Chapter 6
หลี่ชิงชิง ลูกสาวคนโตของ ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหล กับ หลิวลั่วหาน มีน้องสาวชื่อ หลี่ลู่ อีกทั้งกำลังจะมีน้องอีกคนที่ใกล้ลืมตาดูโลก ครอบครัวของเธอเป็นตำรวจมือปราบมาหลายรุ่น แต่ที่โดดเด่นคงจะเป็นเรื่องการใช้กระบี่ที่ทั้งรวดเร็วและแม่นยำ ในการปลิดชีพเหล่าอาชญากรที่กล้าท้าทายต่อกฎหมาย นอกจากเพลงกระบี่แล้วยังเก่งด้านวิชาต่อสู้มือเปล่าด้วย กระทั่งวันหนึ่งหลิวลั่วหานได้ฝันเห็นนกฟีนิกซ์ตนหนึ่ง บินถลาจากท้องฟ้าลงมากางปีกโอบอุ้มเด็กทารกน้อยสองคน หลิวลั่วหานจึงนำความฝันไปเล่าให้ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลฟัง ส่งผลให้ พลตำรวจตรีหลี่เฉิงไห่ ผู้เป็นปู่ของร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลที่พึ่งเกษียณถึงกับแสดงความยินดีออกมา และตีความฝันของหลานสะใภ้ว่าลูกหลานของตระกูล จะได้รับพรเป็นนักรบฟีนิกซ์ในอนาคต ทว่าภายหลังนักพรตที่พลตำรวตตรีหลี่เฉิงไห่นับถือได้ทำนายความฝันไว้ว่า
ลูกคนแรกกับคนที่สองของร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหล จะเป็นผู้หญิงและมีคู่ครองเป็นนักรบฟีนิกซ์ ลูกคนที่สามจะเป็นผู้ชายก็ได้คู่ครองเป็นนักรบฟีนิกซ์เช่นกัน แม้จะผิดหวังแต่พลตำรวจตรีหลี่เฉิงไห่ก็ทำหน้าที่ของปู่ทวด ในช่วงที่หลี่ชิงชิงยังเด็กก็คอยสอนสั่งและถ่ายทอดวิชาเพลงกระบี่ให้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต มรดกเดียวที่เหลือให้เหลนคนแรกคือกระบี่เขียวมรกต ซึ่งมันได้กลายเป็นอาวุธประจำกายของหลี่ชิงชิง เมื่อเติบโตขึ้นเธอก็ตัดสินเข้ากองทัพบก สมัครเข้าหน่วยรบพิเศษนามว่า Silver Dagger ภายใต้ทีมที่มีหัวหน้าคือ จ่าสิบเอกแลนเดน ภารกิจส่วนใหญ่ที่เธอได้รับมักจะเกี่ยวกับยาเสพติด ทำงานร่วมกับกองปราบปรามยาเสพติดของตำรวจ
แต่มีอีกภารกิจอีกประเภทหนึ่งที่หน่วยรบ Silver Dagger จะได้รับเสมอ คือภารกิจการกวาดล้างสิ่งมีชีวิตต่างมิติหรืออมนุษย์ที่ออกอาละวาดภายในประเทศ และพวกที่หลี่ชิงชิงจะเจอบ่อยมากคือ อันเดด อมุษย์ที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อน
++++++++++++
"ทุกคนถอยก่อน !" เสียงตะโกนจากทหารยศนายร้อยร้องบอกทหารใต้บังคับบัญชา ท่ามกลางเสียงการสู้รบดังสนั่น
จ่าสิบเอกแลนเดนวิ่งตรงมาทาง ร้อยโทหลัวอวี๋ซี เพื่อรายงานสถานการณ์ว่าตอนนี้พวกแก๊งขวานซิ่งนำทัพเสริมมาด้วย ทว่าคราวนี้ได้รับรายงานจากทีมสอดเนมว่า สมาชิกที่มาเป็นแม่ทัพมาสู้กับตำรวจและทหารคือ โอโตฮวา เจ้าของฉายา นักรบขุนขวาน ลูกน้องใต้สังกัดของสุธน ปลาทอง ร้อยโทหลัวอวี๋ซีหันขวับมามองจ่าสิบเอกแลนเดนอย่างไม่เชื่อหู ทว่าด้านนายจ่าก็ยืนยันว่าทีมสอดเนมรายงานมาไม่ผิดแน่นอน ส่งผลให้ร้อยโทหลัวอวี๋ซีทำการวิทยุออกคำสั่งให้ทหารจากหน่วยรบ Silver Dagger ทำการถอนกำลัง เพื่อที่จะไปสมทบกับฝั่งตำรวจที่นำโดยร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหล ตามด้วยทีมคอมมานโดของ ร้อยตำรวจอีฮยอนชิก ซึ่งกว่าสองทีมจะตามมาช่วยคงใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง
"เราต้านไว้ไม่อยู่แน่" เป็นเสียงยุวชนทหารคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังร้อยโทหลัวอวี๋ซี และได้รับบาดเจ็บที่ขาเพราะมีผ้าพันแผลที่เปื้อนเลือด ทว่าถึงกระนั้นยุวชนทหารก็ยังจับอาวุธประจำกายไม่ยอมปล่อย
ร้อยโทหลัวอวี๋ซีหันมาทางจ่าสิบเอกแลนเดน "ไปบอกให้คนของเราถอยกลับมาตั้งหลัก และขอระเบิด C-4 ด้วย"
"รับทราบ !" จ่าสิบเอกแลนเดนรับคำสั่งและแยกตัวไปทางขวามือ ตอนนี้สถานการณ์โดยรอบวุ่นวายอย่างมาก ระหว่างที่กำลังวิ่งไปหาลูกน้องในทีมเขาก็ต้องคอยหลบแก๊งขวานซิ่งด้วย เขาตัดสินใจเรียกดาบออกมา และหวดดาบในมือจัดการกับข้าศึกเพื่อเปิดทางให้ตนเอง วิ่งมาได้สักพักทหารหนุ่มก็มองเห็นทหารประมาณสี่ถึงห้า กำลังสู้รบปรบมือกับข้าศึกหลายสิบคน จ่าสิบเอกแลนเดนไม่รอช้าเขาเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น พร้อมเหวี่ยงดาบในมือโจมตีใส่แก๊งขวานซิ่งที่รุมกลุ่มทหาร
พริบตาเดียวพวกมันถูกดาบฟันลงไปนอนกับรากมะม่วงแล้ว ส่งผบให้ทหารทีเหลือได้เปรียบและไล่จัดการข้าศึกจนราบคาบในที่สุด ทว่าถึงกระนั้นจ่าสิบเอกแลนเดนก็สังเกตเห็นว่า ทีมที่ตนดูแลอยู่ยังไม่ครบทีมเพราะขาดไปหนึ่งคน "ยุวชนทหารหลี่ชิงชิงล่ะ เธออยู่ไหน" คำตอบที่ได้คือเจ้าตัวอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ด้วยความที่จำนวนข้าศึกมีจำนวนมาก กอปรกับความชลมุนจากการตะลุมบอน ส่งผลให้คนอื่น ๆ ตามหลังเธอไม่ทัน จ่าสิบเอกแลนเดนที่ได้ฟังก็รีบออกคำสั่งให้ไปตามหลี่ชิงชิงกลับมารวมทีม เพราะมีคำสั่งให้ถอยทัพไปรวมกับทัพเสริม ทั้งหมดตามวิ่งตามทางที่หลี่ชิงชิงวิ่งไป จนกระทั่งพวกเขาได้ยินเสียงระเบิดกับปืน ใจคอของจ่าสิบเอกแลนเดนไม่ค่อยดีนัก เขานึกภาวนาในใจว่าขอให้ลูกน้องเขาคนนี้อย่าได้รับอันตรายใด ๆ เลย
ทั้งหมดวิ่งมาถึงลานโล่งก็ต้องพากันตกตะลึงกับภาพตรงหน้า บรรดาเหล่าแก๊งขวานซิ่งหลายสิบคนต่างรุมล้อมรอบตัวทหารคนหนึ่ง พวกมันใช้อาวุธที่มีพุ่งเข้าประชิด หมายจะปลิดชีพทหารผู้นี้ให้จงได้ ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือไม่มีพวกมันคนไหนจะสามารถเข้าใกล้ หรืออาวุธในมือจะแตะต้องผิวเนื้อของทหารได้ ตรงข้ามกับทหารที่แม้จะโดนรุมและมีอาวุธในมือ ก็มีแค่กระบี่หนึ่งเล่มเท่านั้นทว่าสิ่งที่จ่าสิบเอกแลนเดน รวมทั้งคนอื่น ๆ เห็นคือท่วงท่าที่สามารถปัดป้องอาวุธจากศัตรู และพลิกกลับเป็นท่าโจมตีดับลมหายใจศัตรูได้ในเวลารวดเร็ว ไม่เพียงเท่านี้ทหารคนนี้ยังใช้พลังแฝงอย่างไฟธาตุวายุ ซัดฝ่ามืออัดกลางอกแก๊งขวานซิ่งคนหนึ่ง ร่างของมันปลิวลอยกระเด็นชนกับซากรถคันหนึ่ง
"มัวรออะไรอยู่ ! รีบไปช่วยเธอสิ" จ่าสิบเอกแลนเดนหันมาสั่งลูกทีมคนอื่น ๆ ทันที
บรรดาเหล่าทหารและยุวชนทหารในสังกัดทีม ที่พอได้สติก็พากันไม่รอช้ารีบวิ่งตรงไปหายุวชนทหารที่กำลังโดนรุม ฝั่งข้าศึกต่างขวัญกระเจิงไม่น้อยที่ถูกลอบตีโดยไม่ทันระวังตัว สุดท้ายก็เป็นฝ่ายล่าถอยเสียเอง ด้านฝ่ายทหารก็ไม่มีเวลามาโห่ไล่เพราะต้องรีบไปสมทบที่ศูนย์บัญชาการที่อยู่นอกเขตปะทะ เพื่อรอทัพเสริมที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า จ่าสิบเอกแลนเดนเดินไปหายุวชนทหารที่ไม่ได้อยู่กลุ่มในตอนแรก
"ได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหม หลี่ชิงชิง" เขาถามอีกฝ่าย
"ไม่คะ" ยุวชนทหารเจ้าของชื่อ "หลี่ชิงชิง" ซึ่งแท้จริงเธอคือผู้หญิง เพียงแค่เธอมัดผมซ่อนไว้ใต้หมวกเหล็กที่อยู่บนศีรษะ
"ดี ! เพราะเราต้องรีบถอยแล้ว" จ่าสิบเอกแลนเดนออกคำสั่ง "ทัพเสริมกำลังมา เราต้องรีบไปสมทบกับพวกเขา"
+++++++++
ที่นอกเมืองโฮรุกจากที่เคยเป็นเมืองเต็มไปด้วยแสงสีเสียง ดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวมากมายหลั่งไหลเข้ามา บัดนี้กลายเป็นสมรภูมิรบกลางเมืองระหว่างรัฐบาลกับแก๊งอาชญากรต่าง ๆ ที่ฐานบัญชาการ ฯ นำโดย พลตำรวจโททวีเดช กับ นาวาเอกสเตลเซอร์ ตัวแทนจากหน่วยนาวิกโยธิน ทั้งสองได้ออกคำสั่งให้ทัพตำรวจคอมมานโดและทหารถอยกลับฐาน เพื่อรอทัพเสริมที่จะมาถึงในอีกสิบนาที พวกเขาต่างวางแผนกลยุทธ์ในการจัดการพวกข้าศึกอย่างเคร่งเครียด โดยเฉพาะกับพลตำรวจโททวีเดชที่ได้รับรายงานว่า โอโตฮวาจัดการกับพวกตำรวจไปหลายคนรวมทั้งยุวชนตำรวจเองด้วย ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยหารือกันอยู่นั้น
ครู่ต่อมาก็มีคนรายงานเข้ามาว่าบัดนี้ทัพเสริมจากฝั่งตำรวจ นำโดยร้อยตำรวจหลี่เอินไหลได้เดินทางมาสมทบแล้ว พลตำรวจโททวีเดชที่ได้ยินก็ผ่อนคลายความเครียดลงได้บ้าง ส่วนทัพเสริมจากฝั่งทหารคาดว่าจะตามมาถึง ในอีกสิบนาทีหลังทีมเสริมของร้อยตำรวจหลี่เอินไหล "ไปบอกให้เขารออยู่ที่การสรุปแผนการได้" ตำรวจที่เข้ามารายงานพยักหน้ารับ และรีบเดินออกจากฐานบัญชาการ ฯ ตรงไปยังทัมเสริมที่มีตำรวจนายหนึ่งกำลังสูบบุหรี่อยู่ ซึ่งก็คือร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลนั่นเอง หลังจากที่ได้รับทราบรายละเอียดแล้วเขาก็สั่งให้ลูกน้องทุกคน ไปรออยู่ที่แผนกสรุปภารกิจก่อนเลย ส่วนเขาจะขอสูบบุหรี่และรอเจอใครบางคนเสียก่อน ซึ่งคนที่ว่าก็คือหลี่ชิงชิงลูกสาวของเขาเอง
