บทที่ 5
หม่อมหลวงนิรินรดาแย้มยิ้มหวานให้กับคนรัก ก่อนจะเอ่ยถามถึงเรื่องที่ถามค้างไว้ในก่อนหน้านี้
“คุณชนนยังไม่ได้ตอบผิงเลยนะคะ ว่าทำไมวันนี้ถึงมีแขกมากเป็นพิเศษ และเท่าที่ผิงสังเกตดู จะเป็นนักเที่ยวผู้ชายซะส่วนมากนะคะ แทบหาผู้หญิงไม่ได้เลยค่ะ”
“วันนี้ผมงดรับนักท่องราตรีผู้หญิงครับ”
“ทำไมคะ มีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”
“ครับ ก็นิดหน่อยครับ พอดีวันนี้ผมจัดทริปพิเศษสำหรับแขกหนุ่มๆ ทั้งหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่นะครับ เลยงดรับลูกค้าผู้หญิงสักวันนะครับ”
“จัดทริปพิเศษยังไงคะ บอกผิงได้ไหมคะ”
หม่อมหลวงนิรินรดาไม่รู้เลยว่าคำถามเซ้าซี้ของเธอสร้างความหงุดหงิดใจให้กับคนรักเป็นอย่างมาก
‘โธ่โว้ย! อยากรู้ไปทำไมว่ะ’
ชนนตะโกนด่าอยู่ในใจ แต่พอเปล่งวาจาออกมากลับหวานฉ่ำหลอกล่อหญิงคนรักเช่นเดิม
“พอดีวันนี้ผมจะมีเกมเล็กๆ น้อยให้ลูกค้าเล่น และมีรางวัลใหญ่สำหรับคนชนะในเกมนี้ด้วย เลยทำให้วันนี้มีลูกค้ามากเป็นพิเศษ”
“คืนกำไรให้ลูกค้าหรือคะ” หม่อมหลวงนิรินรดาเอ่ยต่อท้ายพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ก็ทำนองนั้นครับ ผมได้กำไรมาจากลูกค้ามากแล้ว นานๆ ทีจัดกิจกรรมคืนกำไรให้กับลูกค้าบ้าง จะได้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
สิ่งที่ชนนพูดมานั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น แต่กระนั้นเขาก็สามารถปั้นน้ำเป็นตัวให้หม่อมหลวงสาวแสนโง่หลงเชื่อได้
“ดีแล้วค่ะ คืนกำไรให้กับลูกค้าบ้าง ลูกค้าจะได้ไม่รู้สึกว่าเราเอาเปรียบเขามากจนเกินไป”
ขณะเอ่ยพูดมานั้น ดวงตากลมโตของหม่อมหลวงนิรินรดาเต็มไปด้วยความชื่นชมในตัวคนรัก เพราะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนดีดั่งที่แสดงออกให้เธอเห็น
และก่อนที่ชนนจะโกหกหญิงคนรักไหลลื่นเป็นปลาไหลต่อไป ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกกว้าง พร้อมกับร่างใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่นของลูกน้อง ที่โผล่หน้าตะโกนถามเจ้านายเสียงดัง โดยลืมดูไปว่ามีหม่อมหลวงนิรินรดานั่งอยู่ในห้องด้วย
“เจ้านายครับ ลูกค้าถามว่าเมื่อไรจะเปิดประ...”
“ไอ้ยักษ์หยุด!”
