อัญชญาเป็นเด็กดี 2
“นายสั่งไม่ให้เอาหน้าไปให้เห็นไม่ใช่เหรอ มึงก็ทำตามเถอะ อย่าหาเรื่องใส่ตัวอีก กูเหนื่อยแล้วนะ”
“หนูแค่อยากขอบคุณ”
“เออ เข้าใจ แต่มึงอยู่เฉยๆ เถอะ และอย่าไปก่อเรื่องไรอีก แค่นี้นายก็คงพอใจแล้ว”
“เขาเกลียดหนูขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ถ้าเกลียด เขาคงไล่มึงออกจากที่นี่แล้ว เอาง่ายๆ เลยนะ มึงตั้งใจเรียนหนังสือ สนใจแต่เรื่องของตัวเองพอ เรื่องนายไม่ต้องสนใจหรอก”
“พี่นุ่มก็ไม่ยอมให้หนูไปทำงานบ้านที่ตึกใหญ่เลย ให้แค่รดน้ำต้นไม้โน่นเลย ไกลจากตึกใหญ่”
“ก็ดีแล้ว มึงจะอยากเสนอหน้าไปให้นายเห็นอีกหรือไง เดี๋ยวนุ่มก็เดือดร้อนอีกหรอก ดีนะนายยกโทษให้ หักเงินเดือนแค่เดือนเดียว”
“ที่เหลือหนูจะใช้คืนพี่นุ่มเอง”
“ก็ดีเหมือนกัน มันเดือดร้อนเพราะมึงอยากแซ่บแท้ๆ”
“ก็คิดว่านายจะชอบนี่” เด็กสาวพูดทำหน้าง้อใส่พล
“ไม่ว่ามึงจะแซ่บหรือไม่แซ่บ เขาก็ไม่เอามึงทำเมียตอนนี้หรอก”
“หนูไม่สวยเหรอ”
“มึงเป็นเด็ก นายไม่ชอบเด็ก!” พูดจบ พลก็เบื่อจะคุยกับหลานสาว เลยเดินลงบันไดกลับตึกใหญ่ไปเลย ปล่อยอัณชญาพึมพำอยู่คนเดียว
“คนเรามันก็ต้องโตสักวันไหมล่ะ!”
หลังจากเหตุการณ์ไอ้ฟีลหัวแตก สถานการณ์ที่โรงเรียนก็เป็นปกติ แต่เพื่อนที่มีน้อยอยู่แล้ว ก็เหลือน้อยลงกว่าเดิม แทบไม่มีใครอยากคุยกับอัณชญา ยกเว้นแตงกวา เพื่อนซี้ตั้งแต่สมัยประถม แต่อัณชญาถือคติ เพื่อนดี มีแค่คนเดียวก็ถือว่าคุ้ม
“กวา เลิกเรียนเราไปกินติมกันเถอะ กูเลี้ยง” อัณชญาเอ่ยขึ้นขณะทั้งสองกินข้าวเที่ยงด้วยกันในโรงอาหาร
“ไปสิ ของฟรี กูเต็มที่อยู่แล้ว”
“จากนั้นเราไปเดินเล่นที่ตลาดนัด ไม่มีเสื้อผ้าใหม่ๆ ใส่เลย ไปด้วยกันนะ”
“ไปสิ”
“เดี๋ยวกูซื้อชุดให้มึงชุดหนึ่งนะ”
“โหรวย”
“ไม่รวยหรอก แต่ก็พอมีซื้อให้มึงได้”
“จะว่าไปเป็นอีหนูคุณภพก็ดีนะมึง กูอยากเป็นมั้ง มึงไปถามเขาให้หน่อย ว่ารับกูด้วยคนไหม”
“นายไม่ชอบเด็ก ขนาดกูเขายังไม่เอาเลย ที่ซื้อไว้ เพราะเขาสงสาร กลัวพ่อกูขายให้ไอ้เสี่ยโต” อัณชญาบอกเพื่อนไปตรงๆ
“ตกลงมึงกับเขายังไม่ได้กันเหรอวะ”
“เออ นายไม่ชอบเด็กไง”
“ว้า แปลกคน ใครๆ ก็ชอบเด็กทั้งนั้น ยิ่งแก่ๆ คราวพ่อแบบนี้น่าจะชอบเด็กนะมึง”
“ก็เขาไม่เหมือนคนแก่คนอื่นๆ ไง”
“แต่ตัวจริงคุณภพก็ดูอ่อนกว่าวัยมากนะ เหมือนคนอายุสามสิบต้นๆ มากกว่าสี่สิบสอง”
“นั่นสิ เขาแก่กว่าพ่อกูอีกนะ จะว่าไป” อัณชญาว่า เพราะพ่อของเธออายุสี่สิบ แต่หน้าก็แก่กว่าวัยตามประสาชาวบ้าน ที่ไม่ได้ดูแลตัวเอง
ส่วนชินภพนั้นเดิมทีเป็นคนกรุงเทพฯ เขาซื้อไร่องุ่นต่อจากครอบครัวอื่น และทำโรงงานผลิตไวน์เมื่อสิบกว่าปีก่อนนี่เอง
หลังเลิกเรียนเด็กสาวทั้งสองก็ไปกินไอศกรีมร้านโปรด จากนั้นก็เดินเล่นตลาดนัด ชอปปิงเพลิน กระทั่งค่ำก็แยกย้าย
อัณชญาโทร. ไปบอกพลตั้งแต่เลิกเรียนแล้วว่าจะกลับเอง ขณะกำลังจะเดินไปยังจุดที่รถสองแถวผ่าน รถยนต์คันหนึ่งก็ปาดมาจอดข้างๆ
