8 สร้างโอกาส
เช้าวันศุกร์แพรรดารีบมาที่บริษัทแต่เช้าอย่างเคยวันนี้เธอสวมเดรสสายเดี่ยวสีขาวไว้ข้างใน แต่ติดกระดุมสูทเรียบร้อยทำให้คนอื่นไม่เห็นว่าภายใต้ความเรียบร้อยนั้นซ่อนความเซ็กซี่เอาไว้
เธอรีบเดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่ตัวเองทำงาน ภายในลิฟต์เวลาเช้าอย่างนี้มีเพื่อนร่วมงานเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หญิงสาวยิ้มทักทายก่อนจะออกจากลิฟต์แล้วตรงไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
หญิงสาวมองเข้ามาจัดโต๊ะทำงานของทิวัตถ์อย่างเคยแล้วเธอก็บังเอิญเห็นโน้ตที่เขาเขียนเอาไว้ ใบหน้าสวยก็ยิ้มเมื่อเห็นเวลาและสถานที่นัดหมายของรองประธานหนุ่มกับเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่งเวลาสามทุ่มคืนนี้ มันคงไม่แปลกเท่าไหร่ถ้าเธอจะบังเอิญไปเจอเขาที่นั่นเพราะมันเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
เธอออกมานั่งทำงานของตนเองเมื่อเห็นว่าเขามาทำงานแล้วก็รอเวลาสักพักก่อนจะนำกาแฟเข้าไปให้
“ท่านรองดูอะไรอยู่ ขอรดาดูด้วยนะคะ” เธอเดินอ้อมโต๊ะและเบียดลำตัวเข้าไปมองจอที่เจ้านายกำลังมองอยู่ทำให้ชายหนุ่มได้แต่นั่งนิ่งเพราะไม่คิดว่าเธอจะเข้ามาใกล้ขนาดนี้
“จะซื้อให้คุณเรนนี่เหรอคะ” ทิวัตถ์พยักหน้า เขากำลังมองหาของขวัญให้กับเรนนี่สักชิ้นเพราะเธอบอกว่าสัปดาห์หน้าเป็นวันเกิดของเธอ
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”ก็เพราะเรื่องของขวัญเป็นเรื่องที่เธอต้องจัดการให้เจ้านายอยู่แล้ว ขอแค่ได้รู้ว่าเนื่องในโอกาสอะไรเพื่อจะเตรียมได้ถูกใจผู้รับ
“วันเกิด”
“เดี๋ยวรดาจัดการให้ค่ะ”
เมื่อเลขาสาวออกไปแล้วเจ้านายหนุ่มก็ไม่มีสมาธิทำงานเอาเสียเลย สองวันมานี้ไม่รู้แพรรดาเป็นอะไร นอกจากจะแต่งตัวสวยขึ้นแล้วเธอยังชอบเข้ามาใกล้จนเข้าได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เคยได้กลิ่นจากไหน
เพียงแค่เธอเข้าใกล้ เพียงแค่ได้กลิ่น ความเป็นชายของเขาก็ตื่นตัว ช่วงนี้เขาเลยเรียกหาเรนนี่บ่อยมากขึ้น แต่ชายหนุ่มรู้สึกว่าความสุขที่เรนนี่มอบให้นั้นมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง
ทิวัตถ์ออกจากห้องทำงานเมื่อเลยเวลาเลิกงานไปนานแล้ว ก่อนหน้าก็โทรมาสั่งให้แพรรดากลับไปก่อนเพราะตัวเองอยากอยู่เคลียร์งานคนเดียวอีกสักพัก
เขาไม่ใช่เจ้านายที่จะให้เลขาอยู่รอจนตัวเองกลับเพราะบางวันก็ทำงานเพลินจนดึก อย่างวันนี้หลังเลิกงานแทนที่เขาจะรีบกลับแต่ก็นั่งทำงานต่อเพื่อรอให้ถึงเวลาที่นัดไว้กับเพื่อนๆ
สามทุ่มครึ่งทิวัตถ์ก็มาถึงผับแห่งหนึ่งซึ่งดนัยเพื่อนของเขาเป็นหุ้นส่วนอยู่ ชายหนุ่มเดินตรงไปยังโซนวีไอพีที่เป็นชุดโซฟาบริเวณชั้นสอง พอไปถึงทีปกรและอชิระเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ชั้นมัธยมต้นก็รออยู่ก่อนแล้ว
“กูนึกว่ามึงจะไม่มาแล้วนะไอ้วัตถ์” อชิระทักทายเพื่อนด้วยสรรพนามที่พวกเขาใช้กันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กชาย
“นัดแล้วก็ต้องมาสิ”
“ดูหน้ามึงแล้วเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลยนะ หรือว่ามึงยังไม่รู้เรื่องวะ” ทีปกรถามอย่างสงสัย
“เรื่องอะไรเหรอ” เขานั่งลงตรงข้ามเพื่อนที่มาก่อนแล้วหยิบแก้วเครื่องดื่มที่พนักงานของร้านชงให้ขึ้นมาดื่มอย่างใจเย็น
“แสดงว่ามึงยังไม่รู้เรื่องจริง ไอ้กรเล่าให้มันฟังหน่อยสิ”
“มึงก็เล่าเองสิไอ้อิฐ” ทีปกรโบ้ยมาทางอชิระ
“ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ว่ะ เกี่ยงกันเล่าอยู่นั่นแหละ คืนนี้กูจะรู้เรื่องไหม”
“ก็เรื่องน้องเรนนี่ของมึงไงล่ะ” ดนัยที่เดินเข้ามาทีหลังพูดขึ้น แล้วเจ้าของผับก็เล่าเรื่องที่เรนนี่คู่ควงของทิวัตถ์ให้กับเจ้าตัวฟัง
“มึงไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลยเหรอวะ”
“กูก็พอรู้แต่พอถามเขา เขาก็บอกว่าติดต่อกันแค่เรื่องงาน แต่ไม่คิดว่าจะออกมาประกาศว่ากำลังคบหากันแบบนี้ เมื่อวานกูกับเขายังเจอกันอยู่เลย” เขาไม่เสียใจที่เรนนี่เปิดตัวว่ากำลังคบหาอยู่กับนักธุรกิจเจ้าของค่ายละครเพราะเขาเองก็ไม่คิดจะจริงจังอยู่แล้ว แต่รู้สึกเจ็บใจมากกว่าเพราะเมื่อวานหญิงสาวยังมานอนกับเขาซึ่งไม่รู้ว่าเธอทำแบบนั้นได้ยังไง
“น้องเขาคบเพราะประโยชน์ทางธุรกิจหรือเปล่า ฝ่ายชายเป็นเจ้าของค่ายละครนะ” ทีปกรพยายามพูดในแง่ดีไว้ก่อน
“กูไม่สนใจหรอกว่าจะคบกันเพราะเรื่องอะไร แต่เขาเปิดตัวว่าคบกันแบบนั้นออกไปกูก็คงเลิกยุ่ง”
“ตัดใจได้มันก็ดี สาวๆ รอมึงอยู่อีกเพียบ เดี๋ยวกูติดต่อให้ไหมล่ะ น้องๆ นักศึกษาก็ดีนะน่ารักสดใสดี”
“นั่นสิ กูเห็นด้วยกับไอ้ไนท์นะ อย่างมึงแค่นั่งเฉยๆ สาวก็คงมาหาถึงที่” อชิระพูดเสริมขึ้นมาอีกคน
“พวกมึงจะไม่เวลากูโสดหน่อยเหรอ” ทิวัตถ์พูดขณะที่สายตาก็มองลงไปข้างล่าง แล้วบังเอิญสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่กำลังนั่งดื่มใกล้กับเคาน์เตอร์บาร์ซึ่งเขาเห็นแล้วก็จำได้ดีว่าหนึ่งในนั้นคือเลขาสาวของตนที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงเดือน
"มึงดูอะไรวะ” อชิระที่เห็นว่าเพื่อนนั่งจ้องอะไรบางอย่างอยู่ก็ถามขึ้น
“เปล่ากูก็ดูไปเรื่อย”
เพราะคำว่าเปล่าทำให้เพื่อนทั้งสามคนมองตามสายตาของเขาลงไปยังด้านล่าง
“ลูกค้าใหม่เหรอไนท์ กูไม่เคยเห็นเลย” ทีปกรมองทั้งสามคนด้วยตาเป็นประกาย
“กูก็เพิ่งเห็นเหมือนกันว่ะกร แต่ละคนสวยมากเลยว่ะ ถึงว่าไอ้วัตถ์มองไม่วางตาเลยนะ”
“สวยๆ แบบนี้น่าลงไปทำความรู้จักนะ” อชิระหัวเราะเบาๆ แต่เขาไม่คิดทำแบบนั้นเพราะตนเองมีแฟนอยู่แล้วและกำลังจะแต่งงานกันในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
“กูว่าจะชวนเขามานั่งดื่มข้างบนดีไหม”
“อย่าเลยไนท์” ทิวัตถ์รีบห้าม
“ทำไมล่ะ กูเห็นมึงจ้องอยู่นานแล้วนะ ถ้าอยากรู้จักกูก็จะช่วยไง หรือเขายังสวยไม่พอ แต่กูว่าน้องคนที่ใส่เกาะอกน่ะ สเปกมึงเลยนะ ขาว สวย อึ๋มน่าฟัดชะมัดเลยว่ะ”
“คนนั้นเลขากู พวกมึงก็รู้ว่ากูจะไม่ยุ่งกับคนในบริษัท”
“ไม่อยากเป็นสมภารกินไก่วัดเหรอ”
“อือ กูกลัวเวลาทำงานแล้วจะมีปัญหา”
“ไม่หรอกน่า โตๆ กันแล้ว ที่นี่ก็ไม่ใช่ในบริษัทสักหน่อย มึงไม่พูดเขาไม่พูดทุกอย่างมันก็เป็นความลับ แต่ถ้ามึงไม่กล้า งั้นกูขอนะ” ทีปกรทำทีเป็นสนใจเพราะอยากเห็นปฏิกิริยาของเพื่อน
ทิวัตถ์หันมามองหน้าเพื่อนทันทีที่อีกฝ่ายพูดจบ ถึงเขาไม่อยากเป็นสมภารกินไก่วัดแต่ไก่ของเขาคนอื่นก็ห้ามกินเหมือนกัน
“ทำเป็นหวงนะ กูไม่ยุ่งก็ได้”
ทั้งสามคนนั่งดื่มกันต่อโดยที่สายตาของทิวัตถ์นั้นมองลงไปเป็นระยะ เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทั้งสามคนกลับไปแล้วเขาก็ขอตัวกลับบ้าง ส่วนเพื่อนที่เหลือก็ขอนั่งดื่มต่อโดยไม่มีใครท้วงที่เขาจะกลับเพราะคิดว่าทิวัตถ์อาจจะกลับไปทำใจเรื่องของเรนนี่ก็เป็นได้
รองประธานหนุ่มเดินออกมายังลานจอดรถ เขาชะงักฝีเท้าเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าแพรรดากำลังยืนอยู่ที่รถของตนเอง
“มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ไม่กลับบ้านหรือไง”
“รดารอกลับพร้อมท่านรองค่ะ”
“รอกลับพร้อมผมเหรอ คุณพูดเหมือนรู้ว่าผมมาเที่ยวที่นี่เลยนะ”
“รดาเห็นรถของท่านรองนี่คะ”
“แล้วทำไมต้องกลับพร้อมผมล่ะ รถคุณไปไหน”
“รถรดาเป็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ สตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติด เพื่อนของรดาก็กลับไปหมดแล้วจะโทรให้กลับมารับโทรศัพท์ก็แบตหมดอีก รดากำลังจะเรียกแท็กซี่แต่บังเอิญเห็นรถของท่านรองเสียก่อน รดาขอติดรถไปด้วยได้ไหมคะ คอนโดของรดาอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ น่าจะเป็นทางผ่านของท่านรองพอดี”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเป็นทางผ่าน”
“ก็แค่เดาค่ะ เพราะแถวนี้คอนโดหรูก็มีอยู่ไม่กี่ที่ นะคะขอรดาติดรถไปด้วยนะคะ”
ทิวัตถ์พยักหน้าเพราะถ้าไม่ให้เธอไปด้วยก็คงจะดูเป็นคนใจร้ายเอามากๆ ชายหนุ่มเดินมาเปิดประตูให้เธอขึ้นไปนั่งโดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าหญิงสาวนั้นแอบยิ้มที่แผนของตนเองกำลังก้าวหน้าไปอีกขั้น