บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 นางฟ้าหรือซาตาน

ปอยผมเปียกชื้นร่วงหล่นลงไปแทบเท้า มันวาวอยู่ใต้แสงไฟราวกับใบหญ้าสีดำสนิทที่ต้องน้ำค้าง ไนท์ผ่อนลมหายใจขณะฟังเสียงกรรไกรตัดผมสีเงินในมือมาดามมิมส์ตัดฉึบๆฉับๆ ลูอิสนั่งมองเงียบๆ

เครื่องบินสิบมัคของฌองปิแอร์พาพวกเขามาถึงลานจอดเครื่องบินของฐานปาแลร์โมในตอนใกล้รุ่ง ลูอิสกับไนท์นอนหลับไปยันเที่ยงก็ถูกมาดามมิมส์ปลุกมาทานข้าว ก่อนที่ทุกคนจะลงความเห็นว่าไนท์ควรจะตัดผมและย้อมสี เจ้าตัวดูจะเสียดายผมอยู่ไม่น้อยแต่พอลูอิสเอาภาพทรงผมซอยสไตล์ญี่ปุ่นมาให้ดูไนท์ก็ยอมตกลง

แต่ก่อนอื่น มาดามมิมส์ต้องตัดเรือนผมสีดำยาวเคลียไหล่ให้อยู่ประมาณคอเสียก่อนเพื่อไม่ให้ช่างตัดผมที่จ้างมาจำได้ ลูอิสอยากจะแย้งว่ารอช่างตัดเสร็จทีเดียวแล้วฆ่าทิ้งจะไม่ง่ายกว่าเหรอ แต่คิดๆดูรู้สึกมันจะเลวเกินไปหน่อย

"ดูซิ น่าเสียดาย.." มาดามมิมส์บ่นพึมพำ ดึงกิ๊บดำให้ผมที่ยังไม่ได้ตัดสยายลงมาและหวี "แล้วคุณหนูจะแพ้พวกสีย้อมรึเปล่าก็ไม่รู้ ยิ่งคันหัวบ่อยๆอยู่.. ป้าบอกแล้วใช่ไหมคะว่าอย่าออกทำงานบ่อยนัก พอคนเขาเริ่มจำหน้าได้แล้วก็เป็นอย่างเนี้ย เจ้าประคุณรุนช่อง ร้อยล้านดอลลาร์แน่ะ คุณชายก็น่าดุจริงเชียวไม่ยอมห้ามเจ้าชายเสียบ้าง"

ข้างท้ายพูดกับลูอิส เขายิ้มแห้งๆ ก็ใครจะไปขัดเจ้าชายได้เล่า..

"ไนท์ก็ไม่อยากเหมือนกันแหละค่ะ" ไนท์พูดเสียอ่อย เห็นผมตัวเองกองเต็มหนังสือพิมพ์แล้วก็ชักเสียดายขึ้นมาอีกรอบ แต่มือยังถือส้อมจิ้มทาร์ตแอบแปิ้ลเข้าปากประมาณว่าความเศร้าเสียดายก็หยุดเธอไม่ได้

"เอ้า... น่าจะเท่ากันแล้วมั้งคะ" มาดามมิมส์ถอยหลังไปดูผลงานตัวเอง ลูอิสยักไหล่

"เดี๋ยวซอยมันก็ไม่เท่ากันอยู่ดี ปล่อยให้เป็นฝีมือช่างละกัน" เขาลุกขึ้นขณะที่ไนท์แกะผ้าดำคลุมตัวออก มาดามมิมส์เก็บกวาดพื้นที่ "มา.. ยัยเตี้ย ฮ่ะๆๆ ฉันอยากถ่ายรูปเธอตอนนี้แฮะ เอ๋อได้ใจ"

"หุบปากเลย" ไนท์แยกเขี้ยว "พาฉันไปหาช่างซะที ไม่ต้องป่าวประกาศให้คนทั้งฐานมาดูหรอกนะ"

"ครับๆ" ลูอิสก้มลงมางับชิ้นทาร์ตบนส้อมไนท์

ทั้งสองเดินออกมาจากคฤหาสน์คอสเตลลาโน ในสนามกว้างมีเสียงยิงปืนดังเป็นระยะๆและเสียงหัวเราะ เพ้นท์บอลที่พวกเขาซื้อสร้างความสนุกสนานและรอยเปื้อนมากมายจนคนสวนเริ่มจะค้อนหน่อยๆ ไนท์เห็นต้นสนซีดาร์รอบแนวกำแพงมีลำต้นสีน้ำเงินเข้ม ม่วงไวโอเล็ต ส้มแปร๊ด และดอกพวงครามที่กระถางยาวตรงระเบียงก็กลายเป็นสีช็อกกิ้งพิ้งค์ไปแล้ว

"ฉันเริ่มสงสารแม่บ้านนิดๆแล้วสิ.. คนสวนด้วย" ไนท์เปรย ลูอิสพยักหน้า

"เออ... ฌองตาลก็มาบอกเหมือนกัน ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะให้ไอ้ทะโมนพวกนี้มานั่งเช็ดล้างกันเอง" เขาเอ่ยถึงฌองตาลที่เป็นหัวหน้าแม่บ้านฐานปาแลร์โม "แบบตอนพวกเราเด็กๆ -- แยกสีกระสุนกันจะได้รู้ว่าใครทำเลอะ"

"ฉันจำได้.. นายน่ะไม่เคยต้องล้างเลยสักที"

"อ้าว ก็ฉันยิงแม่นนี่ ไม่มีการยิงพลาดเปื้อนอย่างอื่นหรอกนอกจากคน แต่เธอน่ะโดนยิงแล้วก็ยังอุตส่าห์ลงไปนอนกลิ้งกับพื้นให้สีของฉันมันเปื้อนนะ" พูดแล้วก็ขยี้หัวเปียกๆของไนท์

"ก็โดนยิงทีมันเจ็บนี่นา แล้วนายก็ยิงมาได้อยู่ซะใกล้ โรคจิตตั้งแต่เด็ก!"

เถียงกันไปเถียงกันมาระหว่างเดินก็ช่วยย่นความน่าเบื่อของระยะทาง คฤหาสน์กับสำนักงานอยู่ไกลกันไม่น้อยเลยแต่ลูอิสก็ขี้เกียจขับรถเพราะต้องไปขออนุญาตจากศูนย์ควบคุมโรงจอดอีก ไม่มีเจ้าชายอยู่ด้วยแล้วลำบากจริงๆ

ไนท์เข้าไปนั่งรอช่างในห้องแต่งตัวของสำนักงาน ถ้าใครต้องการเปลี่ยนเสื้อเวลาออกไปทำงานก็ต้องมาที่ห้องนี้เพื่อรับเสื้อของฐาน ช่างทำผมท่าทางเฮ้วๆรออยู่แล้วในห้อง

"ทรงไหนครับ" ช่างทำผมถามขณะมองหน้าเธอไปด้วย ไนท์นั่งลงที่เก้าอี้และหลับตา ลูอิสส่งภาพทรงผมที่ต้องการให้

~~Guess who! Louisa, I wanna say you're the GAY leader! Woohoo!!~~

"ยัยเตี้ย! ทำไมเธอไม่เอาเสียงเรียกเข้าที่มันอัปรีย์กว่านี้อีกล่ะหา!!" ลูอิสตะโกนร้อยแปดสิบเดซิเบล ผลุบออกไปนอกห้องเพื่อคุยโทรศัพท์ ไนท์หัวเราะกึ้กๆเช่นเดียวกับช่างทำผมที่พยายามทำสีหน้านิ่งๆไม่ให้เสียมารยาท

"ทำไมหัวเปียกอย่างงี้ล่ะครับ" เสียงช่างทำผมถามชณะง่วนอยู่กับเครื่องมือ ไนท์ได้แต่ยิ้มอย่างเงียบๆ "สีผมคุณก็ดำสวยดีออกทำไมถึงอยากย้อม"

นัยน์ตาคู่สวยลืมขึ้นรวดเร็ว

เคล้ง!!

