บทที่ 12 กลับบ้านฝ่ายหญิง1
โจวกุ้ยหลานใช้แป้งทำเส้นก๋วยเตี๋ยว ทั้งบ้านทานกันอย่างอิ่มหนำสำราญ แล้วก็จูงมือเจ้าก้อนน้อยเดินตามสวีฉางหลินลงเขา มุ่งหน้าไปยังตระกูลโจว
ระหว่างทางเจอผู้คนพูดถึงพวกเขาทั้งสามคนอยู่ไม่น้อย โจวกุ้ยหลานล้วนไม่สนใจ
จนมาถึงตระกูลโจว ก็เห็นญาติพี่น้องในหมู่บ้านไม่น้อยนั่งอยู่ตรงหน้าประตู รอคอยพวกเขากลับมา
ป้าที่อยู่ข้างบ้านตะโกนพูดขึ้นว่า “พี่เหมยฮวา กุ้ยหลานกลับมาแล้ว”
สักพักก็เห็นโจวเหล่าไท่ไท่ตัวเล็กคนหนึ่งวิ่งออกมาจากในบ้าน ดวงตาทั้งคู่เป็นประกายแวววาว
ไม่สนใจสวีฉางหลินที่แบกตะกร้ายืนอยู่ด้านหน้า วิ่งเดินมาตรงหน้าโจวกุ้ยหลาน มองพิจารณาดูโจวกุ้ยหลาน พร้อมถามขึ้นว่า “เจ้าถูกรังแกหรือเปล่า?”
เหงื่อไคลบนหน้าผากโจวกุ้ยหลานแทบไหล
โจวเหล่าไท่ไท่คนนี้กล้าหาญจริงๆ กล้าถามนางแบบนี้ต่อหน้าสวีฉางหลิน ไม่เกรงกลัวสวีฉางหลินเลย นี่ถือว่ากล้าหาญกว่าผู้ชายในหมู่บ้านพวกนั้นเสียอีก
“ทำไม หูหนวกหรือ? หากเขารังแกเจ้า เจ้าก็ต้องบอกมา ทำไมจะต้องเงียบ?”
ถึงแม้คำพูดของโจวเหล่าไท่ไท่จะเป็นการพูดกับโจวกุ้ยหลาน แต่ดวงตาทั้งคู่กลับกวาดมองไปที่สวีฉางหลิน
โจวกุ้ยหลานกลัวว่านางจะโมโหโวยวาย จึงรีบพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไร ข้าสบายดี ท่านแม่เราเข้าบ้านกันก่อนไหม?”
“ไอโย้ เข้าบ้านอะไรกัน ให้พวกลุงป้าน้าอาดูว่าเจ้าเอาอะไรกลับบ้านมาให้ท่านแม่ของเจ้าก่อนสิ”
เสียงหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งดังขึ้น ผู้หญิงคนนั้นตัวสูงใหญ่ ดูก็รู้เป็นคนที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่ง จากในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม รู้ว่าคนนี้คือป้าใหญ่ของเจ้าของเดิม
ปกติก็ไม่ค่อยชอบครอบครัวของพวกเขา มักคิดว่าลุงใหญ่ของนางเอาสิ่งของมาให้ครอบครัวของพวกเขาไม่น้อย
โจวเหล่าไท่ไท่โบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “นางเพิ่งแต่งงาน ทรัพย์สมบัติอะไรก็ไม่มี จะสามารถเอาอะไรมาให้ข้า? พวกเขาสามารถมีชีวิตที่ดีก็พอแล้ว”
ป้าใหญ่หลี่ซิ่วยิงไม่ใช่คนธรรมดา จึงพูดขึ้นว่า “เจ้าเลี้ยงนางมาจนโต ตอนนี้ก็ควรที่จะกตัญญูต่อเจ้า ให้ป้าใหญ่ดูหน่อยว่าเอาอะไรมา จะกลับบ้านมามือเปล่าได้อย่างไร?”
พูดเสร็จ ดวงตาคู่นั้นก็มองไปที่ตะกร้าด้านหลังของสวีฉางหลิน
ปากพูดเช่นนี้ ในใจกลับไม่คิดว่าโจวกุ้ยหลานแต่งงานกับนายพรานคนหนึ่งแล้วจะมีสิ่งของดีอะไร
“ใช่ มากน้อยแค่ไหนก็เป็นน้ำใจ รีบให้พวกเราดูหน่อย”
ผู้อาวุโสคนอื่นหลายคนก็พูดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าตั้งใจที่จะล้อเลียน
ลูกสาวบ้านไหนกลับมาเยี่ยมบ้านแล้วไม่ใช้คานแบกหามของใส่ตะกร้ากลับมาบ้าน? ดูพวกเขาสิ แบกตะกร้าใบเดียวก็กลับมาแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะไม่มีอะไรเลย
โจวกุ้ยหลานเป็นสาวขึ้นคานที่ไม่มีใครเอา ทำให้ตระกูลโจวของพวกเขาถูกคนตระกูลใหญ่หมู่บ้านอื่นตำหนินินทา พวกเขาจึงไม่ชอบโจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานยักคิ้ว เห็นได้ชัดว่าต้องการที่จะทำให้นางขายหน้า
ภรรยาตนเองถูกรังแกต่อหน้าต่อตา สีหน้าโจวเหล่าไท่ไท่ก็เปลี่ยนไปแล้ว สวีฉางหลินจึงวางตะกร้าลง หยิบเอาผ้าออกมาหนึ่งผืน ยื่นให้กับโจวเหล่าไท่ไท่ ทุกคนต่างตกตะลึง
จนป้าใหญ่อดไม่ได้ที่จะเดินมาลูบคลำดูผ้าผืนนั้น เป็นผ้ามัสลิน
แบบนี้ดีอย่างมาก ปกติพวกเขายังสวมใส่เพียงผ้าหยาบ ผ้ามัสลินนั้นราคาแพงมาก
เห็นสีหน้าของพวกเขาแล้ว โจวกุ้ยหลานก็รู้ว่าสิ่งของที่นำกลับมาเยี่ยมบ้านถือว่าไม่เลวแล้ว
แต่ไม่รอพวกเขาชื่นชอบเสร็จ สวีฉางหลินก็เอาไก่ป่าหนึ่งตัวกระต่ายหนึ่งตัวออกมา ยังมีไข่ไก่อีก 50 ฟองยื่นให้กับโจวเหล่าไท่ไท่
พวกญาติพี่น้องที่นั่งอยู่หน้าประตูพวกนั้นก็นั่งต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ต่างลุกขึ้นมาแล้วก็ยืนโอบล้อมพวกเขาทั้งสามคนไว้ตรงกลาง
จนถึงสุดท้าย สวีฉางหลินเอาเนื้อกวางสี่สิบกว่าชั่งออกมา
นั่นคือเนื้อก้อนใหญ่เลยนะ เทียบเท่ากับหมูตัวเล็กครึ่งตัวเลยทีเดียว
พวกญาติพี่น้องพวกนั้น ต่างเริ่มพูดชมโจวกุ้ยหลานกับสวีฉางหลินไม่ขาดคำ บอกว่าทั้งสองคนมีความสามารถ คิดถึงคนในครอบครัว รู้จักเอาของมาให้ที่บ้านเยอะแยะขนาดนี้
“กุ้ยหลานเป็นคนดี รู้จักคิดถึงบ้าน”
“ทั้งหมู่บ้านก็ไม่มีใครเอาของกลับมาเยอะเท่ากุ้ยหลาน ถือว่ากตัญญูจริงๆ”
“ข้าว่า ลูกเขยดี จะมีใครยอมให้ภรรยาของตนเองเอาของกลับมาเยี่ยมบ้านเยอะแยะขนาดนี้?”
“นั่นก็คือลูกเขยมีความสามารถ ที่สามารถหาของพวกนี้มาได้ เจ้าดูคนในหมู่บ้านของเราสิ มีบางคนกลับมาเยี่ยมบ้านก็เอาไข่ไก่มาแค่สิบกว่าฟอง ลูกสาวของข้าแต่งงานออกไปก็ยังไม่ได้สินสอดขนาดนี้”