ตอนที่ 1 ข้าชอบเขา
แคว้นต้าซ่ง รัชสมัยฮ่องเต้ จวินอวี้หลาง
“คุณหนู มาแล้วเจ้าค่ะ ๆ”
“เร็วเข้าอาลี่จะไม่ทันแล้ว ขบวนกองทัพแห่งแดนประจิมจะเข้ามาถึงในเมืองแล้วข้าได้ยินเสียงกลองดังแล้ว”
“คุณหนูเจ้าคะ ทางนั้นเจ้าค่ะ คุณหนูจางรออยู่ชั้นสองเจ้าค่ะ”
“ลู่หลิงเฟย” บุตรีคนเล็กของท่านหมอหลวงในราชสำนักเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดในโรงน้ำชาชื่อดังเพื่อไปยังห้องส่วนตัวชั้นสองของโรงน้ำชาแห่งนี้ซึ่งนางสั่งให้สาวใช้มาจับจองเอาไว้ วันนี้คือวันที่กองทัพแดนประจิม ได้รับชัยชนะกลับมาจากทำศึกใหญ่นอกชายแดนตะวันตก
“หลิงเฟย ทางนี้”
“ชิงชิง ข้ามาแล้ว”
ลู่หลิงเฟยวิ่งไปยังห้องนั้นทันที สตรีวัยเดียวกับนางอีกสองสามคนรออยู่ในนั้น ล้วนแต่เป็นสหายที่เติบโตมาพร้อมกัน “จางชิงชิง” เป็นบุตรของขุนนางขั้นสี่ในราชสำนักในกรมคลัง
ตำแหน่งของบิดานางนับว่าไม่ได้สูงมากแต่เพราะลู่หลิงเฟยมิได้เลือกคบคนที่ฐานะ นางเป็นมิตรกับทุกคนที่เป็นมิตรกับนาง
“มาแล้ว ๆ พวกเขามาแล้ว หลิงเฟยเจ้าเตรียมลูกบอลแพรนั่นมาด้วยงั้นหรือ”
“เจ้าไม่รู้อะไร ปีนี้ข้าก็สิบแปดแล้วนะย่อมอยากหาบุรุษที่เหมาะสมท่านพ่อบอกเองว่าข้าโตแล้ว”
“เจ้าคงไม่คิดที่จะ….โยนให้พวกเขาที่นี่ในวันนี้หรอกนะ”
“ก็ไม่แน่หากว่าพวกเขาน่าสนใจ”
“แต่ว่าเจ้ากับคุณชายหลานผู้นั้นพึ่งถอนหมั้น…”
“ใครสนใจเจ้า “หลานจางหยวน” นั่น ช่างเขาสิเขาเป็นผู้ทำผิดต่อข้าเอง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าสตรีที่เขาลุ่มหลงผู้นั้นเป็นใครแต่ถอนหมั้นแล้วก็คือคืนอิสรภาพให้กับข้า เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่สนใจเรื่องนี้มานานแล้ว”
“เช่น..เช่นนั้นหรอกหรือ”
จางชิงชิง ยิ้มพร้อมกับทำสีหน้าแปลก ๆ แต่หลิงเฟยที่ตื่นเต้นกับขบวนกองทัพนั้นมิได้สนใจนาง ในตอนนี้ขบวนทหารราบเริ่มเดินผ่านตรงที่พวกนางอยู่แล้ว
มวลดอกไม้ที่โปรยลงมามาจากที่ต่าง ๆเพื่อต้อนรับขบวนกองทัพที่ยิ่งใหญ่นี้ทำให้คนทั้งเมืองต่างมาร่วมยินดี
“นั่นอย่างไร ๆ ท่านอ๋องมีชื่อผู้นั้น”
“เข้าคือผู้ใดงั้นหรือ”
ลู่หลิงเฟยตะโกนถามสตรีอีกห้องหนึ่งถัดจากห้องของนางอย่างนึกสนใจ บุรุษหนุ่มในชุดเกราะสีเงินด้านล่าง สวมกวานสีเงินประดับทับทิม ผมของเขารวมตึงทิ้งปลายราวหางม้าไว้ด้านหลังดูสง่างามยิ่งนัก แต่นางมองเห็นเขาไกล ๆ เพราะยังมาไม่ถึง
“แม่นาง ท่านผู้นั้นคือท่านอ๋องแม่ทัพแดนประจิม ท่านอ๋อง "หยางหลินอี้" ผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรไปทั้งใต้หล้าท่านไม่เคยได้ยินชื่อของเขางั้นหรือ"
“หยางหลินอี้ ใบหน้าดุจหยกประดับ ดวงตาดุจพยัคฆ์ดุดันราวราชสีห์ผู้นั้นน่ะหรือ”
“มาแล้ว ๆ ท่านอ๋อง ทางนี้เพคะ”
เสียงตะโกนร้องเรียกให้ท่านอ๋องหันไปดังขึ้นรอบทิศเมื่อบุรุษหนุ่มในชุดเกราะสีเงินควบอาชาสีน้ำตาลเข้มที่ดุดันทรงอำนาจไม่ต่างจากผู้ที่กำบังเหียนมันอยู่ “หยางหลินอี้” มองไปรอบ ๆ ตัวแต่ส่วนใหญ่เขาเห็นเพียงสตรีที่ยืนตะโกนเรียกทำให้เขาเริ่มหงุดหงิด
“จื่อรุ่ย เหตุใดเจ้ามิได้บอกข้าว่าในขบวนต้อนรับจะมีพวกสตรีวิกลจริตเหล่านี้มากมาย หากเป็นเช่นนี้ข้าคงเข้าเมืองมาก่อนโดยไม่ต้องร่วมในขบวนกองทัพ”
“ท่านอ๋องจะทำเช่นนั้นหาได้ไม่นะพ่ะย่ะค่ะ ครั้งนี้ราษฎรต่างเฝ้ารอให้การต้อนรับพระองค์ จะทำลายความตั้งใจและน้ำใจของชาวบ้านหรือพ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างเป็นพระบัญชาของฝ่าบาทที่ให้จัดการต้อนรับพระองค์ตั้งแต่หน้าเมืองจนเข้าประตูวังหลวง นาน ๆ ต้าซ่งจะมีเรื่องน่ายินดีเหตุใดพระองค์จึงไม่ชอบ ที่นี่มีแต่สตรีชนชั้นสูงทั้งนั้น หากว่าพระองค์ประสงค์จะ…”
“หุบปาก ข้าเพียงแค่ถามเล็กน้อยเจ้าก็ตอบเสียยืดยาว ข้าเวียนหัว”
“หลิงเฟย ท่านอ๋องมาแล้วนั่นอย่างไร”
ลู่หลิงเฟยมองไปยังอาชาสีน้ำตาลเข้มนั้นก่อนที่จางชิงชิง จะบอกแล้ว นางเพ่งมองไปยังบุรุษหนุ่มที่ควบอาชาอยู่อย่างเหม่อลอย แม้บุรุษที่นางพบเจอมาก่อนหน้านี้จะมีผู้ที่หน้าตาหล่อเหลาเพียงใดแต่กลับสู้ความองอาจรูปงามของท่านอ๋องที่อยู่ตรงหน้านี้ไปได้เลย
“ขะ…ข้า…ข้าชอบเขา”
จางชิงชิงรู้ดีว่าลู่หลิงเฟยต้องถูกใจท่านอ๋องผู้นี่แน่แต่หลิงเฟยไม่เคยทราบสมญานามท่านอ๋องผู้นี้ แม้ว่าจะรูปงามแต่ปากร้ายและขวานผ่าซาก
ครั้งหนึ่งเขาปฏิเสธองค์หญิงแคว้นเสวียนต่อหน้าพระพักตร์อย่างไร้ซึ่งเยื่อใยจนองค์หญิงผู้นั้นต้องรีบกลับแคว้นเพราะความอับอาย ครั้งนี้ลู่หลิงเฟยก็ต้องพบเหตุการณ์เช่นเดียวกัน
จางชิงชิงลอบยิ้มเยาะในใจ นางแทบจะไม่ต้องออกแรงเพื่อให้ลู่หลิงเฟยสนใจท่านอ๋องเลยเพราะเดิมทีลู่หลิงเฟยผู้นี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องชอบบุรุษหน้าตาดีอยู่แล้ว
“ข้าอยากแต่งงานกับบุรุษผู้นั้น ข้าจะโยนลูกบอลแพรปักนี้ให้กับเขา”
ลู่หลิงเฟยหันมาหยิบลูกบอลแพรปักสีแดงสดที่ประดับด้วยพู่เอาไว้ รอเพียงท่านอ๋องเข้าใกล้จุดที่นางอยู่นางจะโยนให้เขา จางชิงชิงหันไปจับแขนลู่หลิงเฟยเอาไว้
“หลิงเฟยจะดีหรือต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้หากเขาปฏิเสธจะทำเช่นไร”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย หากไม่รับก็จะได้รู้ว่าไม่รับก็จบมิใช่หรือ เหตุใดต้องคิดมากด้วยเล่า”
“แต่ลูกบอลแพรปักมีไว้เพื่อเลือกคู่ หากเจ้าโยนลงไปแล้วเช่นนี้มันจะไม่เป็นการ…ข้าหมายถึงหลังจากนี้เจ้าจะหาคู่ยากน่ะสิ”
“เอาน่าไม่ลองก็ไม่รู้นี่จริงหรือไม่”
หลิงเฟยยิ้มและหันไปมองท่านอ๋องผู้สง่างามบนหลังอาชาผู้นั้นราวต้องมนต์ สตรีหลายคนเริ่มขานเรียกนามของเขาทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมามองพวกนาง
“เขามองมาแล้ว ๆ รูปงามเสียยิ่งนัก”
“รูปงามมาก ๆจริง ๆ”
หลิงเฟยเฝ้าชื่นชมบุรุษหนุ่มผู้นั้น ชั่วพริบตานั้นเองราวกับเขาและนางได้สบตากันชั่วครู่ ชิงชิงกระทุ้งสีข้างให้นางรู้สึกตัวเมื่อท่านอ๋องเริ่มขี่ม้าเข้ามาใกล้ ๆ
“หลิงเฟยโยนไปเลย ท่านอ๋องผู้นั้นเขาส่งสายตาให้เจ้า เขาต้องชอบเจ้าอย่างแน่นอน”
“รออีกนิด ให้เขาเข้ามาใกล้อีกหน่อย”
“เจ้าดูสิ ห้องถัดไปจากนี้อีกสองห้องคือ “หลี่ฟางอิ่ง” ดูเหมือนว่านางจะเตรียมโยนลูกบอลแพรปักให้ท่านอ๋องเช่นกัน หากว่าเจ้าไม่รีบละก็”
“งั้นหรือนางช่างกล้านัก ไม่ได้ ๆ ข้าจะแพ้ไม่ได้”
“ใจเย็น ๆ เขามาแล้ว”
“ท่านอ๋องเพคะ โปรดรับไว้ด้วย!!”
ลู่หลิงเฟยตะโกนไปยังด้านล่างด้วยเสียงที่ดังพอที่จะทำให้บุรุษหนุ่มตรงหน้าหันมามองนางได้ เมื่อเขาหันมามองนางครั้งนี้สองสายตาสบตากันทันที
แม้ว่าจะไกลแต่หลิงเฟยรู้สึกราวกับว่านางไม่อยากทำสิ่งใดนอกจากจะยืนอยู่ตรงนี้และมองใบหน้าดุจหยกประดับนั้นไปนาน ๆ
“หลิงเฟย!! บอลของเจ้า!!”
ท่านอ๋องเองก็หันไปถามองครักษ์ประจำตัวของเขาทันที ด้วยตัวเขาที่ออกศึกอยู่นอกเมืองมาร่วมครึ่งปีไม่คุ้นชินกับสายตาคนมากมายเช่นนี้
มองไปที่ใดก็เหมือนกันหมด มีเพียงนางที่ยืนอยู่ชั้นสองของโรงน้ำชาหรือโรงเตี๊ยมเขาก็ไม่แน่ใจและเรียกเขา รอยยิ้มนั้นเขาเห็นไม่ชัดเพราะกลีบดอกไม้ที่โปรยมาตลอดทำให้เขาเริ่มเวียนหัว
“สตรีผู้นั้นเป็นบุตรสกุลใด เหตุใดจึงหน้าไม่อายเช่นนี้ เที่ยวเล่นไร้สาระไปวัน ๆ น่ารำคาญยิ่งนัก!!”
“กระหม่อมเองก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ แต่ว่าดูเหมือนว่านาง….ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ นั่นนางจะ…จะโยนสิ่งนั้นมาให้พระองค์”
“อะไร เจ้าหมายถึงสิ่งใดกัน”
“รับด้วยเพคะ!!”
ลูกบอลแพรปักสีแดงของลู่หลิงเฟยถูกโยนลงไปจากชั้นสองของโรงน้ำชา ท่านอ๋องที่หันไปพอดีด้วยสัญชาตญาณเมื่อมีสิ่งใดถูกโยนมาเขาก็จะรับเอาไว้ รวมถึง….
“กรี๊ด!! ท่านอ๋องรับลูกบอลแพรของแม่นางผู้นั้นแล้ว!!”
โอ๊ะ…โอ รับแล้วก็ต้องแต่งสินะท่านอ๋อง เอาแล้ววว……