อัญชญาเป็นเด็กดี 1
อัณชญาเป็นเด็กดี
“จะรีบไปไหน” เสียงห้าวทุ้มถามขึ้น เมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทกำลังเดินลงมาจากอาคารสำนักงานภายในบริเวณไร่ ที่มีโรงงานผลิตไวน์รวมอยู่ด้วย ส่งออกทั้งในและต่างประเทศ
“จะไปโรงเรียนนังอัณ”
“ไปทำไม นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนไม่ใช่เหรอ” มันเพิ่งจะบ่ายโมง จริงๆ แล้วเด็กคนนั้นไปโรงเรียนเองได้ แต่ต้องเดินไปขึ้นสองแถวที่อยู่ห่างจากตัวบ้านค่อนข้างไกล เขาเลยให้พล หรือคนขับรถไปรับส่งอีกฝ่าย
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อย” พลตอบด้วยสีหน้าลำบากใจ
“มีเรื่องอะไร”
“นังอัณทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนครับ”
“เรื่องแค่นี้ทำไมต้องเรียกผู้ปกครอง เด็กทำผิดครูก็สั่งสอนหรือลงโทษไปสิ”
“เพื่อนหัวแตก เข้าโรง’ บาลครับ ผู้ปกครองเด็กจะแจ้งความ”
“เอ้า เวร! ทำไมต้องทำรุนแรงขนาดนั้น”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ปกติอัณเป็นเด็กดี เรียบร้อย ไม่เคยหาเรื่องใครก่อนนะครับนาย” พลกลัวว่าผู้เป็นนายจะคิดว่าหลานสาวเป็นเด็กเกเร และอาจไม่อยากให้อยู่ด้วยแล้ว
“หลานมึงเป็นเด็กดีว่างั้นเหอะ”
“ก็ที่ผ่านมาอัณก็ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใครมาก่อนนะครับ คิดว่าเด็กคนนั้นต้องมาหาเรื่องอัณก่อนแน่นอน”
“งั้นรีบไปดูหลานคนดีของมึงเหอะ!” ชินภพพูดประชดก่อนโบกมือไล่ ก่อนเขาจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน
พลเกาหัวแกรกๆ เพราะกลัวว่านายจะเบื่อหลานสาวเสียก่อน วันก่อนก็เพิ่งก่อเรื่อง วันนี้มีอีกเรื่องให้ปวดหัวอีก
พลบึ่งรถมาที่โรงเรียนไม่กี่นาทีก็ถึง เขาไปห้องผู้ปกครองทันที เห็นอัณชญานั่งหน้ามุ่ยอยู่หน้าห้องฝ่ายปกครอง
“น้าพล ไอ้ฟีล มันล้อหนูก่อน” อัณชญารีบถลาเข้ามาบอกน้าชาย ก่อนที่จะถูกครูฝ่ายปกครองฟ้องก่อน
“ล้ออะไร”
“มันล้อว่าหนูเป็นอีหนูของนาย”
“แค่นี้ มึงก็ฟาดมันหัวแตกเลยเหรอ”
“หนูเปล่าฟาด หนูแค่ผลักมันล้ม แต่หัวมันกระแทกก้อนหินเอง หนูไม่ได้ตั้งใจให้มันหัวแตก หนูผลักเพราะมันมาตะโกนข้างๆ หู หนูรำคาญ”
“เฮ้อ เวรแท้ๆ ทำอะไรไม่คิด
“มันซุ่มซ่ามเอง หนูก็ไม่ได้ผลักแรงเสียหน่อย”
“แล้วไง ครูบอกว่าพ่อแม่ไอ้ฟีลจะแจ้งความ ข้อหาทำร้ายร่างกาย”
“ฮือๆ หนูจะติดคุกไหม” อัณชญาปล่อยโฮทันที
“ไม่รู้สิ เดี๋ยวน้าไปคุยกับครูก่อน” เมื่อเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ พลก็เสียงอ่อน และไม่กล้าดุอะไรต่อ
พลเข้าไปที่ห้องครูฝ่ายปกครอง ส่วนอัณชญาก็นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้อง นั่งรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง พลก็ออกมาด้วยสีหน้าเครียดๆ
“น้าพล ครูว่ายังไง”
“ก็ไม่ว่าไง แค่บอกให้กูสั่งสอนมึงดีๆ และบอกย้ำว่าพ่อแม่ไอ้ฟีลจะแจ้งความทำร้ายร่างกาย ครูเขาก็พยายามไกล่เกลี่ยอยู่ เขาแนะนำให้มึงยกกระเช้าไปขอโทษมันกับพ่อแม่มัน แต่ก็นั่นแหละ ขอโทษแล้วเขาจะไม่เอาเรื่องไหม ก็คงต้องลุ้นกัน”