สาเหตุที่เขาเจ้าร่วมปฏิบัติการเมืองสะอาด มันก็เพราะปฏิบัติการนี้มีหลี่ชิงชิงเกี่ยวข้องด้วย ถึงแม้เขาจะมั่นใจในวิถีเพลงกระบี่ของลูกสาว แต่อย่างไรหัวอกของคนเป็นพ่อย่อมต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของลูก ดีหน่อยตรงที่หลี่ลู่ไม่ได้เข้าร่วมปฏิบัติการนี้เหตุเพราะต้องดูแลหลิวลั่วหาน ที่กำลังท้องและมีกำหนดจะคลอดเร็ว ๆ นี้ เสียงรถหุ้มเกราะที่ออกมาจากสมรภูมิรบ ดึงดูดความสนใจของร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหล ทำให้เขารีบดับบุหรี่แล้วเดินไปยังกลุ่มทหาร ซึ่งเป็นหน่วยรบ Silver Dagger ที่หลี่ชิงชิงสังกัดอยู่ ทว่าภาพต่อมาที่เขาเห็นมันก็สร้างความหดหู่ไม่น้อย บนรถหุ้มเกราะมีทหารและยุวชนทหารได้รับบาดเจ็บถูกห่ามขึ้นเปล และรีบตรงไปยังเต็นท์พยาบาลในทันที ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลรู้สึกโล่งใจเพราะในจำนวนนั้น ไม่มีหลี่ชิงชิงอยู่ด้วยแสดงว่ายังปลอดภัย
"พ่อ !"
เสียงร้องดังมาจากด้านหลังและเมื่อร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลหันไปมอง หลี่ชิงชิงในชุดทหารที่เปรอะเปื้อนด้วยเศษดินต่าง ๆ แต่เขาก็จำได้ว่านี้คือลูกสาวตนไม่ผิดแน่ สองพ่อลูกโผเข้ากอดด้วยความคิดถึง เหตุเพราะตัวร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลไปประจำการต่างเมือง ในขณะที่ครอบครัวอยู่เมืองหลวงทำให้ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนั้นเอง
"พ่อคือทัพเสริมเองเหรอ" หลี่ชิงชิงถามด้วยความฉงนใจ
"ใช่ พ่ออาสามาเองเพราะได้ยินว่าลูกมาที่นี้" ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลตอบ และเมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาวก็ต้องทำให้เขารีบเสริมว่า "อาลู่เป็นคนบอกพ่อ ไม่ต้องไปโกรธน้องเขาล่ะเพราะพ่อเป็นคนเค้นอาลู่เอง"
เด็กสาวไม่อยากพูดเรื่องนี้เท่าไหร่เพราะมันมีเรื่องที่ต้องโฟกัสมากกว่านั้นทัพเสริมจากกองทัพที่ควรมาถึงได้แล้ว ระหว่างที่พ่อลูกกำลังมองไปยังประตูวาร์ปเบื้องหน้า ทั้งสองได้ยินบทสนทนาจากสองทหารที่เดินผ่านว่า ในทัพเสริมจะมีนักรบฟีนิกซ์ติดตามมาด้วย แต่ไม่มีใครรู้ว่ามากันกี่คนสร้างความฉงนใจให้กับคนที่ได้ยิน "เบื้องบนส่งนักรบฟีนิกซ์มาเลยหรือเนี่ย" หลี่ชิงชิงพึมพำพลางหวนไปนึกถึงใครบางคน จนเธอต้องรีบสลัดไล่ภาพดังกล่าวออกจากสมอง
"นั่นไงล่ะ" ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลชี้ไปที่ประตูวาร์ปที่นาทีต่อมารถหุ้มเกราะก็ทยอย วิ่งออกมาจากประตูวาร์ปหลายคัน "ทัพเสริมของเรามาถึงแล้ว"
++++++++++++