ตอน 1
ทำยังไงก็ได้ให้สมิธ รับเธอเข้าทำงาน เพื่อแลกกับชีวิตน้องชายของเธอ ไม่ต้องเข้าไปนอนหมดอิสรภาพในห้องขัง”ทันทีที่สาวหุ่นสวย หน้าเฉี่ยว ทรวดทรงองเอวโคตรหน้าเซี่ย ก้าวเข้าไปในห้องทำงาน ย่อตัวนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องท่านประธาน บริษัทเวลล์ชู บริษัทผลิตรองเท้าสตรีชื่อดังรายใหญ่ของประเทศ
“เงินสองล้านถ้าไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่มีใครให้กู้ง่ายๆ หรอกนะน้องดา”
สายตาสตีฟมองหญิงสาว เขาเป็นฝรั่งตัวใหญ่วัยสามสิบห้า ใบหน้าหล่อมาดนิ่งหนวดครึ้มล้อมกรอบจึงเหมือนหน้าดุ เอ่ยบอกความจริงแก่สาวสวย ลลิดา รุ่งเรืองเทวา (น้องดา) เกี่ยวกับงานที่เธอต้องทำ เพื่อแลกกับเงินก้อนใหญ่ เธอได้ตัดสินใจเข้ามาพบเขา เพื่อตกลงแลกเปลี่ยนกัน
“ให้ฉันทำอย่างอื่นไม่ได้หรือคะ” ถึงแม้ทำอาชีพพริตตี้รับงานทุกอย่าง เพื่อให้ได้เงินมาดูแลครอบครัว เธอก็ไม่เคยเอาตัวเข้าแลกกับเงินประทังชีวิตถึงขั้นนี้
“ใช้หน้าตาสวยๆ ของเธอ ให้เป็นประโยชน์สิน้องดา” สตีฟยกนิ้วไล้ไปตามสันกรามเรียวหญิงสาว ผู้หญิงคนนี้มีเครื่องหน้าสวยที่พระเจ้าประทานมาให้ น้อยคนนักจะมีโอกาส ได้เครื่องหน้าดี ไม่พึ่งมีดหมอเท่าเธอคนนี้ เอวเป็นเอว ก้นเป็นก้น ครบสูตรสัดส่วนความเป็นผู้หญิงเซ็กซี่ เพียงแต่ต้องปรุงแต่งให้มีจริตเพิ่มเติมเสียหน่อย จึงจะทำงานนี้สำเร็จ
“เอาละ ผมให้เวลาคุณคิดแค่ 24 ชั่วโมง” สตีฟยื่นคำขาด
“คุณสตีฟ” ทำไมเวลาในการตัดสินใจ มันถึงได้น้อยอย่างนี้ ซ้ำไม่ใช่งานง่ายๆ ด้วย ขอเวลาสักสามวันค่อยให้คำตอบไม่ได้หรือ หญิงสาวคนสวยต้องการพูดแบบนั้น หากว่าโดนท่านประธานยกนิ้วห้ามซะก่อน
“เชิญครับ” เขาผายมือเชิญหญิงสาว หมดธุระแล้วไม่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมที่ต้องตกลงกัน เพราะเงื่อนไขทั้งหมดถูกร่างลงในสัญญาเรียบร้อย
หญิงสาวเครียดมาก ออกจากสำนักงานของสตีฟ จึงแวะไปปรับทุกข์กับเพื่อน เหนื่อยเหลือเกินที่ต้องเผชิญกับปัญหาเพียงลำพัง คนจนทางเลือกในชีวิตถูกจำกัดอยู่ที่ตัวเงิน
“ทำเถอะ ฉันว่ายุติธรรมจะตาย แกจะไปหาเงินจำนวนมาก ยังงี้ได้ที่ไหน โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน” พอเพื่อนสนิทฟังเรื่องราวจากปากลลิดาจบ จึงเห็นสมควรว่ามันเหมาะสมดี
“ถ้าฉันโดนจับได้ อาจจะติดคุกได้นะพิมพ์ฐา”
“แกมีความสวย ท่าทางโฉบเฉี่ยว เซ็กซี่มากเชื่อฉัน สมิธ พอล อะไรนั่น ต้องหลงแกหัวปรักหัวปรำ เชื่อฉันลองเอาไปคิดดูนะ คนอื่นมากู้บอสของฉัน ส่วนใหญ่ต้องมีหลักทรัพย์มาค้ำประกันทั้งนั้นยกเว้นแก แถมต้องการใช้เงินด่วน บอสยอมจ่ายให้ เพื่อน้องแกได้ออกมาอยู่นอกกรงขัง ก็เพราะบอสเขาใจดีให้เงินแกไปก่อน ในฐานะที่ฉันรู้จักแก ฉันยืนยันว่าแกต้องหาเงินมาใช้คืนไม่เบี้ยว บอสเลยวางใจ”
“ขอบใจมากพิมพ์ฐา” ต่อให้เพื่อนพูดแบบนั้น เธอยังกลุ้มใจอยู่ดี
“เออ นิดหน่อยเอง ฉันก็แค่แนะนำ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับแก แต่ถ้าให้ฉันแนะนำอยากให้แกทำงานนี้นะ งานไม่ยาก แกทำมาทุกงานแล้วนี่ งานแค่นี้เองคนอย่างลลิดาต้องทำได้”
“คือฉัน...” ลลิดาไม่มีทางเลือก เธอยอมเป็นหนี้เพื่อครอบครัว นับได้ว่าเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิต
“แกมีแต่ได้กับได้นะดา ถ้าแกทำสำเร็จ แกอาจจะได้เป็นเมียเจ้าของบริษัท สบายทั้งแกและครอบครัวเลยนะ ส่วนบอสก็จะได้ในสิ่งที่อยากได้ แกได้ใช้หนี้โดยไม่ต้องคืนเงินให้บอสสักบาท นี่ไงยุติธรรมดีจะตาย”
“ดูแกเข้าข้างบอสจังนะพิมพ์ฐา”
“ไม่ได้เข้าข้าง ฉันแค่เห็นว่ามันมีแต่ผลประโยชน์ แกไม่เสีย ถ้าแกบากหน้าไปกู้คนอื่น คิดดูแกไม่มีหลักทรัพย์ไปค้ำประกัน ใครที่ไหนจะกล้าปล่อยให้แกกู้ เงินตั้งหลักล้านนะ”
“ใครว่าฉันไม่เสีย”
“เสีย ก็ถือว่าคุ้มกับสิ่งที่ได้” พิมพ์ฐากดศีรษะเพื่อนมาซบไหล่ พื้นฐานชีวิตลลิดาไม่สวยงามมาแต่ไหนแต่ไร แค่โชคดีเรื่องหน้าตาสะสวยกว่าเพื่อนร่วมห้องเรียนเดียวกัน จึงได้ใช้ความสวย ในการทำงานวงการ พริตตี้เอ็มซี รับงานเยอะแยะ ไม่ลืมหูลืมตา ทั้งหมดเพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว ความหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่ขายเนื้อขายตัว ทำให้ลลิดาก้าวช้ากว่า พริตตี้รุ่นเดียวกันหลายขั้น
วันหนึ่งเกิดเรื่องกับน้องชาย ส่งผลร้ายไปถึงพ่อ เรื่องของน้องชายทำให้ล้มป่วยเฉียบพลัน ลลิดาต้องหาเงิน เพื่อชดใช้ให้กับคู่กรณี ที่ชาลีขับรถชนจนเสียชีวิต โทษฐานที่พากันซิ่งไม่ใช้สนามแข่ง ใช้ท้องถนนเป็นที่ประลองความเร็ว พอพ่อรู้เรื่องเท่านั้นเอง จึงเกิดอาการช็อกหมดสติ ล้มป่วยจนต้องเข้าผ่าตัดขยายเส้นเลือด นอนโคม่าอยู่ในโรงพยาบาล
ลลิดาออกจากสำนักงานที่พิมพ์ฐาทำงาน กลับไปถึงบ้านเข้าห้องเก็บตัวเงียบ ดึงซองเอกสารออกมาอ่านรายละเอียด บันทึกสิ่งที่ตนต้องทำไว้ในโทรศัพท์มือถือ พิมพ์ไลน์ส่งข้อความสั้นๆ ไปบอกใครบางคน
เช้าวันใหม่หญิงสาวพารูปร่างอ้อนแอ้น ทรวดทรงที่แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉา ในความสมส่วนสวยงามอย่างหาที่ติไม่เจอ เข้าไปในห้องพักพื้นผู้ป่วยหลังผ่าตัด
“พ่อขอคำอวยพรให้ดา ทำงานใหม่สำเร็จเร็วๆ ด้วยนะคะ” ลลิดาจับมือพ่อแน่นเพื่อขอกำลังและคำอวยพร ยกมือพ่อวางบนศีรษะ ใช้เป็นกำลังใจในการทำงานใหญ่ ที่สุดในชีวิตลูกสาวคนหนึ่ง “คุณพยาบาลฝากพ่อด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ” พยาบาลยิ้มรับ