Chapter 9
เพราะสิบตำรวจตรีดัสตินทำให้ทุกคนรู้ว่า อัศวินแดงแห่งแก๊งขวานซิ่ง มีชื่อจริงว่า นอร์เบิร์ต เกิดและเติบโตที่นี้ แถมยังเป็นเพื่อนที่มักมาเล่นกับสิบตำรวจตรีดัสติน ซึ่งตอนนั้นนอร์เบิร์ดก็เหมือนเด็กธรรมดา มีความชื่นชอบในการเล่นกีฬาบาสมาก ความฝันสูงสุดของเด็กชายคือ การได้เป็นนักกีฬาบาสมืออาชีพมีชื่อเสียง ทว่าอนิจจังหากเขาเติบโตในแวดล้อมที่ดีกว่านี้ ความฝันของนอร์เบิร์ตก็อาจเป็นจริงก็ได้ ซึ่งร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอคิดว่า นี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่โลกสีดำของนอร์เบิร์ต หรืออัศวินแดงก็ได้
นอร์เบิร์ตเกิดจากความไม่พร้อมของพ่อและแม่ เนื่องจากช่วงเวลานั้นพ่อแม่ของเขายังเป็นนักศึกษาอยู่ ซึ่งตามที่สิบตำรวจตรีดัสตินได้ยินมา จัสติน พ่อของนอร์เบิร์ตมาจากครอบครัวที่ทั้งรวยและมีหน้ามีตาพอสมควร ส่งผลให้ นอร่า และ เจมม่า สองแม่ลูกเชื่อว่าจัสตินจะรับผิดชอบลูกน้อยที่กำลังลืมตาดูโลกในไม่ช้า กอปรกับที่ผ่านมาชายหนุ่มก็ค่อนข้างจะทะทุถนอมหญิงสาวมาตลอดด้วย และยังมีท่าทางยินดีที่ตนกำลังจะได้เป็นพ่อคน เรื่องราวควรจะจบได้อย่างสวยงาม เว้นแต่ทุกอย่างก็แปรเปลี่ยนไป เมื่อลมที่เปลี่ยนทิศทางกะทันหัน
หลังนอร์เบิร์ตเกิดได้สองวันจัสตินจึงนำเรื่องนี้ ไปบอกกับครอบครัวของตนเอง ซึ่งแน่นอนว่า เครก กับ ซินด้า ไม่พอใจอย่างมาก ที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เอาตัวไปคลุกกับคนชาติตระกูลต่ำอย่างนอร่า ผลของการถูกตำหนิในครั้งนั้นก็ทำให้จัสตินเปลี่ยนไป เขาเริ่มมาหานอร่ากับลูกน้อยลง และเมื่อโดนถามเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานหรือเรื่องที่จัสตินรับปากไว้ ชายหนุ่มก็เริ่มมีอาการหงุดหงิดแบบไม่มีเหตุผล วันสุดท้ายที่จัสตินมาเยี่ยมนอร่าถือทิ้งเงินจำนวนหนึ่ง พร้อมกับตั้งชื่อให้เด็กน้อยว่า "นอร์เบิร์ต"
หลังจากนั้นนอร่าก็ได้รู้ความจริงว่า แท้จริงแล้วจัสตินได้ไปตกลงปลงใจ แต่งงานกับหญิงสาวที่พ่อกับแม่จัดหาให้ โดยจัสตินได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานที่เมืองหลวง นอร่าที่รู้ก็ถึงกับสติแตกและเอาแต่กินเหล้าไปวัน ๆ เอาชีวิตรอดด้วยการไปทำงานเป็นหญิงบริการตามผับบาร์ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงนอร์เบิร์ตกับเจมม่า เด็กน้อยเติบโตมากับความเกลียดชังที่ยายกับแม่มีต่อพ่อผู้ให้กำเนิด โดยนอร์เบิร์ตกลายเป็นตัวตายตัวแทนจัสติน เพราะเขาดันมีใบหน้าละหม้ายคล้ายพ่อไม่มีผิด เสมือนน้ำมันที่เทลงไปในกองไฟแห่งความเกลียดชัง
"ถ้าไม่มีแกสักคน ชีวิตฉันคงจะดีกว่านี้" นี้เป็นประโยคที่นอร่าพูดใส่ลูกชายเสมอ
แต่นอร์เบิร์ตรักแม่มากและไม่เคยโกรธเลยแม้แต่ครั้งเดียว และเพราะไม่ต้องการให้แม่ขุ่นเคืองเขาจึงมักมาแอบเล่นบาสคนเดียว แม้จะดึกดื่นแค่ไหนก็ตาม แต่สนามบาสแห่งนั้นก็ทำให้เด็กชายมีเพื่อนคนแรก ซึ่งก็คือสิบตำรวจตรีดัสตินสิบนั่นเอง ทั้งสองมักชอบมาเล่นบาสด้วยกันและโชคดีของนอร์เบิร์ต ครอบครัวของเพื่อนคนนี้เมตตาเขา ถึงขนาดอนุญาตให้มานอนค้างได้ เหตุการณ์หนึ่งที่สิบตำรวจตรีดัสตินไม่เคยลืม คือวันสุดท้ายที่เขาต้องไปเกณฑ์เป็นยุวชนตำรวจ มันแปลว่าทั้งสองจะไม่ค่อยมีเวลาได้เล่นกันอีก
แถมครอบครัวของสิบตำรวจตรีดัสตินก็เตรียมย้ายบ้านเข้าไปในตัวเมืองอีก เด็กทั้งสองจึงให้คำสัญญาว่าจะกลับมาพบกันอีก ทว่าหลังเหตุการณ์นั้นสิบตำรวจตรีดัสตินก็ไม่ได้ข่าวคราวเพื่อนคนนี้อีกเลย ทั้งที่ช่วงแรกนอร์เบิร์ตส่งจดหมายมาเสมอ ทว่ากาลเวลาต่อมาจู่ ๆ เขาก็ไม่ได้รับจดหมายของเพื่อนอีกเลย ฉบับสุดท้ายที่นอร์เบิร์ตส่งมาเป็นแค่การ์ดอวยพรวันเกิดเท่านั้น และพอเขาส่งจดหมายไปหา ก็ไร้วี่แววตอบกลับมา ซึ่งกว่าสิบตำรวจตรีดัสตินจะออกมาจากศูนย์ฝึกได้ก็ตอนอายุสิบสามพอดี
ทันทีที่เขาเดินทางมายังบ้านที่นอร์เบิร์ตอาศัยอยู่ กลับกลายเป็นว่าไม่มีใครอาศัยอยู่เป็นปีแล้ว ยุวชนตำรวจวัยสิบสามจึงไปถามคนแถวนั้นจึงได้รู้ว่า นับตั้งแต่เขาไม่อยู่นอร์เบิร์ตก็แทบไม่มีเพื่อนเลย เพราะถูกล่อเรื่องที่ไม่มีพ่อและอาชีพที่แม่ทำ ส่งผลให้เด็กชายในตอนนั้นเลือกขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ซึ่งแม่กับยายก็ทำเหมือนเขาไร้ตัวตนอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงชีวิตของนอร์เบิร์ตคือ นอร่าได้พบรักใหม่กับคนอายุรุ่นพ่อแต่รวย
ชีวิตของนอร์เบิร์ตแทบตกนรกทั้งเป็น เขาถูกแฟนใหม่แม่ทุบตีและด่าทอ ส่วนนอร่าก็ไม่เคยมาปกป้องเขาในฐานะแม่ และเจมม่าก็เอาแต่เสพสุขกับเงินทองที่ได้จากแฟนใหม่ของนอร่า จนกระทั่งเจมม่าเสียชีวิตบนท้องถนน เนื่องจากเมามายไม่ได้สติจากการไปเที่ยวปาร์ตี้ จึงถูกรถชนเพราะไปเดินตัดหน้ารถพอดี หลังงานศพเจมม่าได้สี่วันนอร่าก็จัดกระเป๋าแล้วย้ายไปอยู่กับสามีใหม่ที่เมืองนอก และทิ้งนอร์เบิร์ตอยู่คนเดียวที่นี้ เนื่องจากบ้านที่เด็กชายอยู่เป็นห้องเช่า พอแม่ไม่จ่ายเงินก็ทำให้นอร์เบิร์ตถูกไล่ออกจากห้อง กลายเป็นเด็กเร่ร่อนอย่างเต็วตัว นับแต่นั้นก็ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย
ช่วงเวลาที่นอร์เบิร์ตหายไปตรงกับวันที่สิบตำรวจตรีดัสตินไม่ได้รับจดหมายของเพื่อนอีกเลย มันเป็นตราบาปในใจของเขาจนถึงปัจจุบัน และตลอดหลายปีมาเขาก็พยายามสืบค้นหาเพื่อนคยนี้มาตลอด แต่ก็คว้าน้ำเหลวจนบางครั้งเขาเชื่อว่าคงไม่มีโอกาสได้เจอเพื่อนคนนี้อีก
แต่บัดนี้สิบตำรวจตรีดัสตินค้นพบว่า เขาคิดผิด.....
++++++++
ฮาจองอูยอมรับว่าไม่คาดคิดเหมือนกันว่า ภายใต้หมวกกันน็อคสีแดง จะเป็นแค่ชายหนุ่มที่อายุห่างกับเขาไม่กี่ปี แถมเจ้าตัวดูจะไม่ยอมจำนนให้จับกุมแน่ ๆ สายตาจ้องมาที่ฮาจองอูแบบจะกินเลือดกินเนื้อเลยทีเดียว ด้านสิบตำรวจตรีดัสตินแม้จะไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้มานานแค่ไหน เขาก็ไม่เคยลืมเพื่อนคนนี้ แถมหน้าตาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก หากแต่ตอนนี้มันไม่เหลือคราบของเพื่อนที่เคยเล่นบาสมาด้วยกัน
"มึง...." อัศวินแดงพูดกัดฟันกรามแน่น "แสบมากนะที่มาทำลายหมวกกู"
ฮาจองอูตั้งท่าเตรียมสู้ต่อ "แค้นนักก็เข้ามาเลย ไอ้หน้าเหี้ย"
อัศวินแดงที่แม้จะเจ็บหนักแต่มันก็ยังเหลือฝืนร่างกาย จับขวานคู่ใจและวิ่งเข้าไปฟาดฟันใส่ฮาจองอูในทันที ขณะเดียวกัยร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอสังเกตว่า บริเวณนี้ยังมีสมุนแก๊งขวานซิ่งหลงเหลืออยู่ กอปรกับพันตำรวจเอกมาซอกโดก็กำลังรับมือกับอัศวินดำและสมุนของมัน ทำให้คนที่จะบัญชาการรบแทน ก็คงไม่พ้นตัวร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหออยู่ดี เขาสั่งให้ทุกคนจัดการศัตรูที่อยู่โดยรอบให้หมด อย่าให้เข้าใกล้เขตพลเรือนเป็นอันขาด เหล่าตำรวจและยุวชนตำรวจต่างรับคำสั่งไปทำหน้าที่ของตน ยกเว้นเพียงสิบตำรวจตรีดัสติน
ร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอเข้าใจอีกฝ่ายดี คงจะช็อคกับความจริงตรงหน้า และคงอยากทำหน้าที่ของเพื่อน แต่ตอนนี้ทั้งสองยืนคนละฝั่งแล้ว และมีแต่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น
"นายทำอะไรไม่ได้แล้ว หมู่" ร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอตบไหล่อีกฝ่าย "ปล่อยให้ยุวชนทหารคนนั่นจัดการเพื่อนเก่านายเถอะ"
"ครับ" สิบตำรวจตรีดัสตินรับคำและหมุนตัวไปรวมกลุ่มกับคนอื่น ๆ แทน
ด้านฝั่งฮาจองอูที่การต่อสู้ยังไม่จบง่าย ๆ อัศวินแดงใช้พลังไฟธาตุอัคคี ทำให้ด้ามขวานของมันยาวขึ้น เพื่อใช้ในการโจมตีระยะไกล แถมพลังโจมตียังรุนแรงถึงขั้น สามารถฟันรถและเสาไฟฟ้าขาดครึ่งได้ ฮาจองอูจึงตัดสินใจเพิ่มพลังป้องกันให้ตัวเองมากขึ้น ทันใดนั้นเองดวงตาของเขาก็เปลี่ยนไป จากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกลายเป็นสีแดงเข้มเหมือนไฟ ส่งผลให้พลังไฟธาตุอรุณเข้มจนจากสีทอง กลายเป็นเหมือนสีทองอมแดงเข้ม แลดูคล้ายสีของเปลวเพลิง
"มึง ตาย !"
อัศวินแดงที่ขาดสติพุ่งเข้ามาหาฮาจองอู และเหวี่ยงขวานใบเลื่อยของมัน ตรงไปที่ร่างของศัตรูหวังให้มันขาดเป็นสองท่อน ทว่า.... ใบขวานถูกกันไว้โดยเกราะไฟธาตุอรุณ ที่ฮาจองอูสร้างไว้ทำให้ขวานไม่สัมผัสกับผิวเนื้อแขนเขา และในจังหวะที่อัศวินแดงมัวแต่ตกใจ ฝั่งฮาจองอูก็ใช้มือขวาจับที่ด้ามขวานของอัศวินแดง พร้อมกับหมัดซ้ายทุบเข้าที่ใบขวาน
เสี้ยววินาทีนั้นขวานเลื่อยอาวุธคู่ใจของอัศวินแดง ถูกทำลายลงด้วยหมัดของฮาจองอู เป็นภาพที่บรรดาสมุนของมัน ต่างก็คาดไม่ถึงและมีบางคนเริ่มคิดจะหนีเอาตัวรอด ทว่าก็ไม่อาจรอดการถูกจับกุมได้ ส่วนอัศวินแดงก็ตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก อาวุธอันภาคภูมิใจถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา แต่ถึงกระนั้นมันก็แปรพลังไว้ที่ฝ่ามือ และฟาดเข้าที่กลางลำตัวของฮาจองอู เดชะบุญที่มันฟันโดนเสื้อเกราะแทน
จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เสื้อเกราะไม่สามารถใช้งานได้ ฮาจองอูจึงตัดสินใจดึงเสื้อเกราะออก ด้านอัศวินแดงที่ไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ง่าย ๆ ก็ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างฟาดฟันแทนขวานที่พังไป แต่เพราะรูปแบบการโจมตีที่สะเปะสะปะ ส่งผลให้ฮาจองอูมองเห็นช่องโหว่ของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มหลบหลีกการโจมตีของศัตรูอยู่ครู่หนึ่ง และต่อมาเขาก็สบัดแข้งขวาถีบเข้ากลางท้องอัศวินแดง แน่นอนว่ามันทำให้อัศวินแดงจุกจนตัวง้อ ในจังหวะที่ก้มตัวเพราะจุกหน้าของมัน ก็ถูกประทับตราด้วยท่าแทงเข่า
"คิดว่าของแค่นี้...."
ยังพูดไม่ทันจบฮาจองอูก็ปล่อยหมัดขวาฮุคเข้าไปที่ใบหน้าของอัศวินแดง เสี้ยววินาทีนั้นในที่สุดอัศวินแดงก็ถูกปราบลงในที่สุด มันล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น เป็นภาพที่ไม่ว่าใครก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นในวันนี้
อัศวินแดงหนึ่งในหกอัศวินแห่งแก๊งขวานซิ่ง ถูกปราบลงแล้ว
+++++++