บทที่ 7
จื่อเฉินรีบเดินทางออกไป บนหิมะหนาๆ ทิ้งเป็นรอยเท้าลึกๆ ไว้ ตั้งแต่การถูกตามล่า จนถึงตอนนี้เขาวิ่งมาได้10กว่าลี้แล้ว และยังคงวิ่งหนีต่อไป
ก่อนหน้านี้ยังได้ยินเสียงตะโกน และเสียงด่าของพวกจ้าวช่าน แต่ต่อมาจื่อเฉินไม่ได้ยินอะไรแล้ว เขาใช้สองเท้าหนีทั้งสามคนที่มีพลังระดับชี่แท้ชั้นสี่มาได้
หลังจากได้ตายแล้วเกิดใหม่ ถึงแม้จื่อเฉินจะไม่มีชี่แท้แล้ว แต่พลังมีมากกว่าก่อนเยอะ แรงกายก็เต็มเปี่ยม ที่หนีมาตลอดทางนี้ ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหอบอะไรเลย
“จื่อเฉินยังไม่ตายงั้นหรือ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” พวกของจ้าวช่านทั้งสามคนก็ตามรอยเท้าพวกนั้นไป ระหว่างทาง ทั้งสามคนก็ไม่เข้าใจเรื่องของจื่อเฉินเมื่อครู่นี้
พวกเขาล้วนเป็นผู้บำเพ็ญ เป็นนักบู๊ แยกเป็นตายออกได้แน่นอน ก่อนหน้านี้จื่อเฉินได้ตายไปแล้วจริงๆ แต่ทำไมตอนนี้ถึงยังมีชีวิตอยู่
“เหอะ เจ้านั่นมันไม่ตายก็ถือว่าโชคดีไป แต่ครั้งนี้ได้ตายแน่นอน!” จ้าวช่านหน้าบึ้ง แล้วก็พูดอย่างเย็นชา
เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับจื่อเฉิน ทำไมถึงได้ตายแล้วฟื้น
“จื่อเฉินไม่มีชี่แท้แล้ว แต่ก็ยังเดินเร็วกว่ากระต่ายเสียอีก ถ้าจับมันได้ ข้าจะฆ่ามันให้ตายกับมือ จากนั้นข้าจะยืนข้างๆ รอดูสิว่ามันจะฟื้นมาได้อีกหรือไม่!” หลินหาวด่าออกมา
หลินยิงก็ขมวดคิ้วพูดว่า “ดูจากร้อยเท้าบนพื้น จื่อเฉินน่าจะไม่มีชี่แท้ ถึงแม้จะไม่ตาย แต่ตันเถียนถูกทำลายไปแล้ว แต่ทำไมมันถึงมาชิงโสมหิมะไปอีก หรือว่าโสมหิมะสามารถทำให้ตันเถียนของมันฟื้นฟูกลับมาได้?”
“ไอ้โง่!” จ้าวช่านที่สีหน้านิ่งขรึม ก็อดมองบนใส่ไม่ได้ แล้วก็พูดประชดออกมา
“จ้าวช่าน ข้าขอเตือนเจ้าเลยนะ พูดจาเกรงใจพวกข้าสองคนหน่อย!” คำประชดของจ้าวช่าน ทำให้หลินหาวโมโห
“เหอะ!” จ้าวช่านส่งเสียงไม่พอใจ แล้วก็พูดแดกดันไปอีก “โสมหิมะเป็นแค่ยาวิเศษชนิดหนึ่งเท่านั้น ช่วยให้คนบรรลุขั้นพลังได้เท่านั้น ไม่มีสรรพคุณคืนสภาพตันเถียน ไม่ต้องพูดถึงโสมอายุ500ปีหรอก ต่อให้พันปีก็ไม่มีทางรักษาตันเถียนให้กลับมามีสภาพเดิมได้!”
“เจ้าหมายความว่า?” หลินยิงจ้องมองจ้าวช่าน
“ข้าหมายความว่า ถ้าจับตัวจื่อเฉินได้ มันตายแน่นอน ถ้าหากว่ามันกินโสมหิมะลงไป ก็ต้องตายแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จื่อเฉินก็ต้องตายเหมือนกัน!” จ้าวช่านเผยสายตาอำมหิตออกมา
“ตายงั้นหรือ จะตายอย่างไร? ตอนนี้จับตัวมันไม่ได้ด้วยซ้ำ” หลินหาวมองบนใส่
“ตอนนี้พวกเราจับตัวมันไม่ได้ แต่มันก็หนีไปไหนไม่ได้ไกลหรอก ไม่มีชี่แท้ ไม่มีอาหาร มันจะวิ่งหนีได้ไกลสักแค่ไหน?” จ้าวช่านพูดประชด
การวิเคราะห์ของจ้าวช่านมีเหตุผลมาก แต่เขากลับไม่รู้ว่าจื่อเฉินเจอปาฏิหาริย์อะไรมา และก็ไม่รู้ด้วยว่า ถึงแม้จื่อเฉินจะไม่มีชี่แท้ แต่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาๆ ผ่านการเปลี่ยนเส้นเอ็นล้างกระดูก แล้วร่างกายของเขาเรียกได้ว่าน่ากลัวมากเลยทีเดียว
จื่อเฉินก็หนีออกห่างจากพวกเขาไกลๆ ขึ้นเรื่อยๆ จากร้อยเมตร เป็นหลายลี้ และระยะห่างก็ยังคงเพิ่มมากขึ้น
จื่อเฉินไม่มีอาหาร เดินทางตลอดเวลา ก็รู้สึกกระหายและหิว ได้แต่หยิบเอาหิมะมาปั้นเป็นก้อนแล้วกินลงท้องไป
ไม่นานฟ้าก็เริ่มมืด คืนนี้ไม่มีดาวและเดือนเลย แต่บนพื้นมีหิมะสีขาวโพลน ดังนั้นค่ำคืนที่เดิมทีควรจะมืดมิด ตอนนี้สามารถมองเห็นออกไปได้หลายร้อยเมตร
เมือเทียบกับตอนกลางวัน การมองเห็นตอนกลางคืนไม่ชัดเจนเหมือนเดิม
ดังนั้น หลังจากฟ้ามืดแล้ว จื่อเฉินก็เลยไปหาถ้ำแห่งหนึ่ง แต่เขาไม่ได้เข้าไป เขาหยุดฝีเท้าลงตอนที่ห่างจากถ้ำหลายสิบเมตร แล้วก็เดินไปที่ข้างๆ อีกทางหนึ่ง เดินออกไปหลายสิบเมตร จากนั้นก็เดินถอยกลับไป ถอยเกินทางเดิมหลายร้อยเมตร
การเดินถอยกลับ รอยเท้ามันจะใหญ่กว่าเห็นได้ชัด แต่ตอนกลางคืนมันเห็นไม่ชัดเจน พอเห็นรอยเท้าที่ใหญ่กว่าหน่อย จื่อเฉินก็หัวเราะเย็นๆ ออกมา แล้วก็วิ่งไปอีกทาง แต่ว่าครั้งนี้ จื่อเฉินระวังตัวมากกว่าเดิม นั่งยองๆ ลงแล้วใช้หิมะกลบรอยเท้าตนเอง
หิมะก็ยังคงตกต่อไป ตกหนักมาก ทำให้จื่อเฉินประหยัดเวลาได้เยอะ แค่เอาหิมะกลบไปเล็กน้อย จากนั้นหิมะที่ตกลงมาก็จะไปทับถมรอยเท้าพวกนั้นเอง
แบบนี้ ถึงแม้จื่อเฉินจะเดินทางช้า แต่ก็สามารถหลุดจากการติดตามของพวกนั้นได้
เดินทางช้าแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอ้อมภูเขาสองลูก จื่อเฉินค่อยเพิ่มความเร็ว ไม่สนใจรอยเท้าตนเองแล้ว กำก้อนหิมะยัดกินเข้าไปในปาก แล้วจื่อเฉินก็เริ่มวิ่งต่อ
ครั้งนี้ จื่อเฉินวิ่งสุดแรง ไม่เสียดายแรงในตัวตนเองเลย วิ่งไปหลายสิบลี้เต็มๆ ถึงหยุดลง แล้วหายใจเข้าเฮือกใหญ่
พวกของจ้าวช่านก็ไม่ได้หยุดยั้ง ยังคงตามรอยเท้าไป ครึ่งคืนเต็มๆ พวกเขาก็เพิ่งมาถึงด้านนอกของถ้ำ
รอยเท้าบนพื้น มันไม่ค่อยชัดแล้ว เห็นได้แค่รอยยุบลงไปเล็กน้อยเท่านั้น
“รอยเท้าถูกหิมะปกคลุมไปแล้ว พวกเรารีบเร่งฝีเท้ากันเลย”
พอเห็นว่าด้านหน้าไม่มีรอยเท้าแล้ว หลินหาวก็ขมวดคิ้วพูด แล้วก็รีบเดินตามต่อไป
“ปัญญาอ่อน!”
จ้าวช่านแหยะยิ้มประชดที่มุมปาก ในใจก็ด่าออกมา หลินหาวเตือนเขาไปแล้ว เขาก็เลยไม่กล้าไปหัวเราะเยาะพวกนั้นอีก ได้แต่แอบด่าในใจ
พอด่าในใจไปแล้ว จ้าวช่านก็ยืนอยู่ที่เดิม พูดนิ่งๆ ว่า “ไม่มีรอยเท้าแล้ว แต่ก็ไม่น่าจะเป็นเพราะหิมะมาปกคลุมหรอก”
หลินยิงกับหลินหาวก็หยุดฝีเท้าลง แล้วก็มองจ้าวช่านอย่างไม่เข้าใจ