๑.๑ พระเอกเจ้าเสน่ห์
๑
พระเอกเจ้าเสน่ห์
กรุงเทพมหานคร...
บ้านไม้หลังเล็กขนาดกะทัดรัดมีรั้วรอบขอบชิดด้วยกำแพงอิฐบล็อกสีขาวหม่นๆ ตามอายุของตัวบ้าน ด้านหน้าเป็นประตูอัลลอยด์สีฟ้า ลักษณะเป็นเหล็กแบนแหลมซี่เล็กๆ มีต้นกระดังงาเก่าแก่อายุหลายสิบปีส่งเส้นสายกิ่งก้านเลื้อยโค้งเป็นซุ้มตามธรรมชาติ ผนวกกับการตัดแต่งอย่างเอาใจใส่ ใบเดี่ยวสีเขียวขึ้นหนาทึบสลับกันไปตามกิ่งแซมด้วยดอกสีเหลืองกลีบเรียว ให้กลิ่นหอมประหลาดล้ำกำซาบ สะกดใจกรุ่นกรายพลิ้วพรายตามสายลม
ภายในบ้านมีพัดลมเพดานหมุนติ้วๆ เพื่อให้เย็นสบายช่วยให้ความคิดโลดแล่น... นิ้วเรียวยาวที่กำลังเคาะระรัวบนแป้นคอมพิวเตอร์แบบพกพาหรือที่เรียกว่าโน้ตบุ๊กต้องหยุดชะงักลงชั่วขณะเมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะการพิมพ์ของ ‘ปริญชยา วิจิตรา’ หรือแป้งบัณฑิตสาวจบใหม่วัย 23 ปี ซึ่งพึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาการเงินการธนาคารจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่ตอนนี้ยังไม่มีที่ไหนเรียกตัวหล่อนเข้าไปทำงานเลย ทำให้เจ้าตัวต้องยึดอาชีพนักเขียนอิสระซึ่งเป็นอีกงานที่รักและถนัดไปพลางๆ ก่อน
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ยังดังต่อเนื่องทำให้หญิงสาวต้องเอื้อมมือไปหยิบเครื่องมือสื่อสารเครื่องนั้นขึ้นมาแล้วกดปุ่มรับสายพร้อมกรอกเสียงหวานใสลงไป
“สวัสดีค่ะ”
“น้องแป้งหรือเปล่าคะ” ปลายสายถามกลับมา
“ใช่ค่ะ...” หญิงสาวทอดเสียงให้อ่อนโยน
“พี่กานเองนะคะ”
ปริญชยาพยักหน้ากับตัวเองช้าๆ หล่อนจำได้ดีว่าเป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ที่ตัวเองส่งต้นฉบับนิยายให้อยู่เป็นประจำ
“อ๋อ...ค่ะ มีอะไรให้แป้งรับใช้คะพี่กาน”
“พี่มีข่าวดีจะแจ้งค่ะน้องแป้ง” กานติมาซึ่งเป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์ไวท์โรสพับลิเคชั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังใคร่รู้มากยิ่งขึ้น
“ข่าวดีเหรอคะพี่กาน” เสียงของปริญชยาตื่นเต้นขึ้นมาทันที ในใจลุ้นว่าหนังสือเรื่อง ‘นางบำเรอแสนเสน่หา’ ที่ส่งไปพิมพ์เมื่อสามเดือนก่อนอาจจะได้พิมพ์รอบสองก็ได้
“ข่าวดีที่ว่านั้นก็คือ…” บรรณาธิการคล้ายจะเว้นระยะของคำตอบเอาไว้ก่อนเพื่อให้อีกฝ่ายลุ้นหนักขึ้น
“หนังสือของแป้งได้ตีพิมพ์สองรอบเหรอคะพี่กาน” ปริญชยาเป็นฝ่ายชิงถามเสียเอง
“ไม่ใช่จ้ะ”
“อ้าว...” เสียงหวานหงอยลงทันที
“แต่ว่า... นิยายของน้องแป้งจะได้ทำเป็นละครค่ะ”
คำตอบจากกานติมาทำให้ปริญชยาอ้าปากค้าง โทรศัพท์เครื่องจิ๋วแทบร่วงลงจากมือ ใจหนึ่งก็คิดว่าตัวเองกำลังหูฝาด…
“อะ...อะไรนะคะ!”
“น้องแป้งฟังไม่ผิดหรอกค่ะ” ปลายสายย้ำมาอีกครั้ง
“พี่กานไม่ได้หลอกแป้งใช่ไหมคะ!” ปริญชยาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ไม่ได้หลอกจ้า ทางผู้จัดชอบเรื่องนี้มาก ก็เลยตกลงว่าจะเปิดกลองเลย นี่แป้งรู้ไหมว่าพระเอกที่จะมาเล่นเรื่องนี้คือ ‘โรม รามิล’ ดาราหนุ่มเจ้าเสน่ห์แห่งปีเลยนะ”
“โอย!…พี่กานคะ นี่แป้งไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะ”
“ไม่ได้ฝันจ้ะ ถ้าไม่เชื่อน้องแป้งลองหยิกตัวเองดูสิจ๊ะ” กานติมาพูดติดตลกกลั้วหัวเราะ
ปริญชยาลองทำตามจริงๆ โดยการจิกเล็บลงบนแขนตัวเองแรงๆ ปรากฏว่ามันก็เจ็บจนเกือบหลุดเสียงอุทานเข้าไปในโทรศัพท์
“เจ็บจริงๆ ด้วยค่ะพี่กาน”
“ถ้าอย่างนั้นน้องแป้งเข้ามาเซ็นสัญญากับผู้จัดเลยนะคะ”
“ได้สิคะได้”
“แต่ว่าคุณโรมเขามีข้อแม้นิดหนึ่งน่ะจ้ะน้องแป้ง” ปลายสายคล้ายจะเว้นจังหวะไป
“ข้อแม้อะไรคะ”
“เขาต้องการให้แป้งไปเป็นผู้ติวบทเลิฟซีนให้ด้วยตัวเอง”
หญิงสาวเบิกตาโพลง! ทรวงอกขยายตัวขึ้น “หา!…อะไรนะคะ”
“พี่ว่าไม่น่ามีปัญหา อีกอย่างคุณโรมเขาก็จะจ่ายเงินค่าจ้างให้ต่างหากไม่รวมกับค่าลิขสิทธิ์ พี่ก็เลยรับปากเขาไปแล้ว เอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะส่งสัญญาไปให้อ่านก่อน อืม…ตอนนี้บทโทรทัศน์ก็เขียนเกือบเสร็จแล้ว พอดีทางผู้จัดใจร้อนก็เลยเขียนล่วงหน้าเลย พี่ก็คิดว่าน้องแป้งไม่น่ามีปัญหา อาทิตย์หน้าเขาจะเปิดกล้องแล้วล่ะ พี่อยากให้น้องแป้งไปด้วย จะได้เจอคุณโรม เดี๋ยวพี่จะโทรไปนัดอีกทีนะ”
พูดจบกานติมาบรรณาธิการของไวท์โรสพับลิชั่นก็วางสาย หากแต่ปริญชยานั้นกลับต้องนั่งกุมขมับ ไอ้เรื่องดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่ไอ้เรื่องติวบทเลิฟซีนนี่สิที่ต้องคิดหนักเพราะนิยายเรื่อง ‘นางบำเรอแสนเสน่หา’ หล่อนเขียนให้พระเอกมีบุคลิก โหด หื่น เก่งบทรัก แล้วหล่อนจะทำอย่างไรดีในเมื่อเก่งแต่ทฤษฎีแต่ปฏิบัตินั้นไม่ง่ายเลยสักนิดเพราะแค่จูบก็ยังไม่เคย…
‘โอย...แย่แน่ๆ เลยปริญชยา เอ๊ย...’
เมื่อกลุ้มใจคิดอะไรไม่ออกปริญชยาจึงกดโทรศัพท์หาเพื่อนชายหัวใจหญิงของตัวเองทันที
“ว่าไงยะนังแป้ง” วีวี่ผู้ชายหัวใจหญิงจิกเสียงแหลมแต้แวดผ่านสายมาทันที
“ฉันมีเรื่องกลุ้มใจจะปรึกษาแกหน่อยน่ะ เย็นนี้ว่างหรือเปล่า?”
“สำหรับหล่อนฉันต้องทำตัวให้ว่างอยู่แล้วล่ะ”
“งั้นเลิกงานแล้วเจอกันที่ร้านเดิมนะ”
“โอเชได้เลยจ้า” วีวี่จีบปากจีบคอพูดตุ้งติ้งแต๋วแตกตามแบบของสาวประเภทสองก่อนจะวางสาย
เป็นอันว่าหลังจากนั้นปริญชยาก็สมาธิกระเจิดกระเจิงไม่สามารถแต่งนิยายต่อได้ ร่างอรชรลุกขึ้นจากหน้าคอมพิวเตอร์ไปนอนลงที่เตียงขนาดสามฟุต และเปิดโทรทัศน์ดูไปพลางๆ หากแต่ภาพที่เห็นในหน้าจอโทรทัศน์ยิ่งทำให้ความกลัดกลุ้มที่มีอยู่แล้วมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อละครในช่วงบ่ายกำลังฉายเรื่องที่รามิลพระเอกชื่อดังวัย 28 ปี เล่นเป็นพระเอกอยู่ด้วย แค่เห็นบทบาทที่เขากำลังแสดงก็ทำเอามือเล็กๆ สั่นระริก คนอะไรทั้งหล่อทั้งเก่งโดยเฉพาะบทฉุด กระชาก ตบจูบนี่ต้องยกให้เขาเลย แล้วอย่างนี้จะให้หล่อนไปติวอะไรให้เขาได้
เมื่อภาพในจอโทรทัศน์รบกวนจิตใจ หล่อนจึงกดรีโมทเพื่อปิดมันซะ ก่อนจะเอนตัวลงนอนเอามือก่ายหน้าผากอย่างครุ่นคิดว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี แต่ไม่ว่าจะคิดไปกี่ตลบก็ยังหาทางออกให้กับตัวเองไม่ได้ สุดท้ายจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกไปรอวีวี่ที่ร้านไอศกรีมเล็กๆ แถวหน้าปากซอยใกล้ๆ บ้านเช่า
ปริญชยานั่งแกร่วอยู่คนเดียวในร้านไอศกรีมในระหว่างรอเพื่อนชาย ‘หัวใจหญิง’ มาสมทบ หล่อนสั่งน้ำส้มคั้นมาแก้วหนึ่งดื่มรอแก้คอแห้ง ใครๆ ต่างก็พูดว่าน้ำส้มเป็นน้ำนางเอก แต่คนที่ไม่ใช่นางเอกอย่างหล่อนกลับชอบดื่มเหมือนกัน เพื่อนๆ จึงมักล้ออยู่บ่อยๆ ว่าหน้าไม่ให้แต่ใจรัก