ชนนชี้นิ้วตะโกนสั่งลูกน้องเสียงดังลั่นห้อง โกรธจัดที่ลูกน้องเอ่ยถามโดยไม่ดูว่ามีคนนอกนั่งอยู่ด้วย
ไอ้ยักษ์ซึ่งเป็นลูกน้องมือขวาของชนน ถึงกับชะงักงันกับคำตะโกนสั่งของเจ้านาย พอเหลือบสายตามองไปยังหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ซึ่งเป็นคนรักของเจ้านาย ก็ยิ้มเจื่อนๆ ให้หญิงสาว พลางส่งสายตาให้เจ้านายอย่างรู้กัน
“เอ่อ...คุณผิงครับ ผมขอคุยกับไอ้ยักษ์สักครู่นะครับ”
หากฟังดีๆ ก็ไม่ต่างจากถูกชนนไล่ทางอ้อม และหม่อมหลวงสาวก็พอรู้ว่าคนรักกำลังต้องการให้เธอออกไปจากห้อง จึงคว้ากระเป๋ามาถือไว้ พร้อมกับบอกคนรักว่า
“ผิงกลับบ้านก่อนดีกว่านะคะ คุณชนนจะได้คุยกับลูกน้องได้สะดวกด้วย”
“ผมไปส่งที่รถนะครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ผิงไปเองได้ค่ะ”
หม่อมหลวงนิรินรดาปฏิเสธ พร้อมกับลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกจากห้องทำงานของคนรัก
“แต่ผมไม่อยากให้คุณผิงเดินไปที่รถคนเดียว ผมเป็นห่วงนะครับ”
ปากนั้นบอกว่าเป็นห่วงหนักหนา แต่ในใจนั้นเร่งให้คนรักเดินออกไปให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้เขาเริ่มได้ยินเสียงลูกค้าตะโกนให้จัดกิจกรรมสุดพิเศษสำหรับคืนนี้แล้ว
หม่อมหลวงนิรินรดาคลี่ยิ้มบางๆ ให้กับคนรัก คิดว่าชนนนั้นเป็นห่วงเธอจริงๆ จึงเอ่ยบอกอีกฝ่ายเสียงหวาน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ผิงไปเองได้”
“ถ้ายังงั้นให้ผมส่งคุณผิงที่หน้าประตูก็แล้วกันนะครับ”
ว่าแล้ว ชนนก็เดินไปเปิดประตูออกกว้างเป็นการไล่ส่งคนรักทางอ้อม อยากตะโกนเร่งให้หม่อมหลวงสาวเดินออกไปเร็วๆ
หม่อมหลวงนิรินรดาเดินไปหยุดยืนอยู่ตรงช่องประตู แต่ยังไม่ก้าวออกไป หญิงสาวหันมาบอกคนรักเสียงหวานเช่นทุกครั้ง
“พรุ่งนี้ผิงอาจจะไม่ได้มานะคะ ถ้าจำไม่ผิด คุณพ่อชวนไปงานแซยิดของเพื่อนคุณพ่อนะคะ”
“ผมอยากไปกับคุณผิงด้วยครับ แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ คุณพ่อคุณผิงคงไม่พอใจแน่ หากผมจะไปออกงานกับคุณผิง”
ชนนเล่นละครได้แนบเนียนเช่นทุกครั้ง เขาตีหน้าสลดเอ่ยพูดในตอนท้ายด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ให้หม่อมหลวงสาวเห็นใจ จนต้องยกมือเล็กขึ้นไปลูบไล้แก้มสากของคนรัก พร้อมกับเอ่ยให้กำลังใจด้วย
“เอาไว้เราแต่งงานกันแล้ว เราก็ออกงานด้วยกันได้นะคะคุณชนน”
“ครับที่รัก ผมจะรอวันนั้นครับ ขับรถดีๆ นะครับ ผมเป็นห่วง”
ชนนรวบรัดด้วยการกล่าวคำลา พอหม่อมหลวงสาวแย้มยิ้มให้พร้อมกับเดินออกไปจากห้องทำงานของเขาในที่สุด ก็รีบปิดประตูตามหลัง พร้อมกับพ่นวาจาสบถลั่นด้วยเพราะความหงุดหงิด
“ยุ่งฉิบหาย! กว่าจะออกไปได้ กูแทบอยากอุ้มอีนี่ออกไปจากห้องของกู”
ไอ้ยักษ์แสยะยิ้มกับคำสบถของเจ้านายมัน ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเย็น “ทำไมเจ้านายไม่บอกล่ะครับ ผมจะได้จัดการให้เอง ให้เอาไปโยนทิ้งแบบไร้วิญญาณในป่าก็ยังได้เลยครับเจ้านาย”
“ยังก่อนไอ้ยักษ์ อีหม่อมหลวงผิงมันยังมีประโยชน์กับกูอยู่มาก”
ชนนโบกมือปฏิเสธ จ้องมองผ่านผนังห้องที่ทำเป็นแบบกระจกใสไปยังเหล่านักเที่ยวทั้งหลาย แล้วเอ่ยถามลูกน้องต่อ
“ลูกค้าอยากประมูลสินค้าแล้วใช่ไหม”
“ครับเจ้านาย” ไอ้ยักษ์รับคำ ก่อนจะเอ่ยบอกเสียงเครียด “ลูกค้าเริ่มโวยวายแล้วครับ บางคนไม่พอใจถึงกับขว้างแก้ว ขว้างขวดเหล้าแล้วครับ”
“ถ้างั้นมึงไปเอาพวกเด็กๆ ออกมาประมูลเดี๋ยวนี้ รอบนี้มึงตั้งราคาเริ่มต้นที่สองแสน เพราะสินค้าล็อตนี้กูได้แบบมือสอง ผ่านผู้ชายมาแค่คนละครั้งสองครั้งเท่านั้น”
ชนนเอ่ยบอกเสียงเย็น ไม่รู้สึกรู้สากับการทำธุรกิจขายเนื้อสด ซึ่งล้วนแต่ถูกล่อลวงมาทั้งสิ้น
“ได้ครับเจ้านาย ผมจะจัดการตามนี้ครับ รับรองว่าคืนนี้เรามีเงินเข้ากระเป๋าไม่ต่ำกว่าสิบล้านแน่ครับ”
เด็กสาวที่ถูกหลอกมาเกือบสิบคน กำลังจะทำเงินจำนวนมหาศาลให้กับชนนและลูกน้อง ซึ่งทำธุรกิจค้าน้ำคาวมานานแล้ว
“ไปจัดการได้แล้ว ก่อนลูกค้าจะหิวโซหนักกว่านี้” ชนนออกปากไล่ลูกน้อง
“ครับเจ้านาย”
ไอ้ยักษ์รีบเดินตรงไปยังประตูห้อง แต่พอจะก้าวออกไปก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบเอ่ยบอกเจ้านายของมันต่อ
“อ้อ!...เจ้านายครับ เจ้านายใหญ่โทรมาหาผม และฝากถามว่าเจ้านายหาเด็กได้หรือยัง”
“เด็กอะไรอีกวะไอ้ยักษ์”
ด้วยลูกค้าที่มีค่อนข้างมาก ส่งผลให้ชนนจำไม่ได้ว่าต้องส่งเด็กสาวให้กับใครบ้าง
“โธ่...นาย ก็เด็กที่เจ้านายสั่งให้เตรียมไว้สำหรับลูกค้าวีไอพีที่จะเดินทางมาถึงประเทศไทยในอีกสองวันยังไงล่ะครับเจ้านาย”
“มิสเตอร์บีพี” ชนนเริ่มจำได้แล้วว่าใครคือลูกค้าคนสำคัญซะยิ่งกว่าคำว่าวีไอพีซะอีก
“ใช่ครับเจ้านาย มิสเตอร์บีพีต้องการเด็กที่สดจริงๆ ไม่ใช่ย้อมแมวขาย”
“เออ กูเข้าใจแล้ว”
ชนนตวาดลูกน้องด้วยความโกรธ เพราะที่ผ่านมาเขามักจะย้อมแมวขายให้กับลูกค้าหลายรายแล้ว
“นายใหญ่ให้ฝากถามว่าเจ้านายหาสินค้าให้มิสเตอร์บีพีได้หรือยัง นายใหญ่บอกให้เจ้านายโทรกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดครับ”
“เดี๋ยวกูจัดการเรื่องนี้เอง มึงไปเอาเนื้อสดเปิดประมูลได้แล้ว”
ชนนออกปากไล่ พอไอ้ยักษ์เดินพ้นจากห้องแล้ว ก็สบถลั่น เพราะยังหาสินค้าไปส่งให้กับมิสเตอร์บีพียังไม่ได้แม้แต่คนเดียว
“บรรลัยแน่กู จะหาเนื้อสดสะอาดเอี่ยมอ๋องจากไหนไปประเคนให้มิสเตอร์บีพีว่ะ”
ชนนเดินไปเดินมาอยู่ในห้องทำงาน คิดไม่ตกว่าจะหาเด็กสาวที่สะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องจากไหนไปส่งให้กับลูกค้าชาวอาหรับ ซึ่งเขารู้มาแค่ว่าชื่อมิสเตอร์บีพี เขารู้จักลูกค้าวีไอพีแค่เพียงชื่อเท่านั้น แต่สิ่งที่เขารับรู้จากนายใหญ่เกี่ยวกับมิสเตอร์บีพีคือชายผู้นี้กระเป๋า ยอมทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ และสิ่งสำคัญที่สุดคือมิสเตอร์บีพี ขึ้นชื่อว่าเป็นเสือดำโหดเหี้ยมที่สุด หากจับได้ว่าถูกทรยศหักหลัง!!!