06 เด็กแต่เด็ด
หลายวันต่อมา
เดียร์ Talk
คลับใหญ่
พรุ่งนี้ฉันหยุดงานซักวันนึงพักผ่อนร่างกายของตัวเอง วันนี้ก็เลยออกมาดื่มอยู่ที่คลับเดิมที่เคยมากับอีพิงค์สมัยยังสาวๆ ก็เป็นคลับของผัวมันนั่นแหละ ก็มันอยู่ใกล้คอนโดของฉันที่สุดแล้วนี่นา อีกอย่างก็มาเที่ยวบ่อยจนการ์ดจำหน้าได้แล้ว คือเห็นหน้าแล้วไม่ต้องตรวจบัตรก็ได้เพราะจำกันได้เพราะเมื่อก่อนฉันกับพิงค์ก็มาที่นี่บ่อยมาก เป็นเพื่อนสนิทของเมียเจ้าของที่นี่อีกด้วย
ฉันนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์มาคนเดียวก็เลยไม่อยากหาโต๊ะนั่งให้มันเหนื่อยแรง อีกอย่างจะได้นั่งดูหน้าบาร์เทนเดอร์หล่อๆ ด้วย เด็กในคลับมันงานดีทั้งนั้น ใบหน้าหล่อเหลารูปร่างบึกบึนแข็งแรง มันน่าจับทำผัวซะจริงๆ
แหะๆ ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ฉันไม่เอาจริงหรอกก็แค่เต๊าะเด็กเล่นไปเรื่อย ตามประสาสาวโสดอย่างฉัน
“ดื่มขนาดนี้ ไม่เมาเหรอครับคุณเดียร์”
“แหม…เห็นฉันเคยเมาบ้างไหมล่ะ แค่นี้ไม่ระคายคอฉันหรอก ฉันคอแข็งน่ะ” เมื่อก่อนฉันก็เมาง่ายมากเลยนะ แต่พอเริ่มกินหนักขึ้นร่างกายมันก็ปรับสภาพตามจนตอนนี้ฉันเมายากมากๆ เลย
แต่ฉันก็ไม่ได้มาดื่มบ่อยขนาดนั้น นานๆ ทีจะมีเวลาว่างมาเที่ยวแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่ก็ทำงานอย่างเดียว บางครั้งออกไปพบลูกค้าหรือออกไปคุยงานกับลูกค้าก็มีดื่มกันบ้างนิดหน่อย
“ไม่เคยครับ ว่าแต่คุณเดียร์ยังไม่เปิดใจรับใครอีกเหรอครับ”
“ถามแต่ฉันนะ ว่าแต่นายเถอะไม่เห็นสนใจใครซักคนเลย สาวๆ แอบมองเพียบเลยนา ไม่สนใจบ้างหรอ” ฉันหันมองไปรอบๆ ตัว ก็เห็นผู้หญิงบางคนกำลังมองตาเล็กตาน้อยมาที่บาร์เทนเดอร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของฉัน
เอาตามความจริงฉันก็รู้จักบาร์เทนเดอร์คนนี้มานานแล้วล่ะ แต่ฉันยังไม่เคยรู้จักชื่อเขาเลย เข้ารู้จักชื่อของฉันเพราะพิงค์มันเรียกบ่อย
“ผมมีคนที่ถูกใจอยู่แล้วครับ แอบชอบมานานแล้วด้วยแต่ไม่รู้ว่าเธอคนนั้นจะสนใจผมหรือเปล่า”
“เฮ้ย! เราเป็นลูกผู้ชายนะต้องรุกสิ เปิดอกบอกเขาไปตามตรงเลยว่าแอบชอบ ผู้หญิงชอบคนที่ชัดเจนมากกว่านะ ชักช้าระวังมีคนเอาไปก่อนนา อย่าหาว่าไม่เตือน”
“ผม…ไม่กล้า เขาอยู่สูงกว่าผมเยอะ ในขณะที่เขามีทุกอย่างหมดแล้วแต่ผมยังย่ำอยู่กับที่อยู่เลย ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้เธอภูมิใจเลย ผมไม่กล้าดึงเธอมาลำบากกับผมหรอก”
“โถ่เอ้ย อย่าคิดแบบนั้นสิ นายก็ลองไปคุยกับเค้าดูก่อนก็ได้ ฉันเชื่อนะว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการความจริงใจมากกว่าเงินทอง เพราะความจริงใจมันยั่งยืนที่สุด” ฉันก็เป็นคนนึงแหละที่ชอบความจริงใจมากกว่าเงินทอง สำหรับฉันแล้วเงินทองมันก็แค่กระดาษใบหนึ่งที่เอาไว้วัดใจคนไม่ว่าจะเพื่อนหรือคนที่เรารัก
“ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณเดียร์บ้าง ว่าทำไมคุณเดียร์ถึงไม่สนใจผู้ชายคนไหนเลย”
“ฉันเองก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ จะให้คบเล่นๆ แล้วทิ้งไปเรื่อยเมื่อไหร่ฉันจะมีครอบครัวที่ดีล่ะ”
“ผู้ชายบางคนก็ดีนี่ครับ”
“ก็ถูกของนาย แต่ผู้ชายที่ฉันเจอมายังหาความจริงใจไม่ได้เลย” ฉันเจอแต่อะไรก็ไม่รู้ เจอแต่พวกปากหวานก้นเปรี้ยว
“….”