เสี้ยววินาทีร่างเพรียวบางก็ค้ำอยู่เหนือเก้าอี้หมุน กรรไกรตัดผมคมกริบราวกับใบมีดโกนของช่างทำผมไขว้ค้างอยู่กลางอากาศกับส้อมจิ้มทาร์ตในมือไนท์ และเธอรู้ดีว่าส้อมคงเป็นอาวุธได้อีกไม่นาน

"ฉันยังไม่ได้บอกแกสักคำว่าจะย้อม"

มือไนท์สั่นน้อยๆขณะตวัดส้อมออกไปและดึงมีดพับสปริงออกมาจากสายรัดต้นขา รอยยิ้มของช่างตัดผมแสยะออกอย่างน่ากลัวเป็นรอยยิ้มของนักฆ่า

"รู้ตัวเร็วดีนี่ คนสวย สมเป็นเอสคอร์ทอันดับหนึ่งของมาเฟีย"

ไนท์ยิ้มหยัน ดีดใบมีดออกมาโชว์ "ขอบใจที่ชม ว่าแต่แกเถอะ บ่อจี๊ขนาดต้องมาเป็นช่างทำผมเลยรึไง มาแบบแมนๆหน่อยก็ได้จะได้ดูมีศักดิ์ศรีหน่อย" นักฆ่าหัวเราะ

"คนเราไม่จำเป็นต้องมีศักดิ์ศรีตลอดเวลาหรอก ไม่เคยได้ยินเหรอ พอชนะได้แล้วก็ไม่มีคำว่าศักดิ์ศรี เพราะงั้นเหยียบใครได้ให้รีบเหยียบ ก่อนคนอื่นจะเหยียบเรา"

"ฉันเห็นด้วย!"

ร่างเล็กพุ่งเข้าใส่หมายจะจ้วงแทง แต่นักฆ่ารับไว้ทัน ไนท์ฟาดมีดสะบัดเป็นรูปตัวเอสเหมือนงูเลื้อย เฉือนเรียกเลือดไปจากแขนของอีกฝ่ายเพียงเบาบางไม่ลึกดังที่ใจต้องการ เธอก้มหัวหลบอย่างรวดเร็วเมื่อคมกรรไกรตวัดมาแถวใบหน้า มีดเล็กยกขึ้นรับ

"มือสั่นอีกแล้วนะคนสวย หมดแรงเหรอ"

"ก็ไม่ยุติธรรมนี่กรรไกรแกยาวขนาดนั้น!"

เคล้ง!

กรรไกรของนักฆ่าหนีบเอามีดในมือเธอพลิกสะบัดกระเด็นไปทันที ไนท์กัดฟันกรอดและทำท่าจะหาสายรัดที่ต้นขาแต่นักฆ่าโถมตัวมากดเธอให้กระแทกลงกับพื้น กรรไกรเย็นๆสอดเข้าไปใต้สายรัดและตัดฉับ ไซริงก์และมีดอื่นๆกระทบพื้นดังแกร๊งก่อนจะโดนเขี่ยกระเด็นออกไปไกลเกินเอื้อม

"ว่าไง หมดฤทธิ์แล้วสิ" นักฆ่าพูดและแสยะยิ้ม โยนกรรไกรทิ้งและดึงปืนบาเร็ตต้าออกมา "ฉันให้เธอเลือกก็แล้วกัน คนสวย อยากถูกยิงตรงไหนเอ่ย.."

“ปล่อยนะ!!” ไนท์ดิ้นสุดแรง นักฆ่าหัวเราะ ปลายกระบอกปืนกดแนบบนหน้าผาก

ปัง!!

"ฉันจะเลือกให้แกเอง"

เสียงคุกรุ่นด้วยโทสะของลูอิสราวกับระฆังสวรรค์สำหรับไนท์ หญิงสาวออกแรงถีบให้ร่างนักฆ่าออกไปจากตัวและลุกขึ้น ลูอิสเดินเข้าไปยิงซ้ำอีกสองสามเปรี้ยง

"เธอไม่เป็นไรนะ" เขาถาม หญิงสาวพยักหน้า

"อื้ม มาช้าจริงนะพ่อคุณ"

"นั่นมันเป็นคำที่เธอใช้บอกผู้มีพระคุณเรอะ"

คนในสำนักงานแห่กันเข้ามาพร้อมอาวุธครบมือเมื่อได้ยินเสียงปืน ลูอิสทำสัญญาณให้พวกเขาเข้ามาเก็บศพ ไนท์มองสร้อยSFที่คอนักฆ่าก่อนที่คนจะเอาผ้ามาคลุม ลูอิสตะโกน

"ใครก็ได้ตามหาช่างทำผมตัวจริงที ป่านนี้ถูกหมกอยู่ส้วมไหนแล้วไม่รู้"

"เอ่อ...ยังอยู่ครับ" เสียงใครคนหนึ่งบอก ลูอิสหันไป เห็นการ์ดกำลังพยุงช่างทำผม "แต่เห็นเลือดก็สลบไปแล้ว"

***

คฤหาสน์คอสเตลลาโน ห้องอาหาร 17:55 น.

ลูอิสนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟาเล็ก มองไนท์เปิดแฟ้มบางๆพลิกไปมาช้าๆที่โต๊ะอาหาร อ่านทุกบรรทัดอย่างละเอียดลออ สีหน้าเจ้าหล่อนไม่บ่งบอกอารมณ์ซักกะติ๊ดจนเขาชักหงุดหงิด

“เลือกสักทีได้ไหมยัยเตี้ย ไม่ถูกใจใครเลยหรือไง”

“อือ”ไนท์รับคำหน้าตาเฉย ยิ่งชวนให้ลูอิสหงุดหงิดหนักเพราะไม่รู้จะเถียงอะไรต่อ

ตอนนี้ไนท์กำลังอ่านแฟ้มข้อมูลของคนที่มาสมัครเป็นบอดี้การ์ดให้เจ้าหล่อนแต่ละคนซึ่งมีไม่เกินยี่สิบ ทุกคนมีประวัติเป็นสมาชิกของ SFมาก่อนทั้งสิ้น เป็นหลักประกันความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกไฟฟ้าเคมี ทันทีที่ไนท์เลือกใครสักคน คนคนนั้นก็ต้องมาฝ่านรกด่านสุดท้าย คือ สู้กับไนท์ให้ชนะ

แค่ให้เจ้าหล่อนเลือกซะก่อนน่ะนะ นานนน...อย่างกับรอโองการสวรรค์

“มันไม่มีใครดีเข้าตาสักคนเลยเหรอ”ลูอิสถาม “สเป็กเธอสูงเกินตัวไปไหม” ไนท์ปรายตามองเหมือนจะว่าเขาเซ้าซี้

“ดูเอาก็แล้วกัน! เนี่ย...คนนี้ก็แก่ไป นี่ก็เด็กไป คนนี้เป็นผู้หญิงก็น่าสนใจดีแต่พูดได้ภาษาอังกฤษอย่างเดียว ส่วนคนนี้ท่าทางจะเก่งแถมพูดอิตาเลียนได้ ดั๊นเป็นภูมิแพ้ฝุ่น ไม่สมบุกสมบันเอาซะเลย” เจ้าหล่อนบ่นร่ายยาว ชวนให้คิดว่าจะหาบอดี้การ์ดหรือว่าเลขาฯประธานาธิบดี

“เธอจะไปบุกป่าปาปัวนิวกินีรึไง ถึงจะเลือกคนถึกรู้หลายภาษาไปด้วยน่ะ”

ไนท์ตะแคงหน้าซบลงกับไม้ซิลกี้โอ้ค พลิกไปเรื่อยๆอย่างเบื่อๆ กลิ่นน้ำยาย้อมและกลิ่นแบบร้านทำผมติดตัวเธอ ซึ่งไนท์ไม่ค่อยจะชอบเอาเสียเลย

เห..?

ไนท์พลิกแฟ้มกลับไปอีกหน้าหนึ่งใหม่ ค่อยๆกลับมานั่งตรง ลูอิสขยับตัว

“ได้แล้วเหรอ” เขาลุกขึ้นมานั่งใกล้ๆ ไนท์เงยหน้า

“ฉันแปลกใจน่ะ มีคนพูดภาษาไทยได้ซะด้วย” คำพูดนั้นยังความแปลกใจให้ลูอิสเช่นเดียวกัน ไนท์พลิกแฟ้มหันมาให้เขาดู “ดูสิ พูดอังกฤษ ญี่ปุ่น ไทย”

“หึๆ เธอสนใจเพราะเขาพูดญี่ปุ่นมากกว่าละมั้ง”ลูอิสพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆเหมือนแซวแต่น้ำเสียงกลับต่ำลงกว่าปกติเล็กน้อย ไนท์มองเขาเจือกระแสเย็นชา

“ทำไม”

“ฉันล้อเล่น! เอากับเธอสิพูดถึงไม่ได้เลยแฮะ” ลูอิสพูดขณะขยี้หัวเธอ “โอเค.. เอ้า ฉันถือว่าเลือกคนนี้นะ”

“เดี๋ยว! ฉันเลือกตอนไหนเล่า แค่บอกว่าแปลกใจ”

“เออๆ แปลกใจก็แปลกใจ จดชื่อนัดก่อนล่ะ เลือกใครอีกไหม”ลูอิสพูดพร้อมลอกชื่อจากในแฟ้มลงกระดาษโน้ตอย่างรวดเร็วเพื่อตัดปัญหาให้มันจบๆไปซะที เขาชักขี้เกียจรอโองการของเจ้าหล่อนแล้ว “เอาผู้หญิงคนนี้ด้วยละกัน สวยดี”

“ลูอิส!”

***

วันต่อมา

ไนท์เอนตัวลงทับบรรดาหมอนอิงบนโซฟา ดึงหูฟังไอพ็อดออกจากหูอย่างเบื่อหน่าย เมื่อเช้าเธอเพิ่งสู้กับสาวสวยที่มาสมัครเป็นบอดี้การ์ด ฝีมือเจ้าหล่อนไม่ได้เรื่องเลย -- อันที่จริงยิงปืนก็เข้าเกณฑ์เยี่ยมเพราะเคยเป็นสไนเปอร์ แต่กลับฟันดาบไม่เป็น คนแบบนั้นถ้าเกิดไปติดอยู่ในที่ที่ไม่มีปืนจะทำยังไง พึ่งแต่ลูกกระสุน ไม่มีปืนก็ง่อย

ไนท์หลับตาลงถอนหายใจ สางผมซอยสั้นของตัวเองเบาๆ ทั้งที่น่าจะกระดี๊กระด๊าหลังกำจัดตัวเลือกบอดี้การ์ดไปแล้วคนหนึ่งแต่กลับเซ็ง หรือเพราะความรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังถูกตามฆ่าเลยทำให้ไม่กระตือรือร้นอยากทำอะไร

...ความตายมันช่างใกล้ตัวเหลือเกิน

?

ไนท์ลืมตาขึ้น เสียงฝีเท้าใครสักคนเดินอยู่ในบ้าน แต่เหมือนจะไม่ได้มาจากทางเข้า พวกเด็กๆกับลูอิสก็ยังเล่นกันอยู่ และมาดามมิมส์กับแม่บ้านคนอื่นๆก็เตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัว

หรือจะเป็นพวกนักฆ่า?

มือขาวไล้ผ่านกางเกงขาสั้นไปบนต้นขาโดยสัญชาตญานแต่ก็นึกได้ว่าไม่มีสายหนังรัดอยู่ตรงนั้นแล้ว เธอสั่งคนทำสายรัดใหม่มาให้แล้วแต่ยังไม่มีใครมาส่งเลย ร่างเพรียวลุกขึ้นเปิดตู้เคาน์เตอร์หน้าครัว ใต้ลงไปจากลิ้นชักช้อนส้อมจานชามต่างๆ มีตู้ที่เอาไว้เก็บอาวุธสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เผื่อมีคนบุกเข้ามาในบ้านก็ต้องผ่านห้องนี้

ไนท์หยิบมีดสั้นสองคมแบบที่เธอถนัดที่สุดขึ้นมา ก่อนจะคว้ามีดสคาลเพิลขึ้นมาด้วยเพื่อความมั่นใจ เธอมองผ่านปืนไปโดยไม่สนใจสักนิด เงาใบหน้าเธอสะท้อนอยู่ในสันโค้งวาววับของมีดสคาลเพิล เสียงฝีเท้ายิ่งใกล้เข้ามา

!

ไนท์หันหลังกลับอย่างรวดเร็วและตวัดมีดไปข้างหน้าตามที่เห็นเงา เป้าหมายของเธอเป็นชายหนุ่มในเชิ้ตขาว เขาหลบวูบได้ทันท่วงทีและใช้ปืนในมือกระแทกมีดในมือเธอให้หลุด แต่ไนท์เพิ่งได้รับบทเรียนมาเมื่อวาน มือเล็กปามีดสั้นออกไปทางซ้ายและฟันมีดสคาลเพิลลงทางขวาเพื่อดักทาง มันเฉียดเส้นผมสีดำของอีกฝ่ายไปอย่างเฉียดฉิว

"แกเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ไอ้นักฆ่ากระเป๋าแห้ง!" หญิงสาวร้องถามเสียงเสียดหู ฐานปาแลร์โมตรวจคนเข้าประสาอะไร ชายหนุ่มผมดำมองเธอด้วยดวงตาสีออกน้ำตาล

"คุณไม่ใช้ปืนเหรอ.. ก็ได้" เขาโยนปืนสมิธแอนด์เวสสันในมือไปบนพื้น ดึงมีดพกสวิสอาร์มีออกมาเข้าปะทะ ไนท์แทบรับไม่ทันด้วยความงง

อะไรของมันเนี่ย ฆ่าได้ไม่ฆ่า

"แกเป็นใคร"

"ผมชื่อตุล"

"อย่ามาทำเป็นสุภาพ! แกทำให้ฉันรู้สึกคลื่นไส้"

ไนท์ร้องบอกด้วยสีหน้าไม่พอใจ ตุลมองเธอ เขาค่อนข้างอัศจรรย์ใจทีเดียวที่เห็นว่าการเปลี่ยนทรงผมทำให้คนเราเปลี่ยนไปแทบจำไม่ได้ ตอนแรกที่เขาถูกเปลี่ยนทรงผมเพื่อมาที่นี่ก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะใช้การได้หรือ แต่พอเขาเห็นเธอที่เปลี่ยนทรงผมเหมือนกันก็รู้ว่ามันหลอกได้จริงๆ

นัยน์ตาสีดำสนิทราวกับนิลเป็นประกายสวยลึกลับท้าทายเหมือนที่เขาเห็นครั้งก่อน ไม่มีความกลัวหรือลังเลแฝงอยู่ในนั้นแม้แต่น้อยขณะที่สู้กับเขา ผมซอยสั้นสีน้ำตาลเปรี้ยวสะบัดเหมาะกับเธอมากกว่าผมยาวๆแบบผู้ญิ้งผู้หญิง ฝีมือการใช้มีดของเจ้าหล่อนเก่งกาจและสวยงามจนเขาประทับใจ ทั้งเร็ว แรง และพลิ้ว

"ทำไมคุณถึงพูด.."

"ฉันบอกว่าไม่!"

"โอเค ทำไมเธอถึงพูดงั้น" ตุลปรับคำพูดเสียใหม่

ไนท์เหยียดยิ้ม "แกจะฆ่าฉันแต่มีมารยาทกับฉันเนี่ยนะ ไอ้เสแสร้งเอ๊ย!"

เคล้งๆ!!

มีดสวิสอาร์มีหลุดมือเขาไปในที่สุดพร้อมกับมีดสคาลเพิลของเจ้าหล่อนตวัดมาที่คอหมายจะเฉือนลูกกระเดือกเป็นรูปกากบาท ตุลชูมือขึ้นเสมอไหล่เป็นเชิงยอมแพ้ ไนท์ชะงักมืออย่างประหลาดใจ

"แก..." เสียงหวานอ่อนลงขณะมองเขาอย่างพิจารณา "แกไม่ใช่นักฆ่า เวลาลงมือนักฆ่าไม่มีวันยอมแพ้ แกเป็นใคร"

"ผมชื่อตุล -- ตุลภัทร มาสมัครงานที่นี่" ชายหนุ่มตอบ รอยยิ้มเผยให้เห็นเขี้ยวเล็กๆของเขา “ผมใช้คำว่า ‘ผม’ ได้ใช่ไหมเพราะผมไม่ได้กำลังจะมาฆ่าคุณ” ไนท์หรี่ตา

"ที่นี่ไม่ใช่สำนักงาน จะมาสมัครงานอะไร"

"บอดี้การ์ด" ตุลตอบ นัยน์ตาสีเข้มมองสบกับหญิงสาว "บอดี้การ์ดของไนท์แมร์ คุณรู้จักไหม"

เงียบกันไปประมาณห้าวินาที ไนท์ค่อยๆลดมีดลงและมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ผู้ชายคนนี้ดูคุ้นตา ไม่สูงมากขนาดเจ้าชายแต่ก็พอๆกับลูอิส ผิวสีออกเหลืองแบบคนเอเชีย สำเนียงก็ออกเอเชีย ใบหน้าคมและนัยน์ตาสีเข้มล้อมด้วยเส้นผมสีดำที่ซอยสั้นเหมือนพวกชาวเอเชียทั่วไป เธอรู้สึกว่าเคยเจอเขามาก่อน แต่มองดีๆแล้ว...อาจจะไม่

"เสียใจด้วยนะ ตุลภัทร แต่ฉันนี่แหละไนท์แมร์ คาโปเน่ และนายก็แพ้แล้ว ฉันไม่รับการ์ดที่สู้แพ้ฉันหรอก" ไนท์เก็บมีด ตุลมองหน้าเธอ

"มีดสั้นไม่ใช่ของถนัดผม"

"งั้นอะไรที่นายถนัด"

"ปืน และทุกอย่างที่ไม่ใช่มีดสั้น"

ที่พูดไปก็ไม่ตรงความจริงซะทีเดียวเพราะกระบองสองท่อนเขาควงได้ไม่ค่อยดี ส่วนที่เหลือที่เคยฝึกมาก็อยู่ในเกณฑ์ดีหมด รวมมีดสั้นด้วย -- แต่ตุลสำนึกได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้วว่าฝีมือมีดสั้นของไนท์จัดอยู่ในระดับที่ไม่ควรคิดต่อกร

หญิงสาวเลิกคิ้วและขยับรอยยิ้มสวย "ทุกอย่างแน่นะ?"

"..." ตุลยืนมองขณะที่ไนท์เดินไปที่ตู้เคาน์เตอร์ เจ้าหล่อนโยนดาบเซเบอร์มาให้เขา

"ฟันดาบเป็นล่ะสิ มาสู้กันหน่อยมา" เจ้าหล่อนพูดและยิ้มหวานชนิดที่ผู้ชายคนไหนมองแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงตาบอดชัวร์ๆ "ฉันไม่ได้ฟันดาบมานาน มันไม่ใช่ของถนัดฉันหรอก"

ตุลถือไว้และประเมินน้ำหนักของมัน มาตราฐานเยี่ยมสมเป็นของของมาเฟีย เขาสบตาเธอ

"ถ้าผมชนะ.. ผมจะได้งานนี้ใช่ไหม"

ไนท์เอียงคอ "หลงตัวเองจริงนะตุลภัทร -- ถามจริงนายเป็นคนไทยรึเปล่าชื่อแบบนี้" ข้างท้ายเธอพูดเป็นภาษาไทย ตุลยิ้มโชว์เขี้ยวก่อนตอบด้วยภาษาเดียวกัน

"ใช่"

เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!

หญิงสาวหมุนตัวเข้ามาหาเขา ราวกับพายุดาบก็ไม่ปาน กระนั้นตุลก็ยังรับได้หมดทุกท่า เขาเรียนฟันดาบมานานพอสมควรตอนอยู่ที่วิสคอนซิน ปลายดาบของเขาตวัดเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ทำให้ไนท์ต้องผงะถอยไป ตุลสบโอกาสไล่รุกเธอเข้าฝาผนัง

"หึๆ ดีเหมือนกัน ฉันไม่ได้อยู่เมืองไทยมานานแล้ว นายอยู่จังหวัดอะไร"

"ประจวบฯ" ตุลแทงดาบไปที่คอแต่ไนท์หลบได้มันเลยไปชนกับผนังแทน

"นี่ วอลเปเปอร์มันแพงนะ!.. ถ้าคนประจวบฯจริงงั้นแหลงใต้ให้ฟังหน่อยสิ"

"คุณฟังออกเหรอ"

"นิดหน่อยมั้ง ฉันเคยอยู่ใต้"

"จริงน่ะ หน้าตาคุณออกจีนๆ มาจากจังหวัดอะไร"

หญิงสาวชะงักไปเสี้ยววินาทีแต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ตุลแทงสวบเข้ามา ร่างเล็กก้มหลบขณะที่ตุลสะบัดดาบลงด้านล่างไม่ให้เธอหนีได้ ไนท์เซวูบไปด้านหลังและหลับตาเตรียมรับความเจ็บที่ศีรษะเพราะเธอต้องกระแทกผนังชัวร์ๆ แต่กลับปรากฏว่ามีมือไปรองกันเอาไว้

ตุลค่อยๆเอามือลงเมื่อหญิงสาวทรงตัวได้ เขาพาดดาบยาวบนไหล่เธอเพื่อจบการต่อสู้

นัยน์ตาสีดำสวยไหววูบหนึ่งขณะเบือนหลบ "เออ.. ฉันแพ้แล้ว"

ไนท์พูดขึ้นในที่สุด ใช้ดาบปัดดาบของตุลออกไปและยิ้มน้อยๆ

"พรุ่งนี้นายไปทดสอบยิงปืนกับลูอิส ถ้าผ่านก็มาเป็นการ์ดฉัน ถ้าไม่ผ่านก็ระวังไว้เถอะ -- นายเข้ามาในฐานลึกเกินไปแล้ว" เสียงหวานพูดจ๋อยๆน่าฟังเป็นที่สุด ตุลอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินภาษาไทยชัดๆแบบนี้

"ใช่ลูอิส คาโปเน่หรือเปล่า"

"อื้ม รู้จักเหรอ"

"เขาเป็นคนพาผมมา"

ไนท์เลิกคิ้วขึ้นอย่างออกจะแปลกใจ นัยน์ตาคู่สวยมองตุลอีกครั้ง เขาต้องมีดีอะไรแน่ๆลูอิสถึงเป็นคนเชิญเข้ามาด้วยตัวเอง -- เข้ามาถึงคฤหาสน์คอสเตลลาโน ที่ที่คนนอกไม่มีโอกาสได้แม้แต่มองเห็น แต่หมอนี่กลับมีบุญขนาดได้เหยียบเข้ามา

"นายเป็นใคร ทำอาชีพอะไรก่อนมาสมัครงานที่นี่" เสียงหวานถามด้วยความสงสัย ตุลปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอีกเม็ดหนึ่ง ประกายสีเงินวาบเข้าสายตา

SF

"ผมเป็นนักฆ่า" ตุลบอกอย่างไม่จำเป็นเลยไนท์เอียงคอ เป็นนักฆ่าสดๆร้อนๆไม่ได้ทำอาชีพอื่นคั่นเลยงั้นหรือ

"ทำไมนายไม่ฆ่าฉัน"

คำถามที่ถูกส่งไปเรียกให้นัยน์ตาสีเข้มเลื่อนขึ้นมาสบ ดวงหน้าสวยจ้องเขาเขม็งฉาบด้วยแสงไฟเพดาน เงามืดทอดตัวใต้จมูกสวยได้รูปและแพขนตาจนเกิดเป็นลายหยักๆบนแก้มของเธอ ริมฝีปากเรียวบางคลี่เป็นรอยยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว

"ว่าไง ค่าหัวฉันน่ะร้อยล้านเชียวนะ ไม่สนใจเหรอ" ปลายดาบเซเบอร์ไล้ใกล้คอเข้ามาแต่ตุลไม่ได้ก้าวถอย "หรือคิดจะมาเป็นการ์ดแล้วฆ่าฉันทีหลัง แบบนั้นไม่ปลื้มนะ"

"ถ้าผมจะทำงั้นจริงคงไม่ปล่อยให้เสียเวลาหรอก จริงไหม" ชายหนุ่มพูดและยิ้มน้อยๆ "คุณจะรับผมเป็นการ์ดหรือเปล่า ผมฟันดาบชนะแล้ว และพรุ่งนี้ก็ยิงปืนให้ผ่าน ผมแค่อยากได้งานนี้ คุณจะรับไหม"

ไนท์ยิ้ม "หึ.. ปากดีจริงนะ ก็ได้ ฉันรับ!"

เช้งง!!

ปลายดาบในมือหญิงสาวตวัดเอาสร้อยห่วงสีเงินบนคอเขาขาดหลุดไป แรงกระตุกทำให้เจ็บไม่น้อย ป้ายห้อยคอตกกระทบกับพื้นหินอ่อนเสียงดังก้อง เป็นสัญญาณสิ้นสุดอาชีพนักฆ่าของชายหนุ่ม

"เย้!!!!!"

ทั้งไนท์และตุลหันมองอย่างงุนงง ที่หน้าประตูคือลูอิส สี่หน่อ มาดามมิมส์ และแม่บ้านทุกคน ร่วมกันปรบมือดีใจกันยกใหญ่อย่างกับมีคนถูกหวย ไนท์ค่อยๆลดดาบลงพวกเขามามองดูเธอตั้งแต่เมื่อไหร่

"นี่ทุกคนดีใจที่ฉันได้การ์ดขนาดนี้เชียวเรอะ" เสียงหวานร้อง ลูอิสหัวเราะเดินไปตบไหล่ตุล

"ภูมิใจไว้ซะตุล นายเป็นการ์ดคนแรกและอาจจะคนเดียวของไนท์" ตุลยิ้มโชว์เขี้ยวให้ทุกคน

ไนท์กอดอก "แต่เป็นการ์ดระดับซีเท่านั้นแหละย่ะ"

"ระดับซี?" ตุลทวนคำอย่างงงๆ

"แค่ตามฉันห่างๆ ไม่มีสิทธิ์เข้ามาเหยียบตัวบ้าน อยู่เรือนพักคนใช้" เจ้าหล่อนยิ้มขณะอธิบาย ตุลหันไปมองลูอิส คนถูกมองเถียงทันที

"บ้า! เธอมีการ์ดแค่คนเดียวนะยัยเตี้ย ถ้ามีสิบกว่าคนอย่างเจ้าชายก็ว่าไปอย่าง ตุลต้องเป็นระดับเอ -- ติดตามเหมือนเอสคอร์ท อยู่บ้านเดียวกัน มีสิทธิทัดทานและให้คำปรึกษา"

ตุลฟังอันนี้แล้วค่อยยิ้มออกหน่อย เออ..ระดับเอถึงน่าสนใจ ถ้าระดับซีมันก็ไม่ต่างจากคนใช้เลยนี่หว่า

"เฮอะ..ไม่มีทางหรอก นายนี่ยังไม่ได้ตรวจสอบประวัติละเอียด -- ไดไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะงั้นใครจะตรวจได้ ส่งทางเมลก็เสี่ยงโดนพวกตำรวจจับ" ไนท์แย้มรอยยิ้มมีชัย "ถ้าไม่เป็นการ์ดซี ก็เชิญไสหัวกลับไปได้เลย"

"แต่คุณหนู... คุณหนูตัดสร้อยนักฆ่าของเขาไปแล้วนะคะ" มาดามมิมส์พูด

"ใช่! ยัยเตี้ย เธอต้องรับผิดชอบ" ลูอิสเสริมอีกแรง ไนท์ทำเสียงจิ๊จ๊ะ ขนาดเจ้าตัวนักฆ่าตกงานเองยังไม่เห็นบ่นอะไรสักคำ แล้วทำไมคนอื่นถึงได้ปกป้องกันจังว้า คิดแล้วก็หันไปถาม

"นายว่าไงตุล จะเป็นการ์ดฉันไหม"

นักฆ่าตกงานยักไหล่ "ถ้าเป็นซีไม่ค่อยน่าสนแฮะ.. แต่ก็ขึ้นอยู่กับค่าจ้าง คุณจ้างเท่าไหร่ล่ะ"

"ฮะๆ ดีดลูกคิดตามกฎนักฆ่าเลยนะ แต่ฉันยังไม่รู้ฝีมือนายจริงๆเวลาทำงานนี่นา จะให้จ้างแพงแต่แรกก็กระไร" ไนท์เล่นตัวเล็กน้อย

"ผมก็ผ่านทุกอย่างแล้วนี่"

"ฉันให้ช่วงทดลองงานสามเดือน -- เหมือนพวกบริษัท ระหว่างสามเดือนฉันจะจ่ายเดือนละห้าหมื่นยูโร ถ้านายไม่ถูกไล่.. เอ๊ย! ฉันหมายถึงถ้านายทำได้ดีน่ะ ฉันก็จะจ้างต่อเดือนละแสน" ไนท์ยื่นข้อเสนอ หึๆ นายไม่มีทางอยู่ได้เกินสามเดือนหรอกตุลภัทร

ตุลเอียงคอและขยับยิ้ม "แสนหนึ่ง?"

