ความรักทำให้คนตาบอด 1
“คุณหมอจะกลับแล้วเหรอคะ” เสียงของพยาบาลที่อยู่วอร์ดเดียวกันเอ่ยทักทายคุณหมอสาวใจดีประจำวอร์ดเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะกลับบ้านหลังเสร็จงานวันนี้แล้ว
“ใช่แล้วค่ะ งั้นหมอกลับก่อนนะคะ”
กมลวรรณ หรือ ‘หมอเมย์’ รีบบอกลาเพื่อนร่วมงานก่อนจะ รีบตรงกลับไปที่คอนโดมิเนียมสุดหรูเพื่อเตรียมอาหารเย็นไว้รอแฟนหนุ่มอย่างเช่นทุกวัน ทว่าขณะที่กำลังเดินไปตามทางเพื่อตรงกลับห้องของตัวเอง เธอก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมา ก่อนจะตามมาด้วยอาการพะอืดพะอม จนเธอต้องรีบวิ่งเพื่อให้ถึงห้องของเธอให้เร็วที่สุด
หลังจากจัดการล้างหน้าล้างปากเรียบร้อย กมลวรรณที่เริ่มผิดสังเกตกับอาการของตัวเองก็เร่งไปหยิบชุดตรวจครรภ์ในลิ้นชักออกมา แล้วทำการตรวจทันที
ส่วนหนึ่งเพราะประจำเดือนขาดไป แต่เพราะคิดไปว่าอาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เธอทำงานหนัก และเครียดกับเคสยากบ่อย ๆ เลยอาจจะทำให้คลาดเคลื่อนไปบ้าง
แต่แล้วใบหน้าสวยก็พลันคลี่ยิ้มกว้างเมื่อแท่งสีขาวปรากฏขีดสีแดงเข้มขึ้นมาชัดเจนสองขีด มือเรียววางทาบลงไปบนหน้าท้องแบนราบด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
แม้ความรักของเธอจะมีอุปสรรคมากมาย เพราะครอบครัวของ ภาสกร แฟนหนุ่มไม่ยอมรับเธอ เพราะเธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา ๆ ไม่ได้มีชื่อเสียงหรือฐานะที่จะช่วยผลักดันสนับสนุนแฟนหนุ่มในเรื่องธุรกิจได้
ห้าโมงเย็นไม่ขาดไม่เกิน ร่างสูงของภาสกรเดินเข้ามาภายในห้องชุดที่เขาซื้อเอาไว้อยู่กับคนรักตั้งแต่เริ่มคบกันได้หนึ่งปี ชายหนุ่มตรงเข้ากอดร่างนุ่มนิ่มที่กำลังจัดโต๊ะมื้อเย็นจากทางด้านหลัง
ฟอดดด~
“วันนี้มีอะไรกินบ้างครับ”
“วันนี้มีผัดผัก และหมูคั่วเกลือค่ะ” กมลวรรณพลิกกายหันไปหาคนรักก่อนจะหอมแก้มสากไปอีกหนึ่งฟอด “ไปล้างมือแล้วมากินข้าวกันค่ะ”
ทั้งสองกินข้าวกันไป คุยกันไป บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ให้อีกฝ่ายได้ฟัง ก่อนที่กมลวรรณตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญออกมา
“กรคะ เมย์มีของขวัญจะให้ค่ะ”
ภาสกรได้ยินแบบนั้นก็ย่นคิ้วคมเข้าหากันยุ่งด้วยความสงสัย “อะไรเหรอครับ”
“หลับตาก่อนสิคะ”
เมื่อเห็นว่าแฟนหนุ่มยอมหลับตาลง กมลวรรณก็หยิบเอาแท่งตรวจครรภ์มาวางบนฝ่ามือหนาทันที ภาสกรลืมตามองของขวัญที่ว่า ก่อนจะเบิกตาโตมองหน้าคนรักด้วยความสุข ชายหนุ่มลุกแล้วตรงเข้าไปกอดหญิงสาวไว้จมอก กดจูบไปทั่วใบหน้าสวยด้วยความรู้สึกดีใจและขอบคุณ
“ดีใจไหมคะคุณพ่อ”
“ที่สุดเลยเมย์ ขอบคุณนะครับ ผมสัญญานะว่าผมจะดูแลคุณกับเจ้าตัวน้อยให้ดีที่สุด”
“ค่ะ” มือเรียวยกขึ้นกอดคนรักเอาไว้ไม่คลายเช่นกัน
สัปดาห์ต่อมา ภาสกรเลือกเอาวันที่กมลวรรณหยุดพาเธอเข้ามาหาพ่อกับแม่ของเขาที่บ้าน คฤหาสน์ตระกูลอภิรักษ์โดดเด่นเป็นสง่าเช่นเดิม กมลวรรณมองคฤหาสน์ตรงหน้าแล้วลอบถอนหายใจออกมา
เพราะตั้งแต่คบกับภาสกรมา นี่เป็นครั้งที่สองเท่านั้นที่เธอได้เหยียบย่างเข้ามาที่นี่ เธอยังจำความรู้สึกครั้งแรกได้ไม่ลืม ได้แต่หวังว่าพ่อแม่ของภาสกรจะยอมลงให้เพราะเห็นแก่หลานที่อยู่ในท้องเธอบ้างก็เท่านั้น
ภาสกรยื่นมือมากอบกุมมือเรียวเอาไว้ เพราะรู้ว่ากมลวรรณกำลังกังวลเรื่องอะไร เขาเองก็กังวลไม่น้อยไปกว่าเธอ ด้วยรู้ว่าพ่อแม่เป็นคนอย่างไร ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแม้ว่ากมลวรรณพยายามพิสูจน์ตัวเองขนาดไหน
หากแต่พ่อกับแม่ของเขาก็ไม่เคยยินดีและยอมรับในตัวเธอเลยแม้แต่น้อย เขาได้แต่หวังว่าครั้งนี้พ่อกับแม่จะเห็นแก่หลานที่กำลังจะเกิดมาบ้าง เพราะแต่ไหนแต่ไรมาพวกท่านก็อยากจะอุ้มหลานกันอยู่แล้ว
แน่นอนว่าหญิงสาวไม่ได้รับการต้อนรับเหมือนที่คิดเอาไว้ คุณหญิงเพียงแค่ปรายตามองมาทางเธออย่างไม่สบอารมณ์
“ผมกับเมย์จะแต่งงานกันครับ”
“ไม่ได้ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด” คุณหญิงเพียงแขแหวลั่นเสียงดัง
“แต่เมย์กำลังท้องลูกของผม และผมก็ไม่คิดจะแต่งงานกับคนอื่นนอกจากเมย์”
คำพูดของภาสกรทำเอาประมุขของบ้านและหญิงสูงวัยได้แต่ชะงักค้างกับเรื่องราวที่ได้รับรู้ กระนั้นก็ยังคงเอ่ยคัดค้านเสียงแข็ง ทำเอาหัวใจของกมลวรรณรู้สึกปวดหนึบไปหมด ไม่คิดว่าหลานที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข พวกท่านที่จะได้เป็นปู่เป็นย่าก็ยังไม่ต้องการ
“นี่แกปล่อยให้ตัวเองท้องเพื่อจะมาบีบพวกฉันอย่างนั้นเหรอ หน้าด้าน”
“แม่ครับ”
“ไม่รู้ละ หัวเด็ดตีนขาดยังไง แม่ก็จะไม่ยอมรับแม่นี่เข้ามาร่วมวงศาคณาญาติแน่นอน”
คำพูดของคุณหญิงเพียงแขทุกคำราวกับเป็นใบมีดแหลมที่ปลิวมาปักลงบนหัวใจของหญิงสาวซ้ำ ๆ จนตอนนี้มันเจ็บไปหมด เธอเสียใจจนไม่รู้จะบรรยายมันออกมาอย่างไร
หลังจากถกเถียงกันอยู่นาน เสียงโทรศัพท์เครื่องบางในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น และเมื่อเห็นว่าเป็นสายสำคัญ จึงเลี่ยงออกไปรับโทรศัพท์ด้านนอกแทน
“เอาละ เธอพูดเองนะว่าเธอยอมรับข้อเสนอของฉัน” คุณหญิงเพียงแขที่สบโอกาส เลยพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดวางแผนเอาไว้มานานเนิ่นกับกมลวรรณทันที
“ค่ะ”
“ฉันไม่อ้อมค้อม ฉันกำลังจัดการเรื่องงานแต่งงานของเจ้ากรกับหนูหลินในเดือนหน้า ถ้าเธอจะไปจากเจ้ากรตอนนี้มันก็ยังไม่สายนะ มันอาจจะลำบากสำหรับเธอที่กำลังตั้งท้อง เอาเป็นว่าฉันจะให้เงินเธอไปตั้งตัวสักก้อนถ้าเลือกจะไป แต่ถ้าอยากจะอยู่ต่อ เธอจะต้องอยู่ในฐานะเมียน้อยเท่านั้น”
จังหวะที่กมลวรรณกำลังจะพูดออกไป ภาสกรที่คุยโทรศัพท์เสร็จพอดีก็เดินเข้ามา แล้วชักชวนกันกลับ ระหว่างทางกลับคอนโดหลังจากเห็นสีหน้ากมลวรรณไม่ค่อยสู้ดีนัก ภายในรถเต็มไปด้วยความเงียบ
เพราะกมลวรรณกำลังคิดถึงสิ่งที่แม่ของคนรักพูดกับตน และคิดไปว่าเมื่องานแต่งกำลังจะเกิดขึ้นเดือนหน้า อย่างนั้นภาสกรเองก็คงรู้ตัวอยู่แล้วเช่นกัน ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขากลับไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้เธอรับรู้เลย
กมลวรรณได้แต่ตัดพ้อกับตัวเองในใจว่า เธอไปทำกรรมอะไรนักหนาในชาติที่แล้ว ชีวิตนี้เธอจึงได้ประสบแต่ความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมถึงเรื่องราวบัดซบอย่างการถูกบีบให้กลายเป็นเมียน้อยทั้ง ๆ ที่เธอมาก่อนอย่างนี้