ฉันนั่งดื่มไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่เมาเท่าไหร่พอเดินกลับคอนโดได้ ฉันก็แปลกใจเหมือนกันนะเวลาไปไหนก็ชอบมีคนมาถามฉันว่าเมื่อไหร่จะมีแฟนเมื่อไหร่จะแต่งงาน แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่มันมีบางคนชอบเอาไปพูดนี่สิว่าสาเหตุที่ฉันไม่ยอมแต่งงานก็เพราะว่าฉันเลี้ยงเด็กเอาไปเยอะจนเลือกไม่ถูกว่าจะเอาคนไหนดี
แต่ฉันก็ไม่อยากจะอธิบายอะไรหรอกพูดไปก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง มันก็ฟังไปอย่างนั้นแหละมันไม่รู้เรื่องห่าเห่วอะไรหรอก อยากด่าอะไรก็ด่าไปแต่อย่าให้มันเกินขอบเขต เพราะถ้าฉันจะเรียกค่าเสียหายขึ้นมาฉันเอาหนักแน่นอน จะเรียกค่าเสียหายจนรวยไปเลย
“เมาหรือยังครับคุณเดียร์”
“ไม่อะแค่มึนๆ” ฉันประคองสติของตัวเองแล้วตอบคนตรงหน้าไป
“ยังไม่กลับเหรอครับ ให้ผมไปส่งไหม นี่ก็ใกล้เวลาจะเลิกงานผมแล้ว”
“ไม่เป็นไร คอนโดฉันอยู่ตรงนี้เองเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว”
“แล้วจะเดินไหวเหรอครับ หน้าแดงไปหมดแล้วนั่น”
“อือพอไหวอยู่ ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ได้สิครับ ถ้าคุณเดียร์เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาพนักงานทั้งคลับนี้เจอคุณพิงค์เล่นงานแน่”
“จะบ้าเหรอ ฉันเป็นคนมาเที่ยวเองนี่นา ไม่ต้องคิดมากหรอกถ้ามันจะว่าเดี๋ยวฉันจัดการเอง พวกนายไม่ต้องกลัว” ฉันให้คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนจะยกวิสกี้แก้วสุดท้ายลงคอทีเดียวจนหมดแก้ว จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเล่นไปเพลินๆ
ยังไม่อยากกลับคอนโดตอนนี้ ฉันเหงาหงอยมาก จะแปลกไหมถ้าฉันอยากมีลูกแต่ฉันไม่อยากมีผัว อยากมีลูกเป็นของตัวเองลูกแท้ๆ เลยไม่ใช่ลูกบุญธรรม แต่ฉันไม่อยากมีผัว
แต่ความจริงก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี เพราะถ้ามีลูกแล้วก็ต้องมีผัวอยู่ดีไหม
“นี่นาย ถามจริงนะตั้งแต่รู้จักกันมาฉันยังไม่เคยรู้จักชื่อของนายเลย ชื่ออะไรอะ?”
“ผมชื่อพีทครับ”
“อือ ได้รู้จักชื่อซะทีนะ ว่าจะถามตั้งนานแล้วไม่มีเวลาถามสักทีเลย”
“แหะๆ ผมขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้แนะนำตัวเองให้คุณเดียร์รู้จัก ผมไม่คิดว่าคุณเดียร์จะอยากรู้จักชื่อของผม”
“คนรู้จักกันก็ต้องอยากรู้ชื่อคนรู้จักกันธรรมดาสิ นายรู้ชื่อฉันแต่ฉันไม่รู้ชื่อนาย มันแฟร์ซะที่ไหน” แต่ความจริงฉันก็ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ด้วยหรอก
ฉันไม่ถามเขาก็ไม่บอก มันก็ถูกแล้วนี่นา
“แล้วนายอายุเท่าไหร่อะ?”
“ยี่สิบสามครับ”
“โห…เด็กกว่าฉันตั้งเยอะเลยนี่นา” ฉันไม่อยากจะพูดเลยว่าตัวเองอายุเท่าไหร่แล้ว ไม่คิดว่าวันเวลามันจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ ฉันจำได้ว่าฉันจัดงานวันเกิดตัวเองตอนอายุ 25 ปี ผ่านมาไม่กี่ปีฉันก็ 30 ซะแล้ว
“เด็กแต่เด็ดนะครับ”
“ห๊ะ!? นายว่าอะไรนะพีท ฉันได้ยินไม่ชัด” ฉันเอียงหูไปใกล้พีทมากกว่าเดิม เพราะเสียงเพลงมันดังจนฉันได้ยินอะไรไม่ชัดเลย หรือว่าฉันเมาจนหูอื้อไปเอง
“อ๋อ…ผมหมายถึงว่าผมเด็กแต่ผมเก่งนะครับ”
“โอเคฉันเชื่อ กลางวันไปเรียนส่วนกลางคืนไปทำงาน นายขยันมากเลยพีท”
“ครับ…”
ไม่อยากจะพูดตอนที่ฉันอายุเท่าพีทฉันยังไม่มีงานทำเลย เรียนอยู่แต่ก็เที่ยวเตร็ดเตร่ทุกวัน จนญาติพี่น้องของพ่อแม่ฉันบอกว่าฉันจะเรียนไม่จบเพราะติดเที่ยวติดเพื่อน แต่คนเรามันก็แยกแยะกันเป็นป่ะ ฉันแยกแยะเวลางานเวลาเที่ยวเวลาเรียนได้ ฉันรู้ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น
เบื่อจริงๆ เลยนะ กับพวกป้าที่ด่าว่าแต่ลูกคนอื่นแต่ไม่เคยหันมองย้อนดูลูกหลานของตัวเองเลย ถ้าฉันเล่าพฤติกรรมของลูกสุดที่รักของแกให้ฟัง มีหวังหัวใจวายตายพอดี ทั้งบ้าผู้ชายโดดเรียนไปเอากับผัว ขาดเรียนสารพัด แต่รอดมาได้เพราะพ่อจ่ายเงินใต้โต๊ะ