“มันก็ควรขอโทษหนูด้วย อยู่ดีๆ มาล้อทำไม”
“เออ ใจคอมึงจะให้มันขอโทษมึงก่อนเหรอ ตอนนี้น่ะเลิกคิดได้แล้ว คิดว่าพ่อแม่มันจะแจ้งความมึงเปล่า ดีกว่าไหม”
พลเครียดๆ เลยตวาดให้ จากนั้นเขาก็พาอัณชญากลับบ้านไปก่อน ระหว่างเดินไปที่รถ เด็กนักเรียนคนอื่นก็มามุงและซุบซิบว่าหลานสาวเป็น
อีหนูเจ้านายของเขา
ใครมันปล่อยข่าวเรื่องพ่อของอัณชญาเอาลูกสาวไปขายให้นายเขา
“ไอ้ฟีลมันปล่อยข่าวเรื่องหนูด้วย” อัณชญาฟ้องรัวๆ
“มันรู้ได้ไง”
“พ่อมันทำงานที่บ่อนไอ้เสี่ยโต และพ่อมันได้ยินเสี่ยโตคุยกับลูกน้องอีกคน”
“ไอ้เสี่ยโตมันคงเสียดายมึงมากสินะ ถึงต้องคุยเรื่องนี้กับลูกน้อง แล้วพ่อมึงได้เงินก็หายหัวไปเลย เงินหมดนั่นแหละถึงโผล่หน้ามาให้เห็น” พลพูดแบบปลงๆ คิดแล้วก็เวทนาหลานสาว
เพราะหลังเงินหมด พ่อของอัณชญาคงมารบกวนลูกสาว เพราะตำแหน่งนางบำเรอนายก็มีเงินเดือนอยู่มากโข แม้อัณชญาจะยังไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองก็เถอะ แต่เชื่อว่าหากโตกว่านี้ ก็คงได้ทำ เว้นแต่นายจะเฉดหัวมันออกจากบ้านเสียก่อน เพราะเบื่อที่มันก่อเรื่อง หรือไม่ก็รำคาญอาทิตย์ ที่วันหนึ่งคงหวนกลับมารบกวนลูกสาว
หลังจากส่งอัณชญาแล้ว พลก็กลับไปยังไร่
“เป็นไงบ้างล่ะ” ชินภพถาม เมื่อเห็นสีหน้าเครียดๆ ของอีกฝ่าย
พลก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เจ้านายฟัง รวมทั้งเรื่องที่พ่อแม่ไอ้เด็กฟีลจะแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย
“บ้าเหรอ แค่เด็กทะเลาะกัน จะแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายเลยหรือไง อย่างมากก็แค่ทะเลาะวิวาท แต่ก็ไม่น่าแจ้งความ เพราะไอ้เด็กนั่นหาเรื่องก่อน”
“แล้วจะทำไงครับนาย”
“พรุ่งนี้มึงก็ส่งดอกไม้พร้อมเช็คไปให้มัน ไม่ต้องพาหลานมึงไปให้เสียเวลาหรอก เดี๋ยวหลานคนดีของมึงก็ทุ่มกระเช้าใส่มันจะทำไง”
“โถ นาย อัณมันไม่ได้ร้ายขนาดนั้นหรอก” พลพยายามรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของหลานสาว
“เหรอ...”
เมื่อนายพูดแบบนั้น พลก็เริ่มไม่แน่ใจว่าหลานสาวจะก่อเรื่องอะไรอีก ดูเหมือนช่วงนี้ดวงมันคงกำลังตก มีแต่สิ่งที่ทำให้นายไม่พอใจในตัวมัน
แต่วันรุ่งขึ้นพลก็ทำตามคำสั่งนาย นำกระเช้าดอกไม้พร้อมเช็คเงินสด ที่พอพ่อแม่ของฟีลเห็นก็ตาโต รีบยกโทษให้อัณชญาทันที
“ไม่เป็นไรหรอก เด็กๆ ทะเลาะกัน มีกระทบกระทั่งบ้างเป็นเรื่องธรรมดา”
พลหัวเราะขำๆ ขี้เกียจฟังคำพูดไม่จริงใจ เลยรีบขอตัวกลับ แต่ก่อนกลับก็เอ่ยบอก
“ทีหลังอย่าไปล้อนังอัณอีกนะไอ้ฟีล เพราะมึงอาจโดนมากกว่าหัวแตก แต่ไม่ใช่ฝีมือนังอัณ อาจเป็นคนอื่นก็ได้” แล้วพลก็ขยิบตาให้ ยกนิ้วชี้เชือดคอตัวเอง พร้อมทำหน้าหลอนๆ
พอเห็นสีหน้าซีดๆ ของคนป่วย เขาก็เหยียดยิ้มให้ แล้วเดินตัวปลิวออกไปจากห้องพักฟื้น
เมื่อกลับถึงบ้านไปบอกเรื่องทั้งหมดกับอัณชญา อีกฝ่ายอยากขอบคุณผู้เป็นนาย แต่พลก็ห้ามไว้
;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;;