“หนูอัณคนสวยนี่เอง จะไปไหน ให้เสี่ยไปส่งดีไหม” เสี่ยโตที่นั่งอยู่ข้างคนขับที่เป็นลูกน้อง ก็โผล่หน้าออกมาทักทาย พร้อมยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยขณะกวาดมองไปทั่วร่างที่ยังอยู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลาย
“กลับเองได้!” เธอบอกเสียงห้วน แล้วรีบเดินเพื่อไปถึงป้ายรถสองแถวให้เร็วที่สุด
แต่คนที่ชวนก็ไม่ยอมเลิกรา เปิดประตูรถออกมา ดึงแขนเธอไว้ อารามตกใจอัณชญาจึงสะบัดอย่างแรง ส่งผลให้ร่างท้วมของเสี่ยโตเซไปชนเข้ากับจักรยานที่ปั่นมาบนฟุตบาธพอดี
“โอ๊ย!” เสียงอุทานมาพร้อมกับอาการเจ็บปวด เพราะนอกจากโดนจักรยานชนจังๆ เจ้าของร่างยังล้มหน้าทิ่มลงกับพื้น จมูกและปากมีเลือดไหล
“อีเด็กเวร มึงทำกู!” เสี่ยโตหันมาตะเบ็งเสียงใส่ และลูกน้องก็ลงจากรถรีบมาพยุงร่างท้วมนั้นขึ้นมาจากพื้น
“หนูเปล่านะ จักรยานต่างหากที่ชนน่ะ!” อัณชญาหันไปทางคนขี่จักรยาน ที่เมื่อครู่ก็เสียหลักล้มทั้งรถ ทั้งคน ทว่าตอนนี้เจ้าตัวนั้นได้รีบปั่นจักรยานหนีไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยเธอเผชิญหน้าโมโหโกรธาของเสี่ยโตกับลูกน้อง
“ยังมาปากแข็งอีก ไอ้พงษ์ จับอีเด็กนี่ขึ้นรถ!”
“ครับนาย” หันไปโค้งรับคำสั่ง แต่พอหันไปทางเด็กสาว อีกฝ่ายก็โกยแน่บไปเสียแล้ว ลูกน้องเสี่ยโตก็วิ่งตามไปติดๆ แต่อัณชญาก็วิ่งไปแหกปากร้องไป
“ช่วยด้วย ไอ้หื่นมันจะข่มขืนหนู ช่วยด้วย!” ซึ่งทำให้พลเมืองดีหลายคน หันมาสกัดไอ้พงษ์ไว้ ไม่ให้วิ่งตามเด็กสาว แต่อัณชญาก็วิ่งไม่หยุด กระทั่งหันไปมองด้านหลัง เห็นว่าไอ้ลูกน้องเสี่ยโตไม่ได้ตามมา เธอจึงหยุดวิ่ง แต่ก็เกือบจะวิ่งหนีอีกครั้ง เมื่อรถของใครบางคนวิ่งมาจอดข้างๆ เสียงล้อบดกับพื้นถนนเสียงดังเหมือนโมโหใครมา
แถมยังเปิดประตูรถออกมาอีกด้วย ทำให้เธอเห็นร่างสูงสง่าของผู้ชายที่แสนหล่อ แต่ทำหน้ายักษ์อยู่ตรงหน้า กับแววตาที่เหมือนจะมีเชื้อไฟ เพราะตอนนี้ร่างเธอกำลังจะไหม้เพราะถูกเผาจากสายตาเขา
“จะมีสักวันไหมที่จะไม่ก่อเรื่อง!” เสียงตวาดนั้นทำให้อัณชญาสะดุ้ง
“หนูเปล่า ไอ้เสี่ยโตมันมาจับมือหนูก่อน หนูตกใจก็สะบัดออก แล้วรถจักรยานชนมันเอง แล้วมันก็โมโหให้ลูกน้องจับตัวหนู” เด็กสาวอธิบายเสียงรัวเร็ว เพราะกลัวเขาเข้าใจผิดว่าเธอก่อเรื่องก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่เสียหน่อย
“มืดค่ำไม่รู้จักกลับบ้านกลับช่อง!”
“ก็หนูแค่มาซื้อของ” เธอบอกเสียงอ่อย
“ต่อไปนี้ห้ามไปไหนมาไหนคนเดียว ขึ้นรถ!”
อัณชญารีบทำตามที่เขาสั่ง แต่ดันไปนั่งด้านหลัง เพราะคิดว่าเขาคงไม่อยากให้เธอนั่งใกล้ๆ ข้างคนขับแน่นอน
ทำไมน้าพลไม่มากับเขานะ เธอสงสัย
“มานั่งข้างหน้า เห็นฉันเป็นคนขับรถเธอหรือไง!”
“ค่ะ” สุดท้ายก็มานั่งตัวลีบข้างคนขับ
อัณชญาเหลือบมองคนข้างๆ เห็นแค่สันกรามบดกันจนได้ยินเสียงกรอดๆ ก็รู้สึกหวาดหวั่นแล้ว ไม่คิดจริงๆ ว่าจะเจอกันในสภาพแบบนี้ ทั้งที่อยู่บ้าน เธอก็ไม่เคยเสนอหน้าไปให้เขาเห็น ตั้งแต่วันที่เขาตะเพิดไล่ออกจากห้องหนังสือ
::::::::::::::::::;