1 ใครก็ได้
ณ บ้านเอกเรืองกิจไพศาล
ภายในห้องของบ้านหลังใหญ่ สมาชิกในครอบครัวซึ่งประกอบไปด้วยคุณดิลกชายวัย 53 ปี คุณกัลยาวัย 53 ปีผู้เป็นภรรยาและทิวัตถ์ในวัย 29 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวของบ้าน ทั้งสาวคนกำลังนั่งดูทีวีและพูดคุยกันตามปกติ ซึ่งลูกชายจะแวะมาทานอาหารเย็นที่บ้านและอยู่คุยกับบุพการีทั้งสองในทุกเย็นวันอาทิตย์
“เรื่องเลขาของเราว่ายังไง เมื่อไหร่จะหาได้สักที” คุณดิลกถามลูกชาย ซึ่งตอนนี้เขาใช้เลขาคนเดียวกับบิดาเนื่องจากเลขาคนก่อนของตนเองนั้นลาออกเพื่อไปแต่งงาน
“ผมว่าไม่ต้องหาหรอกครับพ่อ คุณอรก็ทำงานดีอยู่แล้ว” เขาพอใจที่ได้ทำงานร่วมกับอรดีเลขาของผู้เป็นบิดาที่ทำงานมานานหลายปี
“พ่อรู้ว่าคุณอรทำงานดี แต่ตอนนี้งานเธอหนักมากนะ พ่อกลัวว่าเธอจะทนไม่ไหวแล้วลาออกขึ้นมาเราสองคนจะแย่เอา พ่อว่าวัตถ์หาเลขาคนใหม่เถอะ”
“แม่เห็นด้วยกันพ่อนะ ถ้าเราขี้เกียจจะหาให้แม่หาให้ไหม”
“นั่นสิพ่อก็เห็นด้วยนะ ลูกสาวรุ่นน้องของพ่อเพิ่งเรียนจบกลับมาพอดีเลย พ่อว่าเธอน่าจะช่วยงานลูกได้เยอะนะ ได้ยินมาว่าเธอพูดได้หลายภาษาเลย”
“พ่อครับ คนเรียนจบจากต่างประเทศและพูดได้หลายภาษาแบบนั้นเขาไม่สนใจงานเลขาหรอกครับ ผมให้ผมหาเองดีกว่า”
“พ่อได้ยินเราพูดจะหาเองมาเกือบสองเดือนแล้วนะ”
“ครั้งนี้ผมจะหาเองจริงๆครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้ฝ่ายบุคคลประกาศรับสมัครเลย”
“อย่าเสียเวลาเลย แม่ว่าพรุ่งนี้ให้หนูแพรไปเริ่มงานเลยดีกว่า”
“ใครนะครับแม่”
“หนูแพรลูกสาวอาทรงภพกับอาดรุณีไง วัตถ์จำไม่ได้เหรอ ตอนเด็กๆ ก็เคยเจอกัน”
“นั่นสิ พ่อว่าได้คนกันเองมาเป็นเลขาก็ดีเหมือนกันนะ หนูแพรน่าจะช่วยงานลูกได้เยอะเลยทีเดียว”
ทิวัตถ์นึกถึงภาพในอดีตแล้วส่ายศีรษะ เพราะคนที่จะมาเป็นเลขาของเขานั้นจะต้องสวยในระดับหนึ่งไม่ใช่เด็กกะโปโลผอมแห้งที่เขารู้จัก
“แม่ครับ ผมว่าผมหาเองดีกว่า”
“แต่มันจะช้าไปนะ”
“ไม่ช้าหรอกครับมา ผมว่าจะให้คนแรกที่มาส่งใบสมัครเลยดีไหมครับ” ทิวัตถ์รู้ดีว่า
“วัตถ์ทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้หนูแพรไปเป็นเลขาใช่ไหม”
“เปล่าครับมา แม่ก็รู้ว่าเลขาของผมต้องทำงานหนักมาก แถมบางครั้งก็ต้องออกต่างจังหวัดหรือไปคุยงานถึงต่างประเทศ ผมกลัวว่าหนูแพรของแม่จะเหนื่อย ผมเกรงใจอาภพครับถ้าต้องให้ลูกสาวมาทำงานกับผม”
“แม่จะยอมวัตถ์ครั้งหนึ่งละกันนะ พรุ่งนี้ให้ฝ่ายบุคคลประกาศรับสมัครเลยแล้วกัน”
“ครับแม่ ผมจะให้เขาประกาศในเพจสมัครงาน เพจหลักของบริษัทและจะติดประกาศที่หน้าบริษัทด้วย ถ้าใครมาถึงก่อนแล้วมีคุณสมบัติครบตามที่กำหนดผมก็จะรับเข้าทำงานเลย”
“แล้วคุณสมบัติที่ว่านี่ต้องสวยด้วยไหม”
“พ่อไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกครับ ถึงเลขาที่ได้จะสวยแค่ไหน แต่ผมก็ไม่ใช่สมภารที่จะกินไก่วัดนะครับ”
“แล้วถ้าไก่ตัวใหม่ที่จะรับเข้าทำงานเกิดอยากจะเป็นอาหารของสมภารล่ะ” คุณกัลยาถามลูกชาย
“ผมไม่สนใจหรอกครับ ผมมีเรนนี่อยู่แล้ว”
“แม่ว่ามันไม่เสียหายอะไรนะ ถ้าไก่ที่เราพูดถึงนั้นสวยและรู้จักทำงาน ไม่เหมือนแม่เรนนี่อะไรนั้น มีข่าวไม่เว้นแต่ละวัน”
“มันก็แค่ข่าวครับแม่ เรนนี่ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก”
“มันก็ต้องมีความจริงอยู่บ้างนั่นแหละ เพราะถ้าไม่จริงป่านนี้เธอคงฟ้องคนที่ปล่อยข่าวไปหมดแล้ว”
“เรนนี่บอกผมว่าเธอไม่อยากมีเรื่องครับ เดี๋ยวคนก็ลืมกันไปเอง”
“ไม่อยากมีเรื่องหรือกลัวว่าเรื่องที่ปิดไว้จะถูกขุดขึ้นมากันแน่” คุณกัลยาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เพราะเรนนี่ที่พูดถึงนั้นเป็นนางแบบที่มักจะมีข่าวฉาวและข่าวล่าสุดที่ได้ยินก็คือเรนนี่เป็นเมียน้อยของเสี่ยคนหนึ่งที่ค่อนข้างมีอิทธิพลในวงการบันเทิงเนื่องจากเธออยากจะขยับจากนางแบบไปเล่นละครกับเขาบ้างหญิง
“เราคุยกันเรื่องเลขาอยู่นะครับมา แล้วนี่วนมาเรื่องเรนนี่ได้ยังไงล่ะ”
“เอาล่ะ พ่อว่าเราคุยเรื่องนี้กันจบแล้ว ถ้าภายในสามวันนี้วัตถ์ยังหาเลขาที่ถูกใจไม่ได้ พ่อและแม่จะบอกอาทรงภพว่าให้หนูแพรมาเริ่มงานได้ทันที”
“ผมว่าคงไม่ต้องหรอกครับพ่อ” ทิวัตถ์พูดอย่างมั่นใจนาทีนี้เขาขอใครก็ได้ที่มีคุณสมบัติพอจะเป็นเลขาของเพราะถ้าให้ลูกสาวของคุณอาทรงภพมาทำงานด้วยเขาก็กลัวว่ามารดาและบิดาจะคิดวางแผนทำอะไรไปมากกว่านี้
ชายหนุ่มรู้ดีว่าบิดามารดาเคยพูดถึงลูกสาวของเพื่อนๆ ว่าอยากจะได้มาเป็นสะใภ้แต่เขาก็พยายามเลี่ยงมาตลอดเพราะแต่ละคนนั้นสวยไม่เท่าครึ่งของนางแบบสาวอย่างเรนนี่
“ถ้าวัตถ์มั่นใจแบบนั้นแม่ก็ขออวยพรให้ได้เลขาที่ถูกใจนะ”
“ขอบคุณครับแม่ คืนนี้ผมขอตัวกลับก่อนนะ”
“ดึกแล้วนะลูกไม่ค้างกับแม่เหรอ”
“ผมว่าจะไปหาอะไรดื่มสักหน่อย”
“เมาแล้วก็อย่าขับรถนะลูก” ผู้เป็นมารดาเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ครับแม่ ผมไม่ดื่มจนเมาหรอกครับ แค่อยากไปเจอเพื่อนๆ เท่านั้นเอง ไปก่อนนะครับ พ่อ แม่”
พอลูกชายคนเดียวออกไปจากแล้วคุณดิลกก็ถอนหายใจเพราะเรื่องที่เขาหวังนั้นมันกลับถูกลูกชายตัวดีปฏิเสธ
“แล้วแบบนี้เรากับบ้านนั้นจะได้เกี่ยวดองกันไหม น่าเสียดายนะ พี่อยากได้หนูแพรมาเป็นสะใภ้จริงๆ”
“น้องก็อยากได้ค่ะ ถ้าตาวัตถ์ได้เลขาแล้ว เราก็ให้หนูแพรไปทำงานตำแหน่งผู้ช่วยได้นี่คะ”
“แล้วลูกเราจะยอมเหรอกัลยา”
“ถ้าเราพูดแล้วเขาไม่ยอม ก็ต้องให้คุณทรงภพมาพูดเอง ลูกเราคงไม่กล้าปฏิเสธผู้ใหญ่หรอก”
“นั่นสิคะ พี่ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย แบบนี้ค่อยได้ลุ้นหน่อย หนูแพรทั้งสวยทั้งเก่งแบบนั้นถ้าหลุดมือไปพี่เสียดายแย่เลย