เริ่มงานวันแรก
เช้าวันอังคาร เวลาเจ็ดโมงครึ่ง ในวันที่ตะวันทอแสงบางเบา สายลมโชยโบก ถือว่าเป็นฤกษ์ดียามดีในการเริ่มงานวันแรก
ร่างของหญิงสาวนางหนึ่งก้าวลงจากรถเก๋งป้ายแดงสีขาว ที่คุณป้าซื้อให้เป็นของขวัญจบการศึกษาแถมยังได้งานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันมีชื่อเสียงในอันดับต้น ๆ ของประเทศ
เจ้าขา คือชื่อของสาวไทยใบหน้าสวยคม ผิวสีน้ำผึ้ง ผมสลวยสีดำขลับถูกรวบเก็บไว้เรียบร้อย รูปร่างอวบอัดอยู่ในชุดเดรสแขนยาวสีชมพูอ่อนทับด้วยเสื้อสูท ความยาวกระโปรงเลยเข่า เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งในคณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ กิริยามารยาทงดงามเพราะเติบโตมาจากการอบรมบ่มนิสัยอย่างเคร่งครัดของ คุณป้าแขไข ผู้โอบอุ้มเลี้ยงดูมาตั้งแต่เธอแบเบาะ หลังจากที่พ่อกับแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
เจ้าขาเติบโตมาได้อย่างใจคุณป้านัก สมกับที่ท่านเองก็ไม่ยอมแต่งงานเพราะรักหลานสาวเหลือเกิน ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ตั้งใจเรียน น่ารักเรียบร้อยวางตัวดีไม่มีบกพร่อง นั่นเป็นสิ่งที่ท่านภูมิใจ และยิ่งภูมิใจกว่าเมื่อเธอได้งานในตำแหน่งเลขานุการประธานบริษัท
หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองป้ายอันใหญ่ที่ติดอยู่บนตึกสูงอย่างภาคภูมิใจ
อัครมหาทรัพย์ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
“ น้องเจ้าขา มาถึงแล้วเหรอครับ ”
เสียงเรียกหนึ่งเรียกเธอออกจากภวังค์ หญิงสาวหันขวับไปเบื้องหลังก่อนจะฉีกยิ้มให้ชายร่างสูงโปร่งสวมแว่นผิวขาว แต่งกายด้วยชุดสูทสีน้ำเงินราคาแพงยี่ห้อดีมีระดับ เขาย่างก้าวเข้ามาใกล้ด้วยรอยยิ้มอบอุ่นประดับบนใบหน้าขาวตี๋เช่นเคย
“ สวัสดีค่ะ พี่ภพ พึ่งถึงเมื่อครู่นี่เองค่ะ ”
ธนภพ หรือ ภพ ชายคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย และ เป็นรุ่นหลานของบริษัทแห่งนี้ และแม่ของเขา นางธนวรรณ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท เจ้านายของเธอ
เมื่อนึกถึงข้อนี้ทีไรใจของเจ้าขาก็ห่อเหี่ยว คนอื่นคงค่อนขอดว่าที่ได้งานก็เพราะมีเส้นสาย แต่เธอมั่นใจว่าตนเองได้งานก็เพราะความสามารถ เธอเข้าทดสอบแข่งขันภาคปฏิบัติและสัมภาษณ์เหมือนกับคนอื่น ๆ อีกร่วมสิบคนทุกประการ และเธอก็มั่นใจว่าทำได้ดีทีเดียว พิมพ์ดีดภาษาไทยความเร็วที่สี่สิบเจ็ดคำ ภาษาอังกฤษอยู่ที่สี่สิบคำต่อนาที พูดภาษาต่างชาติได้สามภาษา คือ อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังใช้โปรแกรมสำนักงานพื้นฐานทางคอมพิวเตอร์ได้อย่างคล่องแคล่ว นึกถึงตรงนี้ได้ก็รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะเธอได้ทุกอย่างมาด้วยความสามารถทั้งนั้น
เจ้าขาเอ่ยทักทายพร้อมส่งยิ้มสดใสกลับไปให้เช่นกัน
“ ถึงแล้วทำไมไม่โทรหาพี่ล่ะครับ พี่จะได้รีบมารับ ดูสิข้าวของพะรุงพะรัง เดี๋ยวพี่ช่วยถือนะครับ ” เขาว่าพลาง เอื้อมมือไปคว้าแฟ้มและกระเป๋ามาถือไว้เสียเอง
“ ขอบคุณพี่ภพนะคะ อันที่จริงเจ้าขาถือเองก็ได้ เกรงใจน่ะค่ะ ”
“ ไม่เป็นไรเลยค่ะ พี่เต็มใจ เจ้าขาก็รู้ดีนี่ ”
เขาว่าพลางส่งยิ้มแพรวพราวมาให้ หัวใจหญิงสาวเต้นผิดจังหวะไปนิดหน่อย
แหม ใครจะมีภูมิคุ้มกันกับผู้ชายสไตล์โอปป้าแถมยังเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลกแบบนี้กันนักหนาล่ะ
อันที่จริงสมัยที่ยังเรียนอยู่นั้นธนภพก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเธอนัก เขาเป็นรุ่นพี่ปีสี่ เจ้าขาอยู่ปีหนึ่ง เห็นหน้าค่าตากันก็แค่ตอนรับน้อง แต่มาเริ่มสนิทกันก็เมื่อเจ้าขาได้ฝึกงานก่อนจบบริษัทในเครือของที่นี่ แล้วธนภพไปเยี่ยมชมงาน จึงได้ทักทายและแลกไลน์ แลกเฟซบุ๊กเพื่อติดต่อกันอีกครั้ง และตั้งแต่นั้นก็ได้คุยกันมากขึ้น นัดพบเพื่อทานอาหารบ้าง แต่เจ้าขาค่อนข้างจะหวงเนื้อหวงตัว ธนภพเองก็เป็นสุภาพบุรุษที่มีความอดทนพอควร ทุกอย่างจึงไม่คืบหน้าไปเท่าไรนัก
“ พี่รอได้ รอวันที่เจ้าขาพร้อม ”
นั่นคือคำมั่นของธนภพที่มีให้เจ้าขา
“ แล้วจอดรถไว้ตรงไหนครับ ”
“ ลานจอดรถฝั่งซ้ายค่ะพี่ภพ ”
“ ไม่รู้จะขับมาให้ลำบากทำไม พี่บอกว่าจะไม่รับก็ไม่ยอม ”
“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ให้เจ้าขาขับมาเถอะ คุณป้าแข จะได้ดีใจที่ใช้ของขวัญของท่าน แล้วอีกอย่างท่านก็คงจะไม่ชอบใจเท่าไรนักที่เราจะนั่งรถกันมาสองต่อสอง อย่างสุดท้ายคือพี่ภพเป็นผู้บริหารที่นี่ ถ้าหากขับรถรับส่งพนักงานก็ไม่น่าจะดูดีนัก ถูกไหมคะ ” เขายิ้ม
“ โอเคครับ พี่ไม่กล้าเถียงอะไรทั้งนั้น ยกให้เจ้าขาถูกหมดทุกข้อ เพราะพูดอะไรก็แย้งพี่หมด ” เธอหัวเราะร่วน
“ เจ้าขาไม่ได้แย้งนะคะ แค่ยกเหตุผลมาชี้แจง ”
“ จ้า ไม่ได้แย้งก็ไม่ได้แย้ง แล้วนี่ทานข้าวมาหรือยัง ”
“ เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่ภพก็ทราบนี่คะว่าเจ้าขาต้อง ทานมื้อเช้าก่อนที่จะออกจากบ้าน ไม่อย่างนั้นคุณป้าไม่ยอม ”
“ นั่นสินะ คุณป้านี่ทั้งรักทั้งหวงหลานสาวคนเดียวอย่างกับไข่ในหิน แต่ยังไงเสียวันหนึ่งพี่ก็ต้องเอาชนะใจน้องเจ้าขาให้ได้ ” เขาว่าอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ หญิงสาวได้แต่ก้มหน้างุด ไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น