเทียนซิ แล้วพวกเจ้าตามข้ามา"
ฮูหยินสั่งคนสนิทที่ติดตามมาสองคนให้ปิดประตูให้เรียบร้อยก่อนจะเดินตามนางเข้าไปที่ห้องนอนของสองสาว
ห้องนอนของทั้งสองสาวอยู่ด้านในของห้องฮูหยินเดินเข้าไปถึงก็ต้องตกตะลึงร่างของหญิงสาวทั้งสองคนลอยเหนือที่นอนเล็กน้อยแต่มีแสงสว่างที่เรืองรองออกมาจากตัวนานนับนาทีกว่าที่ทั้งสองร่างจะลอยลงบนที่นอนเช่นเดิม
"แสงหายไปแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน" สาวใช้ต่างตื่นตกใจกันยกใหญ่พวกนางต่างคิดว่าหญิงสาวทั้งสองไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาเสียแล้วแต่ใครจะคิดว่าพวงนางเป็นเช่นไหนก็แล้วแต่ใจเช่นกัน
ร่างทั้งสองเริ่มขยับตัวหลังจากที่นอนมานานนับสัปดาห์ฮูหยินรีบขยับเข้าไปใกล้ด้วยใจที่จดจ่อกับการฟื้นของพวกเธอ
ทันทีที่ซีลืมตาสิ่งแรกที่เห็นคือใบหน้าของหญิงสาวที่งดงามแม้จะมีดูมีอายุแต่ก็บดบังความงามของหญิงตรงหน้ามิได้ เมื่อได้สตินางก็เริ่มที่จะสังเกตไปรอบๆที่นี่ที่ไหนกันนะ
"งืมๆ ขอ5นาทีนะคะป้า" เสียงจากร่างเล็กที่บ่งบอกบอกถึงความขี้เซาอย่างหนัก ยัยเหมยจะอยู่ที่ไหนแกก็ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆไอ้นิสัยเนี๊ยะทำไมไม่ทิ้งไว้ที่โลกนู้นนะ
"คิ..คิกๆ"
เสียงหัวเราะของเหล่าสาวใช้ไม่เว้นแม้แต่ฮูหยินที่ได้ยินเหมยพูดตอบกลับมาต่างก็รู้สึกเอ็นดูทั้งสองอยากบอกไม่ถูก
"เจ้าลุกขึ้นได้หรือไม่มาข้าจะพยุง"ฮูหยินหันไปสนใจซีที่ลืมตามองนางอยู่
แววตาที่ส่งผ่านมาทำให้ซีรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกนางรู้สึกผูกพันกับหญิงตรงหน้าอย่างมากหรือนี่จะเป็นมารดาในโลกนี้กัน
ฮูหยินมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้าช่างงดงามเสียจริงผิวที่ขาวเหมือนน้ำนมเส้นผมที่ดำนุ่มสลวยริมฝีปากที่แดงดูสุขภาพดีรูปร่างที่เย้ายวนโดยเฉพาะส่วนบนที่ดูจะอิ่มเอิบกว่าสตรีใดแม้จะเห็นมาก่อนตั้งแต่วันที่ช่วยพวกนางแต่ก็อดชื่นชมไม่ได้อยู่ดี
"รินน้ำมาให้ข้าที" สาวใช้รินน้ำให้ก่อนจะยื่นให้ฮูหยินรับไป
"เจ้าก็ดื่มน้ำเสียหน่อยนะคอของเจ้าจะได้ไม่แห้ง" ซีมองการกระทำที่ฮูหยินป้อนน้ำให้นางช่างอบอุ่นเสียจริง
"ขอบคุณเจ้าค่ะ" เสียงที่เอ่ยออกมาช่างไพเราะนักนางอยู่มาจนถึงบัดนี้หาเคยได้ยินไม่
"พักอีกสักนิดเถอะใกล้ฟ้าสางแล้ว เดี๋ยวพอรุ่งสางข้าจะมาพบเจ้าอีกครั้ง"
ฮูหยินรั้งร่างบางให้นอนลงก่อนที่จะห่มผ้าให้ นางช่างดีใจเสียเต็มประดายิ่งได้เห็นว่านางทั้งสองปลอดภัยนางก็เบาใจพรุ่งนี้นางจะต้องพาสามีของนางมาเยี่ยมเยียนทั้งสองเสียแล้วพลางนึกถึงความฝันต้องใช่แน่ๆนางคิดอย่างหมายมาดในใจท่านพี่จะต้องรับนางทั้งสองมาเป็นบุตรีแน่