บท
ตั้งค่า

ตอนที่4 ร้ายอย่างคุณต้องเจอคนอย่างฉัน

หลังการเจรจาในครอบครัววันนั้น มันก็เป็นผลที่ทำให้วันถัดมาสิงหราชมีคุณเลขาเจ้าจันทร์มานั่งทำงานร่วมกันในห้องวันนี้

สิงหราชให้คนจัดโต๊ะใหม่ให้คุณเลขาในห้องของเขา เพื่อให้ตัวเขาสามารถจับตาดูคนคนนี้ได้

และก็พบว่าตัวเขาเองรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากที่ในสายตาได้มองเห็นใบหน้านิ่งๆ ของเธอ

อันที่จริงนอกจากใบหน้านิ่งเรียบกับใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาอย่างพวกรอยยิ้มการค้า เขาเองก็ไม่เคยเห็นว่าเธอจะแสดงสีหน้าอย่างอื่นออกมาอีก

ดังนั้นเมื่อวันก่อนที่เขาทำให้เธอหงุดหงิดใจได้นั้นก็นับว่าน่าสนุกอยู่ไม่น้อย

"คุณควรจะทำงานนะคะ ไม่ใช่มานั่งจ้องหน้าฉันทั้งชั่วโมงแบบนี้"

"ใครจ้อง"

"แต่ดิฉันเห็นค่ะ" เจ้าจันทร์เอ่ยตอบเสียงเรียบพลันช้อนตาขึ้นมองเขา

"งั้นแปลว่าคุณก็จ้องผมอยู่ทั้งชั่วโมงเหมือนกันน่ะสิ"

สิงหราชยกยิ้มตอบกลับหน้าตาย จะให้เขาทำอะไรในเมื่องานของเขามันเสร็จหมดแล้ว เอกสารสำคัญที่ต้องจัดการของวันนี้ก็พิจารณาอ่านและเซ็นไปจนหมดแล้วด้วย

เจ้าจันทร์ทอดมองใบหน้ายียวนนั้นก็ได้แต่นึกหงุดหงิดอยู่ในใจ

เธอไม่มีอะไรจะต่อว่าเขาได้ เพราะคุณสิงหราชคนนี้ดันเป็นพวกหัวไว ทำงานรวดเร็วและมีประสิทธิภาพจนเธอหาข้อติไม่ได้ การทำงานของเขาไม่ใช่การทำเพียงส่งๆ แต่ทุกสิ่งผ่านการคิดวิเคราะห์มาดีแล้วทั้งหมด

เป็นคนที่เก่งจนน่าหมั่นไส้จริงๆ

"ถ้าคุณว่างแล้ว อย่างนั้นก็ลองอ่านเอกสารพวกนี้ดูก็แล้วกันค่ะ เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทคู่ค้าที่เราต้องไปเจรจาในช่วงบ่ายนี้"

หญิงสาวขยับลุกจากที่นั่ง เดินตรงไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่กลางห้อง ในขณะที่เธอวางแฟ้มให้เขาอ่าน    สีหราชกลับขยับกายลุกขึ้นพลางบิดไปมาราวกับเกียจคร้าน

เขาทำท่าจะเดินออกจากห้องขณะที่ปากก็บอกว่าไม่อ่านแล้ว ขี้เกียจอ่าน จนเจ้าจันทร์ต้องขยับเข้าไปยืนขวางหน้าเอาไว้

"จะไปไหนคะ คุณสิงหราช"

"ไปหาอาหารตาอาหารใจ พ่อผมคงจะบรีฟคุณแล้วใช่ไหมล่ะ ว่าห้ามผมออกไปเล่นซน ห้ามควงสาวเข้าบริษัทน่ะ"

"รู้แล้วก็ยังจะทำงั้นเหรอคะ" เจ้าจันทร์ขมวดคิ้ว

"ผมไม่ได้จะควงสาวเข้าบริษัท ก็แค่จะเดินไปเยี่ยมชมพนักงานของตัวเองก็แค่นั้น"

ได้ยินคำตอบนั้นเจ้าจันทร์ก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก ดวงตาคู่สวยภายใต้กรอบแว่นนั้นช้อนขึ้นมองคนตรงหน้า จนสิงหราชที่มองอยู่ก็เผลอชะงักไปเหมือนกัน

ดูเหมือนเขาจะตาฝาดไป คิดว่าดวงตาภายใต้กรอบแว่นนั้นน่าสนใจและน่าหลงใหลอย่างแปลกประหลาด

"คงไม่ได้จะลงไปหาสาวๆ เด็กฝึกงานที่คุณรับเข้ามาด้วยเหตุผลส่วนตัวหรอกนะคะ"

เธอดักทางอย่างรู้ทัน

"ไม่ให้หิ้วไปกินข้างนอกก็จะกินกันข้างใน นี่ก็นับเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีในบริษัทมากค่ะ"

"ให้ตายเถอะ ผมล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ เรื่องนี้มันเรื่องธรรมชาตินะคุณ ต่อให้ผมจะกินใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ ถ้ามันไม่กระทบงานก็น่าจะพอแล้วนี่ ผมไม่เห็นว่านี่จะทำให้บริษัทเสียหายตรงไหนเลย"

สิงหราชกล่าวไปตามที่ตัวเขาเองคิด เขาอยู่ต่างประเทศมานาน เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เห็นว่าจะมีใครสนใจสอดจมูกเข้าไปยุ่ง

จะควงใครไปไหนก็ได้ทั้งนั้น ในเมื่อเรื่องงานก็คือเรื่องงาน ขอแค่ทำงานได้ดีก็ไม่มีใครมาสนใจหรอกว่าคุณจะใช้ชีวิตเหลวแหลกอย่างไรบ้าง

ต่างจากที่ประเทศไทยนี่ จะควงใครทีก็เป็นข่าว ไม่เข้าใจเลยว่าการละเมิดความเป็นส่วนตัวคนอื่นกับการทุ่มความสนใจให้ข่าวฉาวมันจะช่วยทำให้คนเสพข่าวเจริญขึ้นหรืออย่างไร

เขาจะคบใครควงใครต้องขออนุญาตสื่อด้วยหรือ?

เขาไม่ได้พรากผู้เยาว์ ไม่ได้ข่มขืนหรือทำร้ายคู่นอนเสียหน่อย ทำไมคนเราจะต้องอยากรู้เรื่องราวชีวิตรักๆ ใคร่ๆ ของคนอื่นด้วยเล่า

"ฉันเข้าใจว่ามันไม่กระทบงาน แต่มันกระทบภาพลักษณ์ของคุณค่ะ"

"เฮอะ บ้าไปแล้ว"

พอได้ยินเขาสบถออกมาอย่างนั้นเจ้าจันทร์ก็รีบพูดต่อ

"คุณสิงหราช คิดตามหลักการทำงานของคุณแล้วคือดูคุณภาพงานมากกว่าใช่ไหมคะ งั้นถ้ามีคนที่เก่งเท่าคุณ แต่ภาพลักษณ์ดีกว่าคุณ ในสังคมที่ยึดเอาภาพลักษณ์ภายนอกเป็นสำคัญแบบนี้ เขาจะเลือกใครมากกว่ากันคะ?"

"…"

"ฉันยอมรับว่าคุณเก่งมาก เด็ดขาด บริหารงานได้ดีกว่าคนทุกรุ่นที่เคยผ่านมา และฉันก็รู้ว่าคุณเคยได้ใช้ชีวิตอิสระ แยกงานแยกเรื่องส่วนตัวชัดเจน แต่ในสังคมที่นี่มันไม่เป็นอย่างนั้น คุณพอจะเข้าใจที่ฉันจะสื่อไหมคะ?"

"เฮ้อ น่ารำคาญชะมัด"

แม้จะไม่อยากเข้าใจ แต่สิงหราชก็รู้ดีว่าเขาเองเข้าใจคำพูดนั้นเป็นอย่างดี เขาโตจนป่านนี้แล้ว มีวุฒิภาวะมากพอที่จะรู้ว่าควรทำอะไร

เพียงแต่บางครั้งมันก็น่าอึดอัด โดยเฉพาะกับตัวเขาที่ไม่อาจทำอะไรได้ดั่งใจไปเสียทุกเรื่อง

เขายังคงค้นหาบางสิ่งที่จะทำให้เขากลับมาเป็นปกติเหมือนคนอื่นๆ

และเพราะเขายังไม่ได้สิ่งนั้นมา เขาถึงได้หงุดหงิดใจอยู่แบบนี้ ถึงได้พยายามตามหาวิธีไปเรื่อยๆ หาใครสักคนที่อาจจะช่วยเขาได้

"ถ้าอ่านงานตรงนี้เสร็จ คุณจะไปพักก็ได้ค่ะ แค่อย่าให้เป็นที่จับตามองนักก็พอ"

"เห็นฉันเป็นเด็กรึไง ฉันแค่อยากออกไปยืดเส้นยืดสาย นั่งก้มหน้านานๆ มันปวดคอจะแย่"

ชายหนุ่มบ่นออกมาแต่ก็ยอมกลับไปนั่งที่เก้าอี้ของตนเองตามเดิม

เจ้าจันทร์นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง เธอตัดสินใจเดินอ้อมไปด้านหลังโดยมีสิงหราชมองตามทุกการกระทำของเธออยู่

ในตอนนั้นเองที่เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างนั้น มือของเจ้าจันทร์ก็ค่อยๆ ออกแรงบีบนวดตามแนวไหล่ ทั้งตำแหน่งและแรงที่ใช้ก็พอดิบพอดีเสียจนชายหนุ่มเคลิบเคลิ้ม

สิงหราชรู้สึกไม่ต่างจากการได้นวดในร้านเลยสักนิด อาการปวดล้าทั้งหมดเหมือนค่อยๆ ถูกทำให้หายไป จนเหลือไว้เพียงความสบายและผ่อนคลายเท่านั้น

"อะไรกันนี่ ถ้าไม่บอกว่าคุณเป็นเลขา ผมจะคิดว่าคุณเป็นดาวหมอนวดแล้วนะ"

เจ้าจันทร์ไม่ได้ตอบอะไร เพราะเธอเองก็เคยทำงานในร้านนวดมาก่อนจริงๆ นั่นแหละ

เพราะความขัดสนของที่บ้านทำให้เธอต้องหางานพิเศษทำไปทั่ว เธอเรียนเกี่ยวกับการนวดจนได้ใบประกอบวิชาชีพ ทั้งสาขาเภสัชกรรมไทยและสาขาการนวดไทยเธอก็ได้มาแล้ว

ตอนนั้นได้ทั้งเงินจากที่ร้านจ้าง และยังได้ทั้งเงินพิเศษที่ลูกค้าให้ มีเงินไปจ่ายค่าเทอมได้สบายๆ

นอกจากนั้นก็ยังมีงานอื่นๆ อีกหลายงานที่เจ้าจันทร์เคยทำ

ทั้งงานทำความสะอาด ล้างจานตามร้านอาหาร งานเสิร์ฟเหล้าตามผับบาร์และร้านเหล้า อะไรที่จะทำให้ได้เงินมาใช้จ่ายในครอบครัวเธอก็ทำทั้งหมด ขอแค่ไม่ใช่งานผิดกฎหมายหรือต้องขายร่างกาย เธอก็ทำทั้งนั้น

แน่นอนว่าความจนมันน่ากลัว…โดยเฉพาะกับครอบครัวที่มีหนี้สิน

"อ่าาา...อยากหลับสักตื่นจังเลยนะ" เสียงบ่นของสิงหราชมาพร้อมกับการที่เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นแล้วพิงพนักเก้าอี้เอาไว้

เจ้าจันทร์ก้มลงมองคนที่จ้องหน้าเธออยู่ เห็นว่าเจ้าตัวดูจะอารมณ์ดีขึ้นจากเมื่อครู่ก็ค่อยๆ ผละมือออกไป

"ถ้าไม่ไหวจริงๆ จะนอนพักก็ได้ค่ะ ดิฉันจะไปทำงานส่วนของตัวเองต่อแล้วเหมือนกัน"

ในจังหวะที่เจ้าจันทร์กำลังจะเดินกลับไปที่โต๊ะ สิงหราชที่คิดว่าเขายังอยากให้เธอนวดต่อให้อีกก็รีบคว้าข้อมือของเธอเอาไว้

เพียงแต่เพราะแรงดึงที่มากเกินไป กับเจ้าจันทร์ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวว่าจะถูกรั้ง ทำให้เธอล้มเข้าใส่เขาเสียเต็มแรง

สองมือของเธอรีบหาที่ยึดเกาะอัตโนมัติจนไปคว้าเข้ากับแนวบ่าทั้งสองข้าง เข่าข้างหนึ่งเกยขึ้นไปบนเก้าอี้ และอยู่กลางระหว่างขาทั้งสองข้างของสิงหราชพอดิบพอดี

อ่าาา...ท่านี้มัน

ตึกตัก ตึกตัก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel