บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 แลกเปลี่ยน

ช่วงเช้าของวันถัดมา ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบของบ้านหลังใหญ่ ในห้องทำงานสีทึบของผู้เป็นเจ้าของบ้านวัยหกสิบห้าปี กลับปรากฏร่างของชายวัยกลางคนถึงสองคน

คนหนึ่งคือลูกชายคนโต อีกคนคือลูกชายคนเล็ก คนเป็นน้องมีสีหน้าติดจะไม่พอใจ ส่วนคนพี่มีอย่างเดียวคือสีหน้าจริงจังจนกดดันคนอื่นๆ

และใช่ สองหนุ่มที่ว่านั่นคือสิงหราชกับเหมราช สองพี่น้องของบ้านเลิศวัฒนทรัพย์

"พี่ก็มีเลขาอยู่แล้ว ยังคิดมาเอาตัวเลขาของผมอีกเหรอ รู้ไหม ถ้าไม่มีคุณเจ้าผมก็แย่ดิ" เหมราชกล่าวอย่างไม่ยินยอมเมื่อพี่ชายเอ่ยขอเลขาของเขาให้ไปช่วยงานเจ้าตัวเป็นการชั่วคราว

ขอที่ไหนไม่ขอ ดันมาพูดต่อหน้าพ่ออีกต่างหาก

"ก็แลกกับเลขาฉันไง ไม่ได้ขโมยเลขาแกมาเปล่าๆ ซะหน่อย อีกอย่างก็แลกกันไม่นาน เข้าใจไหมว่าชั่วคราวน่ะ จะเล่นใหญ่ทำเพื่อ?"

"เอ้า แล้วเรื่องอะไรผมต้องเสียคนเก่งๆ ไปให้พี่ด้วยล่ะ คนเก่งคนดีแถมไม่คิดปีนเตียงเจ้านายแบบคุณเจ้า หาได้อีกที่ไหน คนก่อนๆ นั่นนอกจากทำงานไม่ดีวันๆ ยังเอาแต่อ่อย กว่าผมจะได้เลขาคนนี้มาก็เลือดตาแทบกระเด็น"

สิงหราชขมวดคิ้ว เขารู้ว่าเลขาของน้องชายทำงานได้ดีมาก เก่งพอๆ กับเลขาส่วนตัวของเขาเลยก็ว่าได้ แต่ในเมื่อเขาเองก็ยอมแลกเปลี่ยนกับเลขาของตัวเอง ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าน้องชายจะยังยืนกรานอย่างนี้ ดูเหมือนเลขาเจ้าจันทร์คนนั้นจะมีอะไรดีๆ อีกเยอะเลยสิท่า

ถ้าอย่างนั้นมันก็ยิ่งคุ้มที่เขาจะดึงตัวมา ได้ทั้งงานทั้งความแน่ใจว่าเธอจะไม่ปากโป้งเรื่องความลับของเขา คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

"ผมต้องแย่งกับบริษัทคู่แข่งตั้งเท่าไหร่กว่าจะทำให้เลขาเจ้าเลือกมาทำงานกับเรา กว่าจะทำให้เธอยอมรับในความสามารถของผมในฐานะเจ้านายได้ก็ไม่ง่ายเลยนะพี่ คนนี้ผมไม่แลกแน่ๆ อะ พี่ไปหาคนอื่นเถอะ"

"พอ ๆ หยุดกันเลย ฉันนั่งฟังพวกแกเถียงกันมานานแล้ว ไหน...ทำไมแกต้องมาไล่บี้น้องเพราะเลขาคนเดียวด้วย เลขาแกก็ใช่จะไม่มีฝีมือ แล้วจะต้องแลกกันให้วุ่นวายไปทำไม"

คราวนี้แม้แต่ผู้เป็นพ่อก็ยังเห็นด้วยกับเหมราช

สิงหราชดูออกว่าอดีตท่านประธานไม่เห็นด้วย แต่แล้วอย่างไรเล่า เขาควรยอมง่าย ๆ หรือ

มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มเมื่อสมองอันชาญฉลาดขบคิดหาข้อเสนอดีๆ ได้สำเร็จ เขามั่นใจว่าตัวเขาจะต้องได้คุณเลขาคนนั้นมาทำงานด้วยแน่ ๆ ไม่ว่าอย่างไรทั้งพ่อและน้องชายก็ต้องยอมรับเหตุผลนี้

"อันที่จริงช่วงนี้เลขามือซ้ายของผมชักจะไม่ค่อยได้เรื่อง ผมเลยตั้งใจจะลดให้ไปอยู่ตำแหน่งที่ต่ำกว่าเดิมเพื่อกระตุ้นกันสักหน่อย แล้วผมก็อยากได้เลขาไอ้เหมเพราะเธอดูจะทำหน้าที่ได้ดี การดึงเธอขึ้นมาจึงเป็นการให้โอกาสเธอได้เพิ่มประสบการณ์การทำงาน"

"อ้าว งั้นพี่ก็จงใจโยนคนไม่ได้เรื่องลงมาให้ผมอ่ะดิ"

กับเรื่องนี้สิงหราชก็มีทางออกรออยู่แล้วเช่นกัน

เขามั่นใจว่าทั้งคู่คงมีข้อมูลอยู่ในมือ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องไม่น้อย เพราะเป็นโครงการที่ได้ทั้งเงินได้ทั้งชื่อเสียงและเครดิตดี ๆ นั่นไงล่ะ หากพูดไปแล้วไม่ว่าใครก็ต้องยอมลงให้เขาทั้งนั้น

"ฉันไม่ได้จะให้เธอลงไปคนเดียวซะหน่อย นี่ก็จะให้ผู้ช่วยเลขามือขวาไปช่วยแกด้วย ไม่กระทบกับงานของแกหรอกน่ะ อีกอย่าง มันก็แค่ชั่วคราวไหม แกก็รู้ว่าช่วงนี้ต้องแข่งกันประมูลโครงการรัฐบาล ฉันอยากมั่นใจว่าเราจะคว้าโปรเจกต์นี้ได้สำเร็จ เพราะมันเกี่ยวพันไปถึงโปรเจกต์ต่อไปด้วย"

เหมราชฟังแล้วก็เกิดลังเล งานส่วนของเขาในช่วงนี้ไม่มีอะไรสำคัญมากมายนักหรอก แค่จัดการงานเก่า ๆ ที่ดีลไว้ให้เรียบร้อยก็ใช้ได้แล้ว

แต่โปรเจกต์สำคัญที่อยู่ในมือพี่ชายต่างหากที่มันสร้างกำไรมหาศาลให้กับบริษัท และเมื่อพูดถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับมาแล้ว มันก็คุ้มค่ามากจริง ๆ กับการยอมให้เลขาของเขาไปช่วยงานพี่ชายเป็นการชั่วคราว

"พ่อเห็นว่ายังไงครับ"

"น่าสนใจ แต่ยังไม่พอ"

ผู้เป็นบิดาตอบกลับนิ่ง ๆ เหมราชอ้าปากค้างไปแล้วที่ท่านประธานใหญ่ยังไม่พอใจกับข้อเสนอนี้

กำไรตั้งมากตั้งมายยังไม่มากพอให้ตกลงอีกหรือ ขนาดเขาที่เป็นเจ้านายของเลขาเจ้าจันทร์ยังยอมตกลงในใจไปแล้วเลย

"เรื่องผลประโยชน์ก็ส่วนผลประโยชน์ แต่ภาพลักษณ์ก็สำคัญไม่แพ้กันไม่ใช่รึไง แกกล้ารับปากไหมล่ะเจ้าเล ว่าจะสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองขึ้นมาใหม่ ข่าวคาว ๆ ทั้งหลายนับจากนี้อย่าให้มีเล็ดลอดมาถึงหูฉัน เรื่องเวลาทำงานก็ด้วย เลิกเข้าครึ่งวันลาครึ่งวัน เลิกไอ้นิสัยทำงานตามอารมณ์ของแกซะด้วย"

"ผมเข้างานครึ่งวันก็จริง แต่ก็ไม่เคยทำให้เสียงานไม่ใช่รึไงครับ ผมไม่โอเคถ้าพ่อจะมาจำกัดกันแบบนี้" สิงหราชกล่าวด้วยน้ำเสียงที่บอกชัดว่าเขาไม่พอใจกับข้อเสนอของอดีตท่านประธาน

เรื่องควงผู้หญิงยังพอว่า แต่เรื่องมาจำกัดเวลาการทำงานนี่มันไม่ไหวจริง ๆ

"เออ...แกอาจจะเก่ง อาจจะทำงานได้ดี แต่ถ้าแม้แต่ซีอีโอยังเข้างานไม่เป็นเวลา ลอยไปลอยมาแบบนี้ คิดไหมว่าพนักงานจะมองยังไง ถ้าทุกคนคิดแบบแกกันหมด จะมีพนักงานคนไหนมาทำงานบ้าง ไม่ทำงานอยู่ที่บ้านกันหมดหรอกเหรอ"

"…"

"อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกเพิ่งจะยกเลิกดีลงานเพราะไม่ชอบขี้หน้าประธานบริษัทฝ่ายนั้น"

คำพูดนี้ของพ่อทำเอาสิงหราชถอนใจเฮือก ไม่มีเรื่องใดพ้นหูพ้นตาไปได้เลยหรือไงกัน

"จริงอยู่ในวงการธุรกิจมันอาจหลีกเลี่ยงการมีศัตรูคู่แข่งไม่ได้ แต่มันก็ไม่จำเป็นที่แกจะต้องสร้างศัตรูไปทั่ว ข้อเสนอของฉันถ้าแกรับไม่ได้ก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก จะไม่มีการแลกตัวใครทั้งนั้น"

ถูกยื่นคำขาดมาเสียขนาดนั้น สิงหราชก็ได้แต่เก็บความขุ่นเคืองใจเอาไว้

ที่จริงเขาก็อยากเถียงอยู่หรอกว่าบริษัทมันมาได้ไกลขนาดนี้ก็เพราะการทำงานของเขาทั้งนั้น ที่ผ่านมาก็ทำกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี เพิ่มยิ่งกว่าตอนที่พ่อของเขาบริหารอยู่เสียอีก

ทั้งที่บริษัทเติบโตได้ดีและไม่เคยมีปัญหาจากเรื่องการทำงานไม่เป็นเวลาของตัวเขา เท่านั้นก็น่าจะมากพอให้บิดาพอใจแล้วแท้ๆ

เฮ้อ...

เถียงออกไปในตอนนี้ก็คงมีแต่ทะเลาะกันเสียเปล่า ๆ แลกกับเลขาฝีมือดีที่สามารถดึงตัวมาใช้งานได้จนกว่าจะจบโปรเจกต์ เขาจะยอมตามเกมพ่อตัวเองไปก่อนก็ได้!

"ตกลงครับ" เขาตอบอย่างคิดมาดีแล้ว "ผมจะเข้าทำงานเป็นเวลา ส่วนเรื่องอื่นไม่ขอรับปาก เพราะผมมองไม่เห็นประโยชน์ที่จะต้องฝืนร่วมงานกับคนที่ไม่ชอบขี้หน้า"

"แกนี่นะ"

คนเป็นพ่อหน้าตึงขึ้นมาเลยเชียว

"อย่าพึ่งโมโหสิครับ ที่ผมพูดมานี่พ่อลองคิดตามดูก็ได้ คนอย่างผมมีความสามารถพอที่จะหาบริษัทอื่นที่มีประสิทธิภาพมาร่วมงานได้ดีกว่าอยู่แล้ว ผมถอยให้แล้วก้าวหนึ่ง พ่อก็ถอยให้ผมสักก้าวแล้วกัน"

"..."

คำพูดมัดมือชกของลูกชายตัวดีไม่อาจทำให้คนเป็นพ่อค้านได้อีก นอกเสียจากยอมถอยหนึ่งก้าวอย่างที่ไอ้ลูกตัวแสบมันต้องการ

"อย่าดีแต่ปากก็แล้วกัน" อดีตประธานบริษัทว่าทิ้งท้ายก่อนจะเดินหนีอย่างสุดจะปวดหัวกับเรื่องบ้า ๆ ของลูกชาย

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel