ตอนที่ 5 คู่แค้น
ช่วงนี้เป็นปลายฝนต้นหนาวพอตกกลางคืนบ้านพักตากอากาศที่ถูกสร้างเอาไว้ตรงเนินเขาดูเงียบสงบ ต้นไม้ใบหญ้ายังคงดูเขียวชอุ่มเพราะยังมีความชุ่มชื่นจากฝนที่ตกลงมาบางเล็กน้อย
สิงหราชนั่งทอดสายตามองไปยังรีสอร์ตที่พึ่งเป็นเจ้าของ ยอมรับถึงความมือใหม่หัดบริหารงานในรูปแบบนี้ แต่เงินที่ลงทุนไปจะไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอนเขาคิดในใจ เจ้าของเก่าวางระบบทุกอย่างเอาไว้ได้ดีเขาเพียงปรับแต่งระบบบางอย่างใหม่เล็กน้อยเพื่อให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง
กองเอกสารวางอยู่ด้านข้างแต่เขาเหนื่อยล้าเกินกว่าจะหยิบขึ้นมาอ่าน พรุ่งนี้เขาคงต้องออกเดินตรวจร้านค้าต่าง ๆ บ้างแล้ว เพราะวันนี้เขายังมองเห็นร้านค้าบางร้านมีการตกแต่งใหม่
จำนวนคนที่มาเที่ยวไร่มีมากจนเขาคิดไม่ถึง เพราะก่อนที่จะซื้อได้มาเข้าพักทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวอยู่หลายวัน จึงพอรู้บ้างว่าที่นี่มีอะไรและจุดไหนที่ต้องปรับเปลี่ยนใหม่
เขายังคงทอดมองบรรยากาศในยามค่ำคืนในบ้านพักตากอากาศที่แสนสงบ เขาไม่เคยสงบใจได้มากขนาดนี้คงเป็นเพราะเคยอยู่ร่วมชายคากับครอบครัวมานานหลายปี พอได้แยกออกมาอยู่คนเดียวก็ชักชอบใจ
สิงหราชเก็บเอกสารที่หอบออกมานั่งอ่านนอกระเบียงตั้งแต่ตอนเย็น หลังจากที่เสือกลับไปเขาก็เริ่มทำงาน อาหารเย็นยังไม่ตกถึงท้องทั้งที่ตอนนี้ใกล้สองทุ่มแล้ว
อยากสั่งอาหารให้มาส่งแต่เขากลับอยากออกไปชมบรรยากาศแถวนี้บ้าง จึงขับรถออกมาจากบ้านพักเส้นทางดูเปลี่ยวเพราะรอบด้านเต็มไปด้วยป่าเขา แต่ขับออกมาเพียงหนึ่งกิโลเมตรก็เจอกับถนนใหญ่
เขาขับรถมุ่งหน้าตรงเข้าตัวอำเภอเพราะไร่ที่เขาอยู่นั้นห่างจากตัวอำเภอสิบกว่ากิโลเมตร แถวนี้หาร้านอาหารนั่งทานตอนกลางคืนยากไม่เหมือนตัวจังหวัดที่เขาอยู่ซึ่งมีตลาดโต้รุ่งให้เลือกทานอาหารได้หลากหลาย
ขับรถมาไม่นานเขามองเห็นแสงไฟสว่างที่บ่งบอกว่ามีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ด้านหน้า เสียงตีไฟเลี้ยวส่งสัญญาณว่าต้องการหักพวงมาลัยจอดตรงร้านข้างทางที่มีคนนั่งอยู่สามโต๊ะจากสี่โต๊ะ
สิงหราชลงจากรถแล้วเดินตรงไปสั่งบะหมี่เกี๊ยวน้ำพิเศษแล้วหาที่นั่ง รอไม่นานก็ได้กลิ่นอาหารที่สั่ง คนที่นั่งทานอยู่ก่อนทยอยลุกออกไป และยังมีลูกค้าขาประจำหลายคนที่เห็นว่าพ่อค้าดูคุ้นเคยกับลูกค้าที่เข้ามาอุดหนุน
เขานั่งซดบะหมี่เกี๊ยวไปเพลิน ๆ กลับได้ยินเสียงหวาน ๆ ที่กำลังสั่งอาหารอยู่ด้านหลังจึงหันไปมอง หญิงสาวคนหนึ่งเดินมานั่งที่โต๊ะพร้อมกับเพื่อนสาวอีกคน
“แมรี่ มึงมองอะไร?” ปรีดาหันมองไปตามเพื่อนจึงเห็นว่าแมรี่กำลังมองผู้ชายอีกโต๊ะ แต่เธอมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดมากนักเพราะสายตาสั้น
“ผู้หล่อ มาคนเดียวด้วยนะ” สายตาแวววาวดูสนใจ เหมือนอยากคาบคนหล่อกลับไปกินที่บ้านหากแต่ถูกปรีดาเบรกเอาไว้เสียก่อน
“เช็ดน้ำลายก่อน ผู้หล่อไม่อิ่มเหมือนข้าว กินข้าวก่อนเถอะกูหิว” เธอเปิดกล่องเพื่อหยิบช้อนกับตะเกียบมาเตรียมเอาไว้เมื่อเห็นพ่อค้าเดินถือชามสองใบมาทางนี้
“มึงนี่ตาไม่ถึงของเลย นี่อาหารตาไง ท้องไม่อิ่มถ้าอย่างอื่นอิ่มข้าวไม่กินก็ได้” คำพูดแฝงความนัยสิบแปดบวก แมรี่ยังคงส่งสายตาอ่านกินไปให้ผู้ชายโต๊ะนั้นอยู่เนือง ๆ
สิงหราชรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาทางเขา น่าสนใจ! สัญชาตญาณของนักล่ากำลังสั่งให้เขาอ่อยเหยื่อ แต่สุดท้ายความคิดนั้นก็ต้องหยุดลงเพราะได้ยินชื่อของตัวเอง
“พี่สิงห์!! ใช่จริง ๆ ด้วย” แมรี่ที่นั่งนึกอยู่นานว่าหน้าคุ้น ๆ เพื่อนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามสำลักก๋วยเตี๋ยวออกทางจมูก
“ว่าอะไรนะ!!” ปรีดารีบคว้ากระดาษทิชชูมาเช็ดอย่างรวดเร็ว แค่ได้ยินชื่อนี้เธอก็ทำให้กระเดือกอาหารตรงหน้าไม่ลงแล้ว
คนที่ถูกขานชื่อนั่งตัวแข็งเพราะไม่รู้จักพวกเธอมาก่อน ซวยแล้วไง! หากเคยเป็นคู่นอนของเขามาก่อนเรื่องคงไม่จบเพียงเท่านี้ แต่เขาตรวจเช็กรอยหยักในสมองแล้วไม่เคยมีความทรงจำของหญิงสาวทั้งสองคน
“ลุกเลย” ปรีดาพูดกับแมรี่ที่กำลังส่งยิ้มไปให้ผู้ชายที่เรียกชื่อ
“กูยังไม่ได้กินเลย มึงจะรีบไปไหน”
“ไปกินร้านอื่น” เธอลุกขึ้นแล้วดึงให้แมรี่เดินตามออกมา
“เดี๋ยวก่อน! นี่มึงยังไม่หายเกลียดเขาอีกเหรอ” แค่มองหน้าคำว่า ‘เกลียด’ ก็แปะอยู่บนหน้าผากของปรีดา พอเข้าใจได้นี่สินะที่เขาว่าแค้นฝั่งหุ่นไม่ต้องให้ผุดให้เกิดกันชาตินี้
“ยิ่งกว่าเกลียดแค่รู้ว่าต้องใช้อากาศหายใจร่วมกันกูยังไม่อยากอยู่ใกล้เลย” เธอไม่แม้แต่จะมองไปหาสิงหราช ต่างจากผู้ชายอีกคนที่เดินเข้ามาใกล้
“พี่จำฉันได้ไหม” แมรี่หันไปยิ้มให้เขา “แมรี่ไงเพื่อนของปริม”
“ขึ้นใจเลย” สิงหราชตอบกลับ แล้วมองไปยังหญิงสาวอีกคน ความสวยทำให้เขาเผลอมองเธอเพลินไปหน่อย ต่อให้อีกคนมองเขาด้วยสายตาเกลียดชังก็ยังดูน่ารัก คนอะไรสวย! แถมน่ารักเป็นบ้า! อยากได้!
“มาทำอะไรแถวนี้คะ ไม่ได้เจอกันนานหล่อกว่าเมื่อก่อนอีก พี่มีแฟนหรือยัง” แมรี่ถามต่อเป็นชุด
“มากินข้าว ตอนนี้โสด” เขาไม่ได้มองหน้าแมรี่แต่กลับให้ความสนใจไปยังผู้หญิงอีกคน จนได้ยินเสียงถอนหายใจของแมรี่เขาถึงได้มองกลับมาหาเธอ
“พี่สิงห์สนใจเพื่อนฉันเหรอคะ” แมรี่เอามือปิดปากหัวเราะ มองไปยังปรีดาที่ถลึงตาใส่เธอ แต่ไม่สะทกสะท้านหรอกยะ! ที่สนใจคือสายตาของผู้หล่อตรงหน้าที่ดูเหมือนสนอกสนใจในตัวของปรีดา
“ไปไหนต่อไหม” เขาเริ่มอยากอ่อยเหยื่อจึงชวนทั้งสองสาวไปหาที่ดื่มต่อ
“ไม่ค่ะ ว่างมาก” แมรี่รีบตอบกลับรวดเร็ว เหมือนกำลังอยากแย่เพื่อนเล่น
“มึงไปคนเดียวแล้วกันกูจะกลับง่วงนอน” ปรีดาเดินผ่านหน้าของเขาไป แต่ดันลืมว่าเธอขับรถไม่ได้เพราะไม่ได้สวมแว่น ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เดินไปเตะหม้อก๋วยเตี๋ยว
“อิปริมรอกูก่อน!” แมรี่วิ่งตามหลังของเพื่อนมาที่รถยนต์ของตัวเอง “ใจเย็นฟังกูก่อน”
“กูไม่ชอบยังไปคุยกับเขาอีก”
“มึงใช้สมองคิดหน่อยซิ! นี่ไม่ใช่โอกาสที่มึงจะแก้แค้นคืนเหรอ เขาจำมึงไม่ได้มันเป็นสิ่งที่ดีไม่ใช่เหรอ ดูสิเขามองตามมึงอยู่นะเชื่อกู สานสัมพันธ์ไปก่อนรอเวลาเอาคืนไง”
“ไม่เอา กูไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนแบบนี้ กูจะกลับ” ปรีดาเด็ดขาดยังไงก็ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายชั่วคนนี้ ขนาดสาปแช่งให้ตายวันล่ะสิบครั้งก็ยังอยู่ครบสามสิบสองส่วน แถมยังหล่อมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีก!
“ใจเย็นก่อน โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยนะ มึงรู้ไหมว่าแก้แค้นแบบไหนถึงจะซะใจ” แมรี่ยิ้มอย่างคนมีแผน มีแค้นก็ต้องชำระสิบปีกว่าก็ยังไม่สายเกินกว่าจะแก้แค้น
“มึงแน่ใจนะ ไม่ใช่โยนเนื้อให้เสือกินนะ” ปรีดาขมวดคิ้ว “จะไปต่อไหนมึงดูสภาพแต่งตัวก่อนเถอะ”
“เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมไม่ต้องห่วง หลังรถก็มีทุกชุดเครื่องสำอางเพียบ!” ทุกอย่างพร้อมออกรบ! แมรี่จัดให้! เสียงดีดนิ้วทำให้ปรีดาหัวเราะเสียงแห้ง ต่างจากอีกคนที่ดูสนใจเหมือนกำลังได้ทำในสิ่งที่ชอบ
“งั้นเอาที่ปลอดภัยหน่อย กูขอย้ำนะ เอาที่ปลอดภัย!” คำพูดเธอเหมือนเป็นคำตอบ ก่อนที่แมรี่จะเดินไปหาสิงหราชที่ยืนรออยู่ที่ข้างรถของเขาเอง
“เจอกันที่ร้านขุนเขา พี่รู้จักไหมถ้าไม่รู้จักเดี๋ยวส่งโลให้แอดไลน์หน่อยค่ะ” แมรี่ยื่นโทรศัพท์ของตัวเองไปให้เขาแอดเพื่อนทันที
“เจอกันกี่โมง” เขาก้มหน้าก้มตาแอดเพื่อน เมื่อเสร็จแล้วจึงยื่นโทรศัพท์คืนให้สายตามองเลยไปยังหญิงสาวอีกคนที่ขึ้นไปนั่งรอบนรถ
“สี่ทุ่มแล้วกันค่ะ ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะคะ” แมรี่เอี้ยวตัวกลับขึ้นมาบนรถนั่งประจำที่คนขับ