บท
ตั้งค่า

ลางร้าย

โฉมสะคราญค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ความอ่อนล้าของร่างกายและน้ำตาที่แห้งกรังบนใบหน้า ร่างกายของนางเจ็บปวดราวกับถูกบีบคั้นด้วยความทรมานที่ยากจะลืมเลือน

หานหยางนั้นยังจำได้ดีถึงภาพเหตุการณ์ที่นำพานางมาสู่จุดนี้ ครอบครัวที่เคยมีอยู่กลับถูกตราหน้าว่าสมคบคิดกับกบฏ ทุกคนในจวนถูกจับและทรัพย์สินทั้งหมดถูกยึดเป็นของหลวง

เมืองหนานซานในแคว้นเป่ยโจวนั้นถือว่าเป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีทรัพยากรตามธรรมชาติมากมาย เป็นที่ตั้งของตระกูลคหบดีที่มั่งคั่งหลายตระกูลด้วยกัน และตระกูลหานเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

วันก่อน ณ จวนของคหบดีตระกูลหาน แม้จะเป็นในยามที่สายลมเย็นของฤดูหนาวโชยเข้ามาปะทะ แต่มือเรียวบางของหานหยางยังคงบรรจงจับพู่กันด้ามโปรดตวัดเส้นสวยลงบนผ้าใบสีขาวผืนใหญ่

ภาพทิวทัศน์และขุนเขาถูกหญิงสาวรังสรรค์ขึ้นมาอย่างสวยงาม ไม่เพียงแค่ลายเส้นงดงามมีเอกลักษณ์เท่าแต่ทว่าภาพวาดนั้นกลับดูราวกับว่ามันมีจิตวิญญาณ

“ภาพวาดของคุณหนูงดงามเช่นเคย ไม่ทราบว่าคราวนี้คุณหนูจะนำภาพไปเข้าประกวดอีกหรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่ใช่หรอกอาเฟิ่ง ภาพวาดหุบเขาไป๋หูของข้าเพิ่งได้รับรางวัลมาไม่นานนี้เอง ข้าจึงยังไม่คิดจะลงประกวดในช่วงนี้ ท่านแม่บอกว่าภาพของข้าได้รับเกียรติสูงสุด ตอนนี้กรมพิธีการได้นำไปไว้ที่เมืองหลวงแล้ว เพื่อประดับในงานพิธีที่กำลังจะมีขึ้น”

หานหยางตอบกลับอาเฟิ่งบ่าวรับใช้ของนางด้วยนำเสียงที่เต็มไปด้วยความปลื้มปีติ เพราะพรสวรรค์อันโดดเด่นของนางได้รับการยอมรับในที่สุดจากแวดวงสังคมชั้นสูงรวมไปถึงเหล่าเชื้อพระวงศ์

ภาพวาดของหุบเขาไป๋หูของหานหยางนั้นเป็นภาพของทิวทัศน์ที่นางเคยไปเยือนเมื่อสมัยอดีต จำได้ว่าวันนั้นตนเองมีนัดกับคหบดีหานผู้เป็นบิดาว่าจะออกไปชมงานเทศกาลด้วยกัน แต่แล้วก็มีเหตุที่ทำให้ไม่สามารถไปชมงานเทศกาลร่วมกันได้

‘ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงผิดสัญญากับข้าครั้งแล้วครั้งเล่ากัน ข้ารอคอยอย่างอดทนเพียงหวังว่าเราจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ครั้งนี้ท่านพ่อก็ทำผิดกับข้าอีกเช่นเคย’

ดวงตาสีนิลคู่งามของเด็กน้อยคลอไปด้วยหยาดน้ำตาสีใส ความเสียใจกดทับหัวใจเล็กๆ นั้นจนแทบแตกสลาย ตั้งแต่จำความได้นั้นบิดาของหานหยางมักออกไปทำการค้าต่างเมือง ไม่ค่อยมีเวลากลับมาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวมากนัก

วันนั้นด้วยความที่เด็กน้อยอยากจะรู้ว่าบิดาออกจากบ้านยามตะวันลับขอบฟ้าเพื่อไปทำอะไรกันแน่ หานหยางจึงแอบลอบตามบิดาไปจนได้พบบิดากำลังยืนเสวนากับกลุ่มคนชุดดำในหุบเขาลึกลับแห่งหนึ่งบริเวณชานเมือง

ทิวทัศน์ที่ได้เห็นเบื้องหน้าช่างงดงามราวกับสรวงสวรรค์ แต่คนที่อยู่ในบริเวณนั้นกลับมีสีหน้าและท่าทางที่เคร่งเครียดราวกับว่ากลัวคนภายนอกจะมาเห็นสถานที่สวยงามนี้เข้าอย่างไรอย่างนั้น

หานหยางในวัยเยาว์ยืนแอบใต้ร่มเงาของต้นไม่ใหญ่ รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่เห็นบิดาของนางออกมา จึงตัดสินใจเดินกลับไปยังงานเทศกาลแต่เพียงผู้เดียว

แม้จะผิดหวังกับบิดา แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีอยู่บ้างเพราะนางยังมีมารดาคอยดูแลและปลอบโยนอยู่เสมอ อีกทั้งมารดาซึ่งเป็นบุตรสาวของจิตรกรเลื่องชื่อในเป่ยโจวยังถ่ายทอดศิลปะการเขียนพู่กันและวาดภาพให้กับหานหยาง

“จำไว้นะลูก การวาดภาพนั้นไม่เพียงแค่ลายเส้นต้องสวยงาม แต่เจ้าต้องถ่ายทอดชีวิตและจิตวิญญาณลงไปในภาพวาดนั้นด้วย ทำให้ภาพวาดนั้นดูมีชีวิตให้จงได้”

หานหยางจำคำของมารดาได้ขึ้นใจ หลังจากนั้นนางจึงหมั่นฝึกฝนวาดภาพของดอกไม้ ต้นไม้และภาพทิวทัศน์จนถึงวันนี้ที่ผลงานของนางเป็นที่ประจักษ์และเลื่องชื่อ

“อาเฟิ่ง ข้าอยากจะไปข้างนอกจวนสักหน่อย เจ้าไม่ต้องติดตามข้าออกมานะ” พูดจบหญิงสาวก็บรรจงเก็บอุปกรณ์วาดรูปของนางใส่ถุงย่ามหมายจะออกไปวาดภาพที่สวนนอกจวน

“แคร่ก!” พู่กันด้ามโปรดหักออกเป็นสองท่อนราวกับว่ามันเป็นลางร้ายว่าจะต้องสูญเสียของรักอย่างไรอย่างนั้น แววตาสีนิลคู่งามของหานหยางเศร้าสลดลงในทันใด

“ไม่เป็นไรนะเจ้าคะคุณหนู เดี๋ยวบ่าวจะไปหยิบด้ามใหม่มาให้ คุณหนูรอบ่าวสักประเดี๋ยว” อาเฟิ่งเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของผู้เป็นนาย จึงอยากรีบแก้สถานการณ์โดยเร็ว

“ขอบใจเจ้ามากนะ อาเฟิ่งที่แสนดีของข้า” หานหยางเอ่ยขอบคุณด้วยใจจริง นอกจากมารดาก็มีอาเฟิ่งนี่แหละที่รู้ใจนางเป็นอย่างดี

ไม่นานนักอาเฟิ่งก็กลับมาหาผู้เป็นนายพร้อมกับพู่กันด้ามใหม่ หานหยางจึงก้าวเท้าออกไปจากจวนใหญ่พร้อมกับกระเป๋าย่ามใบหนึ่ง

แต่แล้วโชคชะตากลับเล่นตลกกับตระกูลหาน ระหว่างที่หานหยางออกไปเที่ยวเล่นนอกจวน กลับมีเหล่าทหารหลวงนับสิบบุกเข้ามาอย่างกระทันหันพร้อมกับมอบข้อหาสมคบคิดกับกลุ่มกบฏแก่ตระกูลหาน คนในตระกูลถูกจับกุมแถมยังถูกยึดทรัพย์สมบัติทั้งหมดไปเป็นของท้องพระคลัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel