บทที่ 3
ยี่สิบนาทีต่อมา
ก้องเกียรติเลี้ยวรถเข้ามาในคอนโดที่ซื้อไว้หลายห้อง ซื้อไว้เพื่อปล่อยให้เช่าสามห้อง และอีกหนึ่งห้องเป็นห้องส่วนตัวของเขา ก่อนนำรถมาจอดในลานจอดรถ
“เอ้าลงสิ หรือต้องเชิญให้ลง” ก้องเกียรติบอกมะปรางที่ยังคงนั่งเฉย
“คุณไปเอาของให้หน่อยสิ ฉันปวดขา”
“ที่ไม่ลงไม่ใช่เพราะปวดขาหรอก แต่กลัวฉันมากกว่า” เขาพูดอย่างรู้ทัน มะปรางหันขวับมามองผู้พูด
“ใครว่าฉันกลัว ไม่ได้กลัวซะหน่อย” มะปรางตอบไม่ตรงกับใจ “คนอย่างมะปรางไม่เคยกลัวใคร”
หล่อนเชิดหน้าใส่
“ไม่กลัวก็ขึ้นไปเอาของเองสิ กล้าป่ะล่ะ” เขาทำเสียงเหมือนท้า
“กล้าอยู่แล้ว”
มะปรางเปิดประตูรถ ก้าวลงไปยืนข้างรถ แกล้งปิดประตูแรงๆ ให้เสียงดังๆ ราวกับไม่กลัวประตูรถจะพัง ก้องเกียรติไม่ใส่ใจเรื่องที่หล่อนทำ เพราะมีเรื่องอื่นที่น่าสนใจรอให้เขาทำอยู่
มะปรางใจเต้นรัวเมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์โดยสารของคอนโด หล่อนมีความรู้สึกว่า คิดผิดที่มากับเขา หากของสิ่งนั้นไม่เป็นของสำคัญในการเรียนและการทำงานเสริม นั่นคือโน้ตบุ๊กที่ลืมไว้ที่ไร่กอบกุล หล่อนก็คงไม่ต้องมายืนอยู่ในลิฟต์ตัวนี้ ยืนอยู่กับผู้ชายอันตราย
“ถึงแล้ว” ก้องเกียรติแนบคีย์การ์ดกับช่องตรงประตู ก่อนเปิดประตูกว้างให้มะปรางเดินเข้าไป “เชิญ”
“ฉันไม่เข้า คุณไปเอาของให้ฉันละกัน” มะปรางระวังตัวเต็มที่
“หน้าที่ฉันไหมเนี่ยที่ต้องบริการเธอถึงที่” ก้องเกียรติทำเสียงไม่พอใจ “ถ้าไม่เข้าไปเอาก็ไม่ต้องเอา ฉันไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว”
มะปรางมองหน้าคนพูดที่ยืนกอดอกพิงขอบประตูห้อง หากของชิ้นนี้ไม่สำคัญหล่อนยอมทิ้งมันไป ไม่เข้าไปเอาเด็ดขาด แต่นี่กว่าหล่อนจะเก็บหอมรอมริบซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องนี้ได้ก็ใช้เวลาหลายเดือน หากทิ้งมันไปไม่ไยดีก็ต้องซื้อเครื่องใหม่ แน่นอนว่าหล่อนไม่มีเงินซื้อในทันที ต้องเก็บเงินอีกหลายเดือนกว่าจะได้ รายได้หลักของตนคือการทำรายงานให้เพื่อนๆ หากไม่มีโน้ตบุ๊กก็ไม่มีรายได้ หล่อนเหมือนคนจนแต้ม ก้าวเดินเข้าไปในห้องชุดของก้องเกียรติด้วยขาอันสั่นเทา ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ก้องเกียรติยิ้มอย่างผู้กำชัย ก้าวเดินตามร่างอรชรและไม่ลืมปิดประตูห้อง
“ว้าย! ปล่อยนะ” มะปรางตกใจเมื่อก้องเกียรติสวมกอดตนทางด้านหลัง “ไอ้เฒ่าหัวงู ปล่อยฉันนะ”
“ปล่อยให้โง่” ก้องเกียรติพูดข้างหู กดปลายจมูกลงบนแก้มหล่อน “คิดถึงจัง”
“ไอ้บ้ากาม ปล่อยนะ ฉันไม่คิดถึงแก ฉันเกลียดแก”
มะปรางไม่ออมคำพูด สะบัดตัวไปมา หวังให้พ้นจากลำแขนใหญ่ที่คล้ายครีมเหล็ก รัดแน่นจนขยับหนีไม่ได้
“เดี๋ยวก็รู้ว่าเกลียดหรือไม่เกลียด”
เขาพูดขณะยกร่างมะปราง เท้าหล่อนลอยเหนือพื้น ก้าวเดินไปยังห้องนอน มะปรางเห็นเตียงนอนก็ยิ่งสะบัดตัว สะบัดปลายเท้า ทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองรอดพ้นจากเงื้อมมือก้องเกียรติ หล่อนไม่ยอมเขาเป็นครั้งที่สองแน่นอน แต่ดูเหมือนว่า โอกาสที่หล่อนหวังมีน้อยเต็มทน เมื่อเขาเหวี่ยงร่างสาวลงบนที่นอน ตามด้วยร่างหนาทาบทับเก็บกักอิสรภาพ
“ปล่อยนะ แกไม่ใช่ลูกผู้ชายรังแกผู้หญิง” มะปรางต่อว่าก้องเกียรติที่ทำหน้าตาไม่สะทกสะท้านกับคำต่อว่า
“เธอก็น่าจะรู้นะว่า ฉันน่ะลูกผู้ชายทั้งแท่ง แท่งใหญ่ซะด้วยไม่งั้นเธอไม่ครางเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวกหรอก” ก้องเกียรติโต้กลับแบบกวนๆ
“ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ไอ้...”
“จุ๊ๆๆ อย่าด่าผัวมากสิจ๊ะเมียจ๋า ด่ามากลูกดกนะ” เขายิ้ม มะปรางยิ้มไม่ออก ได้แต่ร้องฮึ่มๆ ในใจ “มาให้ผัวชื่นใจหน่อยเร็ว เป็นเดือนแล้วนะที่ไม่ได้กกเมีย คิดถึงที่สุดเลย”
นับตั้งแต่ความสัมพันธ์ครั้งนั้น ก้องเกียรติกับมะปรางไม่มีอะไรเกินเลยกันอีก ทุกครั้งที่เจอหน้ากันมะปรางเป็นฝ่ายเดินหนี หลีกเลี่ยงการพูดคุย พอเกิดเรื่องในไร่กอบกุล ก้องเกียรติก็วิ่งวุ่นดูแลจัดการ ทั้งเรื่องงานศพคนงานในไร่ ให้เงินเยียวยาครอบครัวคนตาย และเรื่องคดีความ ส่วนมะปรางก็ต้องกลับมาเรียนหนังสือ ส่งผลให้ทั้งสองห่างกันโดยปริยาย
“ใครเมียแก ฉันไม่ใช่เมียแก”
“ทำไมจะไม่ใช่ ลืมแล้วเหรอว่าเราสนุกกันมากแค่ไหน เสียงครางเธอดังจนแก้วหูฉันแทบแตก ดูเธอมีความสุขจนกระอัก” เขาเอาความจริงมาพูด มะปรางหน้าแดงซ่าน อายก็อาย เจ็บใจก็เจ็บใจ “คืนนี้เรามาสนุกกันดีกว่า ฉันอยากเต็มแก่แล้ว”
“ไม่นะ อย่าทำอะไรฉัน ถ้าแกฉันทำล่ะก็ ฉันจะแจ้งตำรวจมาลากคอแกเข้าคุก” มะปรางขู่ หวังว่าเขาจะกลัว แต่ไม่เลย ไม่เลยสักนิด