"อื้ม"

"แสนยูโรต่อเดือน?" มันเห็นแก่เงินจริงจริ๊งค่ะคุณ

"อื้ม"

"การ์ดเอ?"

"อื้ม.. เฮ้ย! ไม่เดะ! การ์ดซี"

"เฮ้อ... ผมถามหน่อยว่ามันไม่ดีตรงไหน การ์ดเองานหนักกว่าซีอีก คุณจ้างผมคุ้มค่าเงินจะตาย ไม่งั้นเป็นซีก็คงมีแต่นั่งๆนอนๆ" ตุลพูด ลูอิสพยักหน้าเห็นด้วยทันที

"จริง จ้างเดือนละแสนให้เป็นการ์ดซีเนี่ยนะ โห่...ไม่เอาน่ายัยเตี้ย"

"ใช่ค่ะคุณหนู การ์ดเอแล้วก็จะได้ยิ่งปลอดภัย" มาดามมิมส์ร่วมด้วยช่วยกัน ไนท์ยกมือขึ้นแบบตำรวจจราจรก่อนที่ทุกคนจะพากันโจมตีเธอ

"อ้ะๆๆ เอางี้.." ไนท์มองหน้าตุลเหมือนเริ่มจะรำคาญการโต้เถียงนี้แล้ว "พบกันครึ่งทาง นายเป็นการ์ดบี -- ไม่ต้องเถียง! ไม่งั้นฉันจะฆ่านายเดี๋ยวนี้แหละ" เสียงหวานขู่ฟ่อ นัยน์ตาสีดำวาววับเหมือนใบมีดสคาลเพิลที่เจ้าหล่อนชูขึ้นมาไม่มีผิด

ตุลพยักหน้าจำยอม ยื่นมือไปสัมผัสมือเธอเพื่อตกลง เผด็จการเหลือเกินยัยนี่

"โอเค.. ก็ได้ครับคุณหนู แล้วต้องทำอะไรบ้าง"

"ก็เดินตามฉันเฉยๆและฆ่าทุกคนที่จะเข้ามาทำอะไรฉัน อยู่ที่พักเดียวกัน ไม่มีสิทธิทัดทานหรือให้คำปรึกษา" ไนท์พูดและเก็บมีดลง นั่งที่เก้าอี้และเรียกเด็กๆทั้งสี่มานั่งโต๊ะเตรียมทานมื้อเย็น "ไปได้แล้ว.. เจอกันพรุ่งนี้"

ตุลค้อมศีรษะ "แล้วทานข้าวที่ไหน"

"ทานกับป้าแหละค่ะ" มาดามมิมส์ยิ้มใจดี "เดี๋ยวป้าจะจัดห้องนอนให้ เอาใกล้ๆคุณหนูนะคะ"

"ป้าคะ!" ไนท์ร้อง มาดามมิมส์หัวเราะคิก

"มาเถอะค่ะ ชื่อคุณตุลใช่ไหมคะ มาทานด้วยกันในครัว"

"ครับ ลูอิสบอกว่าคุณคือมาดามมิมส์?"

ครู่เดียวตุลก็ตีสนิทกับมาดามมิมส์และเดินตามเข้าไปในครัว ไนท์ถอนหายใจพรืด มองดูพวกแม่บ้านยกอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ สารรูปเด็กๆทั้งสี่ที่ใส่ชุดป้องกันเปื้อนสี ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อยสำหรับอาหารค่ำ กฎยุโรปเก่าแก่ที่ว่าต้องแต่งชุดเรียบร้อยสวยงามเวลาทานอาหารเย็นถูกมาดามมิมส์รื้อฟื้นขึ้นมาใหม่หลังการเล่นเพ้นท์บอลครั้งแรก

ลูอิสนั่งลงที่หัวโต๊ะ "เอาล่ะ วันนี้เป็นยังไงกันบ้าง"

"วิลชนะอีกแล้วค่ะ" แคลร์รายงาน เสียงเล็กๆฟังดูไม่พอใจนัก วิลเลียมทำหน้าตาเหนือกว่า

"ชนะอีก แล้วมันผิดตรงไหน ถึงไม่ใช่ฉันที่หนึ่ง เธอก็ที่โหล่อยู่ดีแหละแคลร์"

"ก็..ก็..."

"พอๆ" ลูอิสเอ่ยห้ามทัพ เขาส่ายหน้าน้อยๆ "ตีกันไม่เลิกเลยนะ.. แล้วใครที่สองครับ ราฟ?"

"เปล่าครับ ไอรีนต่างหาก" ราฟาเอลตอบ ตักซุปเข้าปาก "จริงสิครับ ไนท์จะมีการ์ดแล้วเหรอ พี่ชายคนเมื่อกี้ใช่ไหมครับ"

"เขาบอกว่าชื่อตูน" วิลพูด ไนท์ขยับยิ้มเล็กน้อย

"ตุล" ลูอิสออกเสียงภาษาไทยชัดๆ ก่อนจะพึมพำกับไนท์ "มีคำไหนที่ใกล้เคียงกว่าตูนไหม"

"ไม่รู้สิ ตัน ตุง ตุม.." ไนท์ไหวไหล่ขณะไล่ออกเสียง ลูอิสหัวเราะหึๆ

"เออๆ เอาเหอะ เดี๋ยวอยู่ไปก็คงเรียกกันได้เอง"

"พูดอะไรกันเหรอคะ" แคลร์ถามอย่างสงสัย "นั่นใช่ภาษาไทยรึเปล่า"

"ใช่ครับ" ลูอิสตักหอยแครงอบเนยให้แคลร์ "อืม...แคลร์ยิงปืนไม่เก่งก็ไม่เป็นไร บางทีอาจจะเก่งอย่างอื่น ดูอย่างไนท์สิครับ"

"ยิงปืนห่วยแตกใช่มะ" หญิงสาวส่งสายตาจิกมาให้ ประมาณว่าถ้าจะด่าก็บอก

"เออ.. ยิงปืนไม่เก่ง แต่มีดสั้นนี่สุดยอดเลย"

"ส่วนลูอิส มีดสั้นห่วย แต่ยิงปืนระดับเทพ"

"ใช่.. ถึงเป็นเอสคอร์ทด้วยกันได้ไงครับ"

เสียงพูดคุยบนโต๊ะอาหารดำเนินไปเรื่อยๆ ตุลเอียงหน้าไปตรงช่องหน้าต่างครัว มองไนท์ที่กำลังส่งยิ้มให้ลูอิส เจ้าหล่อนสดใสน่ารักจริงๆ ไม่โหดเหมือนเวลาต่อสู้ หรือจะเป็นผู้หญิงประเภทที่เป็นทั้งนางฟ้าและซาตานในร่างเดียว ผู้หญิงแบบนี้เขาเจอบ่อยในสำนักงานตำรวจสากล

จริงสิ ตำรวจสากล..

"เอ่อ มาดามครับ" ตุลชวนมาดามมิมส์ที่นั่งข้างๆคุย "ไนท์แมร์ไม่เคยมีการ์ดมาก่อนหรือครับ"

"ค่ะ คุณหนูถูกฝึกให้เป็นการ์ดคนอื่นตั้งแต่เด็ก เป็นแนวหน้าเรื่องต่อสู้ คุณหนูไม่ชอบให้มีใครเดินตามหรอกค่ะ"

"อ้อ...ไม่มีการ์ดก็ปลอดภัย งั้นแสดงว่าที่นี่คงมีระบบความปลอดภัยสูงมาก" เขาเริ่มดึงเข้าเรื่อง

"แน่นอนสิคะ" มาดามมิมส์ยิ้มอย่างออกจะภูมิใจ นัยน์ตาที่อบอุ่นมีเมตตาเริ่มทำให้ตุลรู้สึกผิดหน่อยๆ "มียาม มีการ์ดเยอะแยะ มีกล้องอยู่แทบทุกที่ ยกเว้นก็แต่ห้องน้ำ"

"จริงเหรอครับมาดาม ทุกที่กระทั่งห้องนอน?"

"ใช่ค่ะ ทุกซอกทุกมุม มีปุ่มเตือนภัยยามฉุกเฉินด้วย ป้าเคยเห็นมันถูกกดครั้งหนึ่งค่ะ ตอนนั้นสมัยที่ท่านชายฌองปิแอร์อยู่ที่นี่ พวกแบล็ค-รัฟเฟียนบุกเข้ามา กำแพงตั้งสามสี่ชั้นเลื่อนลงมาปิดหมดทุกทาง มีทั้งลูกกรง กระจก เลเซอร์ โอ๊ย มากมายเล่าไม่ถูก"

นี่มันบ้านหรืออะไรฟะเนี่ย ตุลชักเหงื่อตกแต่ยังหน้ายิ้ม "ดีจังนะครับ เอ่อ..ว่าแต่ที่นี่มีกี่ห้องเหรอครับ"

"แปดสิบสามห้องค่ะ อยากนอนตรงไหนเชิญเลยนะคะ ป้าจะให้คนเข้าไปทำห้องให้ก่อน" ตุลยิ้มโชว์เขี้ยว

"ขอบคุณครับมาดาม"

***

คฤหาสน์คอสเตลลาโน ห้องน้ำส่วนตัว 22:10 น.

เป็นอย่างที่มาดามมิมส์บอกจริงๆ ตุลเห็นกล้องวงจรปิดติดอยู่ทุกที่ แม้กระทั่งห้องนอน เขาเลือกห้องนอนที่อยู่ตรงข้ามห้องไนท์พอดีเป๊ะ ถ้าเธอเป็นอะไรไปเขาต้องได้ยินแน่นอน.. ว่าแต่ทำไมเขาต้องจริงจังกับงานบอดี้การ์ดมากขนาดนี้ด้วยนะ คงเพราะเธอเป็นคนไทยเหมือนกันละมั้ง

เครื่องโน้ตบุ๊คสีดำบางเฉียบของเขาตั้งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกในห้องน้ำ ปกติเก้าอี้นี้มีไว้สำหรับวางแก้วไวน์หรือของอื่นๆเวลานอนแช่ในอ่างน้ำวน ตุลปิดเสียงมันให้หมดอย่างระมัดระวังเต็มที่ แม้ว่าคงจะไม่มีใครได้ยินก็เถอะ เขาต้องระเห็จมานั่งทำงานในห้องน้ำ ช่างเป็นออฟฟิศที่เยี่ยมจริงๆ ไหนสเตฟบอกว่าห้องนอนคงจะไม่มีกล้องไง! แล้วแบบนี้ยามที่นั่งดูกล้องจะไม่คิดว่าเขาท้องเสียท้องผูกทุกวันหรอกเรอะเข้าห้องน้ำเป็นชั่วโมง

ระบบสัญญาณกระจายระยะกว้างของตำรวจสากลต่อติดในที่สุด ตุลยิ้มกับหน้าจอและพิมพ์ลงในรายงาน

"อืม.. มาถึงที่แล้ว พบเป้าหมาย" เขาพูดเบาๆพร้อมกับพิมพ์ลงไป "ชื่อเต็มของเธอคือไนท์แมร์ คาโปเน่ ผมได้เป็นการ์ดของเธอ และอยู่ห้องตรงข้ามกับเธอ..."

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูเรียกให้ตุลเงยหน้าทันที เขาปิดฝาโน้ตบุ๊คลงเลื่อนมันไปไว้ใต้เก้าอี้และดันไปชิดริมผนัง เอากระเป๋าเสื้อผ้ามาขวางไว้อีกที ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้อง

"โอ๊ะ มาดาม" เขายิ้มให้มาดามมิมส์ "ดึกแล้วนะครับไม่รีบนอนเดี๋ยวเสียสุขภาพ"

"ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง หนาวรึเปล่าคะ ป้าลืมไปว่าห้องนี้มีผ้านวมแค่ผืนเดียวเลยเอามาเพิ่มให้ -- นี่ป้าเย็บเองเชียวนะ หนากว่าปกติ อุ่นสบายแน่ๆค่ะ"

"ขอบคุณมากๆเลยครับ ราตรีสวัสดิ์"

ตุลก้มหัวหลายครั้ง มองจนมาดามมิมส์เดินจากไป ผ้านวมที่ได้เพิ่มหนาและอุ่นอย่างที่บอกจริงๆ เขายิ้มน้อยๆขณะเอาผ้านวมไปกองไว้บนเตียง

กรอบรูปเล็กๆบนหัวเตียงคิงไซส์สะดุดสายตา ทำไมครั้งแรกที่เข้ามาเขาถึงมองไม่เห็นนะ ตุลเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดู ก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นคนในภาพชัดๆ

ไนท์แมร์

เป็นเจ้าหล่อนแน่ๆ แต่ดูเด็กกว่าตอนนี้เยอะพอสมควร ดวงหน้าสวยในเวลานั้นแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง อายชาโดว์สีเข้มเน้นดวงตาให้ยิ่งโดดเด่น เพียงแต่ในรูปมันค่อนข้างรีเนื่องจากเจ้าหล่อนกำลังยิ้มอย่างน่ารัก เป็นรอยยิ้มที่ดูร่าเริงยิ่งกว่าในตอนนี้ เหมือนเด็กสาวที่สนุกกับชีวิต

เรือนผมสีดำตรงถูกดัดเป็นลอนสวย เสื้อสีขาวตัวยาวสวมทับด้วยเสื้อสีดำสั้นแค่ครึ่งตัว มีสร้อยรูปกางเขนเงิน กระโปรงสก็อตดำแดงมีตาข่ายสีดำคลุมอยู่อีกชั้น เจ้าหล่อนเอียงคอและยื่นมือหนึ่งมาใกล้ๆกล้อง เห็นแค่กำไลเงินเส้นบางๆหลายวงที่รอบข้อมือ ด้านหลังเป็นคล้ายๆกับสนามฟุตบอลที่มีข้าวของวางกองอยู่ – อาจจะเป็นโรงเรียนของเจ้าหล่อนละมัง

พั้งค์สุดๆ ตุลยิ้มน้อยๆ น่ารักแฮะ..

เสียงนกอะไรสักอย่างซึ่งยึดระเบียงห้องนี้เป็นนิวาสสถานขยับปีกพึ่บพั่บเมื่อมีลมแรงพัดผ่าน เรียกให้ตุลเงยหน้าขึ้นจากความคิด เขาวางกรอบรูปลงไปที่เดิม นัยน์ตาสีเข้มหลุบลงก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปเปิดโน้ตบุ้คที่ค้างไว้เมื่อกี้ออกมา

เขียนแค่นี้ก็แล้วกัน

นิ้วมือกดซับมิตไปก่อนจะเปลี่ยนใจ เพราะถ้ารายงานมากกว่านี้...ตุลมีความรู้สึกว่าเขาต้องเสียใจอย่างแน่นอน

***

สำนักงานตำรวจสากล

"ไนท์แมร์ คาโปเน่เหรอ"

สเตฟแทบจะยิ้มแก้มปริเมื่อรู้ชื่อที่ตุลส่งมา ถ้าเกิดหัวใจของเขาพองโตและกระโดดโลดเต้นดี๊ด๊าได้มันคงจะทำไปแล้ว คนในสำนักงานวิ่งกันให้วุ่นเพื่อหาประวัติของผู้หญิงคนนี้ สาวน้อยที่เจอกันครั้งแรกก็เล่นเอาเขาเป็นหวัดไปเสียสองวัน ตัวเขาเองกำลังค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต คาโปเน่ คาโปน...

ไม่เจออะไรใกล้เคียงมากไปกว่า อัล คาโปน เจ้าพ่อมาเฟียชื่อดังที่ไม่มีใครหาศพพบ สเตฟเลิกคิ้ว ไม่น่าเชื่อว่าเดี๋ยวนี้มีคนทำสารานุกรมเรื่องนอกกฎหมายด้วย จะเชื่อถือได้สักเท่าไหร่นะ เขาคลิกเลือกโหมดให้ค้นหาโดยตัดชื่ออัล คาโปนออกไป

นี่ไง!

"เจอแล้วๆ" สเตฟร้องบอก วิเวียน ตำรวจสาวหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองซึ่งเป็นแฟนของเขามาห้าปีแล้ว "เรนโซ่ คาโปเน่... ลูอิส คาโปเน่... ไม่เห็นมีไนท์แมร์"

"ไหนคะ.." วิเวียนชะโงกหน้ามาที่หน้าจอ นัยน์ตาคมโตแบบชาวเนปาลหรี่ลง แม้จะเป็นลูกครึ่งเปาล-อเมริกัน แต่เธอได้อิทธิพลหน้าตาแบบเนปาลมากกว่าอเมริกันหลายเท่า "เสิร์ชว่าไนท์แมร์ คาโปเน่ ก็ไม่มีใช่ไหม"

"อื้อ ลองคลิกดูซิ.. เรนโซ่ คาโปเน่ เจ้าของบ่อนคาสิโนในลาสเวกัส และโรงแรมพรินเซส บลู... โห..ดังไม่ใช่เล่น"

"ฉันไม่เห็นเคยได้ยินชื่อโรงแรมนี้เลยค่ะ เคยแต่ได้ยินชื่อพลอย.. โซดาไลท์ใช่หรือเปล่า"

"หา?"

"โซดาไลท์ไงคะ แบบพวกหินควอตซ์สีน้ำเงินม่วงๆน่ะค่ะ เขาเรียกกันเล่นๆว่าพรินเซส บลู" ความบ้าหินสีเริ่มออกอาการแล้ว วิเวียนเป็นนักเล่นพลอยตัวยง เธอรู้หมดว่าวันไหนต้องใส่พลอยสีอะไรถึงถูกโฉลก หรือหินอะไรที่มีอำนาจรักษาโรค ...บางครั้งสเตฟก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าแฟนสาวคนนี้เป็นตำรวจได้ไง

"อ่อเหรอ.. โรงแรมนี้มีสาขาเยอะมากในสหรัฐฯ ครั้งล่าสุดที่ไปนิวยอร์คผมกับตุลก็นอนโรงแรมเนี้ย แพงชะมัดแต่หรูสุดๆ"

"จริงเหรอคะ! คุณตำรวจจ่ายเงินให้มาเฟีย ใช้ไม่ได้ๆ"

"นี่เรายังไม่รู้เลยนะว่าเรนโซ่ คาโปเน่ เป็นมาเฟียหรือเปล่า" สเตฟขัดก่อนที่วิเวียนจะไปไกลกว่านี้ เจ้าหล่อนมองเขาอย่างขัดใจ

"แหม~ คนนามสกุลคาโปเน่-คาโปนยังต้องมีหลักฐานอีกเหรอคะ" เสียงแหลมๆบ่นนิดบ่นหน่อยอย่างทุกทีแล้วก็เงียบไปเมื่อเจ้าหน้าที่เอาแฟ้มจากฐานข้อมูลมาให้สเตฟดู เขารีบเปิดราวกับเด็กได้ของเล่น

"แฟ้มที่นี่มีแค่นี้ครับ ถ้าจะเอาแบบเต็มต้องขอไปที่สำนักใหญ่" เจ้าหน้าที่บอก สเตฟพยักหน้าขอบคุณ ข้อมูลในฐานที่อิตาลีมีน้อยจริงๆด้วย เขาบอกให้วิเวียนส่งคำขอไปที่สำนักงานในสหรัฐฯ

" 'เรนโซ่ คาโปเน่ ชาวเมืองตริเอสเต, อิตาลี' " สเตฟอ่านดังๆให้ทุกคนในห้องที่กำลังหาข้อมูลได้ยิน " 'ประวัติอาชญากรรม.. ถูกจับครั้งแรกตอนอายุ 23 ปี ในตริเอสเต โดยตำรวจท้องที่ตริเอสเต..' " เขาขมวดคิ้วและเสียงแผ่วลงไปเล็กน้อย " '...เป็นผู้นำกลุ่มแก๊งสเตอร์ ดิมิลาโน' พระเจ้า..แก๊งสเตอร์อิตาเลียนตอนอายุยี่สิบสาม ฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปสิบเอ็ดราย!"

วิเวียนนิ่วหน้า "วัยรุ่นคึกคะนองละมั้ง อ่านต่อสิคะ"

" 'โดนจับอีกครั้งเมื่ออายุ 28 ที่มิลาน โดยหน่วยสืบสวนอาชญากรรมพิเศษ ข้อหามีอาวุธอันตรายในครอบครองและสมรู้ร่วมคิดการค้าของผิดกฎหมาย' เรามีประวัติอยู่แค่นี้เหรอ"

"ประวัติจากฐานสหรัฐฯมาแล้วครับ" เจ้าหน้าที่ประกาศ ชูปึกกระดาษข้อมูลหนาประมาณครึ่งเซ็นต์ที่ปรินต์ออกมาสดๆร้อนๆ วิเวียนรับมาอ่าน

"มันก็เขียนเหมือนที่คุณอ่านนั่นแหละค่ะ แต่เดี๋ยวนะ.." เธอไล่สายตาไปตามหน้าต่างๆ มีรูปถ่ายและลายนิ้วมือพร้อม " 'ไม่พบประวัติครอบครัว.. ไม่พบประวัติการทำงาน.. ประวัติการสมรส แต่งงานเมื่ออายุ 36 ที่มิลาน กับนางสาวสุรวีร์ ไกรสกุล’-- ฉันคิดว่าอ่านอย่างนั้นนะคะ ‘มีบุตรร่วมกัน 1 คน คือลูอิส คาโปเน่' นี่ไงคะเขาเป็นพ่อของอีกคนหนึ่งที่คุณเจอ!"

"เราไม่มีประวัติของลูอิส คาโปเน่ครับ" เจ้าหน้าที่บอก "ไนท์แมร์ คาโปเน่ก็ไม่มี"

"ในนี้มีแต่ชื่อ" สเตฟพูด หน้าจอปรากฏทำเนียบผู้บริหาร "รองประธาน โรงแรมพรินเซส บลู มีแค่นี้แหละ"

"ถ้างั้นไนท์แมร์เป็นใครกันแน่คะ" วิเวียนถาม จับผมที่เกล้าขึ้นเป็นมวยของตัวเองและขมวดคิ้ว "ไนท์แมร์... ฝันร้าย ฟังดูเหมือนฉายาเลยนะ พวกมาฟีออซีที่มีฉายาจะไม่บอกชื่อจริงใช่ไหมคะ"

"ใช่" สเตฟพยักหน้า "และผมว่าแม้แต่ตุลที่เข้าไปเป็นการ์ด พวกนั้นก็คงไม่ยอมบอกอยู่ดีนั่นแหละ"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel