บทที่ 11 วันเวลายังอีกยาวนาน
“อะไรนะ?”
โจวกุ้ยหลานถามออกมาอย่างไม่รู้ตัว
แสงยามพระอาทิตย์ตกดิน แสงสะท้อนสีแดงเพลิงของขอบฟ้า สาดส่องบนใบหน้าโจวกุ้ยหลาน แลดูมีความรู้สึกที่แตกต่าง
สายตาสวีฉางหลินฉายแววแปลกประหลาด แต่ไม่ช้า เขาก็รีบเก็บสีหน้าพร้อมพูดขึ้นว่า “คืนเข้าห้องหอเมื่อคืน ชดเชยคืนนี้”
โจวกุ้ยหลาน“……”
หัวสมองของนางทื่อไปหมด ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นด้านหลัง หันกลับไปมองก็เห็นเจ้าก้อนน้อยหอบตะกร้าใหญ่เท่าตัวออกมามองดูพวกเขา
คำพูดเมื่อกี้ เจ้าก้อนน้อยล้วนได้ยินหมดแล้วหรือเปล่า?
“มีลูกอยู่ด้วย ผ่านไปอีกสักระยะหนึ่งเราค่อยว่ากัน?”โจวกุ้ยหลานทำเป็นพูดขึ้นมาอย่างเอียงอาย
ต่อให้นางชื่นชมผู้ชายคนนี้ขนาดไหน แต่ไม่มีความรัก ยังไงก็ยังทำใจรับไม่ได้
สวีฉางหลินหันหน้ามา ดวงตาคู่คมจ้องมองดูนาง ราวกับจะมองทะลุภายในใจของนาง
โจวกุ้ยหลานถูกเขามองจนทำตัวไม่ถูก จึงลุกขึ้นไปเติมน้ำในหม้อ หลบหลีกสายตาสวีฉางหลินที่ราวกับจะมองนางให้ทะลุปรุโปร่ง
ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจริงๆ คนแบบนี้ ไม่เหมือนนายพรานป่าธรรมดาคนหนึ่งจริงๆ
สวีฉางหลินก้มหน้าก้มตาลงผ่าไม้อีกครั้ง
หลังจากต้มน้ำเสร็จแล้ว โจวกุ้ยหลานก็ช่วยอาบน้ำให้กับเจ้าก้อนน้อย แล้วตอนเองก็รีบตักน้ำเข้าไปอาบน้ำในบ้าน
อาบน้ำจนเสร็จด้วยจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อออกมาอีกครั้ง ก็เห็นสวีฉางหลินใช้ไม้กระดานไม่น้อยตอกเป็นเล้าไก่ขนาดเท่าบ้านหมา หลังจากเอาไก่ปล่อยเขาไปแล้ว ก็นำไปวางไว้ด้านข้างบ้าน
สวีฉางหลินใช้เสื้อผ้าเช็ดเหงื่อ มองดูฟ้า แล้วก็พูดกับโจวกุ้ยหลานว่า “คอกแพะคงต้องทำพรุ่งนี้แล้ว”
ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว มองไม่เห็นแล้ว
เขาสามารถทำเล้าไก่เสร็จก็เกินความคาดหมายของนางแล้ว ยังจะกล้าคาดหวังอะไรมากกว่านี้อีก?
“งั้นเจ้ารีบอาบน้ำก่อน จะได้พักผ่อนเช้าๆ”
โจวกุ้ยหลานพูดเสร็จ ก็ตักน้ำร้อนใส่เข้าไปในถัง กำลังคิดที่จะช่วยยกเข้าไปใส่ในถังใหญ่ในบ้านให้กับสวีฉางหลิน ถังไม้ก็ถูกสวีฉางหลินยกขึ้นมาแล้ว
เมื่อมองตามไปดู ก็เห็นสวีฉางหลินเปลือยกายท่อนบน ยืนอยู่ที่ประตูถือถังแล้วเทน้ำจากบนลงล่าง รูปร่างที่ดีนั้น สวมชุดแล้วดูผอมถอดผ้าแล้วมีเนื้อ สุดยอดมากจริงๆ
โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ความรู้สึกทั้งหมดล้วนอยู่ที่แผ่นหลังของสวีฉางหลิน
“ท่านแม่?”
เสียงเจ้าก้อนน้อยร้องเรียกอยู่ข้างหลัง โจวกุ้ยหลานตกใจหมด หันไปมองเห็นเจ้าก้อนน้อยทำท่าส่งสัญญาณให้เงียบ
เจ้าก้อนน้อยมองดูโจวกุ้ยหลานอย่างสงสัย ความรู้สึกภายในใจดวงน้อยรู้สึกว่าท่านแม่ค่อนข้างผิดปกติ
หลังจากเพิ่งห้ามเจ้าก้อนน้อยเสร็จ ก็หันไปมองเห็นสวีฉางหลินที่เปลือยท่อนบนหันมามองนาง
โจวกุ้ยหลานรู้สึกขาดความมั่นใจ ทำเป็นหัวเราะแล้วก็พูดขึ้นว่า “เจ้าอาบต่อไป”
พูดเสร็จ ก็คว้าเจ้าก้อนน้อยขึ้นมาอุ้มแล้วก็กลับเข้าห้องไป วางเจ้าก้อนน้อยตรงกลางเตียง แล้วนางก็นอนตัวตรงอยู่ด้านในของเตียง
เจ้าก้อนน้อยไม่เข้าใจ ทำได้เพียงนอนอยู่ข้างกายโจวกุ้ยหลานอย่างว่าง่าย มือน้อยนิดแอบแตะโจวกุ้ยหลานไว้ แล้วก็หลับตาทั้งคู่ลงอย่างเพียงพอใจ
ทั้งวันวันนี้โจวกุ้ยหลานผ่านเรื่องราวมาอย่างมากมาย เมื่อได้นอนลง ก็หลับไปเลย
รอเมื่อสวีฉางหลินอาบน้ำเสร็จกลับมา คิดอยากที่จะกอดเมียของตนเอง ค่อยพบว่าเมียของตนเองหลักไปแล้ว
เขาล็อกประตู ขึ้นมานอนบนเตียง เอื้อมมือใหญ่ไปโอบกอดเจ้าก้อนน้อยกับโจวกุ้ยหลานไว้
ภรรยาคงยังไม่พร้อม ไม่เป็นไร เขาไม่รีบ ยังมีเวลานอนกับภรรยาอีกยาวนาน
……
เมื่อตื่นขึ้นมา ฟ้าก็สว่างแล้ว
โจวกุ้ยหลานมองดูบนเตียง ก็เห็นว่ามีเพียงนางกับเจ้าก้อนน้อย อดไม่ได้ที่จะยื่นบิดขี้เกียจ
ใช่ แพะของนาง
โจวกุ้ยหลานลุกขึ้นมา สวมเสื้อผ้าเสร็จ รีบก้าวเดินออกจากห้อง แล้วก็เห็นผู้ชายที่กำลังจัดการกระต่ายอยู่ด้านนอก
จากนั้นก็มองเห็นแพะสองตัวกำลังกินหญ้าอยู่ไม่ไกล แล้วนางค่อยโล่งอก
“รีบเตรียมตัว เดี๋ยวจะพาเจ้ากลับไปเยี่ยมบ้าน”
โจวกุ้ยหลานอึ้ง แล้วค่อยคิดขึ้นมาได้ว่านางแต่งงานมาสามวันแล้ว วันนี้ต้องกลับบ้านท่านแม่ของตน นี่ถือเป็นวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมของที่นี่
“แย่แล้ว ข้าไม่ได้เตรียมอะไรเลย”
โจวกุ้ยหลานเกาผมของนางที่ยุ่งเหมือนอย่างเล้าไก่ คิดถึงความกล้าหาญของท่านแม่เจ้าของเดิม แล้วก็รู้สึกสงสารตนเอง
สวีฉางหลินเอากระต่ายที่ถลกหนังสะอาดแล้วใส่ในตะกร้า แล้วค่อยเงยหน้าพูดกับนางว่า “ข้าเตรียมไว้หมดแล้ว”