บทที่ 6 คล้ายคนรักเก่า
บทที่ 6 คล้ายคนรักเก่า
ฟางซูลี่ยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินซ่งเว่ยหลงเอ่ยชมตนเองเช่นนี้ แม้เขาจะหลงตนเองแต่นางก็ชื่นชอบเขาเหมือนเดิม
เพราะเขามีใบหน้าที่คล้ายกับรักแรกของนางในชาติก่อน ยุคปัจจุบันที่นางตายจากมา
อาเว่ยของนาง รักแรกที่นางรักจนหมดใจ เขากับนางมีอาชีพเป็นนักฆ่าเหมือนกัน และวางแผนจะแต่งงานกัน แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ตายจากนางไปเสียก่อน
ท้ายที่สุดนางก็ถูกสังหารเช่นเดียวกับอาเว่ย การเป็นนักฆ่าโดยมีอาชีพบังหน้าเป็นนางแบบ ท้ายที่สุดก็ถูกศัตรูตรวจสอบตัวตนจนพบ และสังหารนางจนตาย
แต่สวรรค์ยังมีเมตตา ให้นางย้อนเวลากลับมาเกิดใหม่อีกคราที่ต้าหยวน และได้พบกับเขาอีกครา
ซ่งเว่ยหลงคร้านจะสนทนากับฟางซูลี่ให้มากความ เขาปรายตามองนางคราหนึ่งก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
"ขออภัยที่ข้าถีบแม่นาง อย่าได้ถือสา ข้ามีงานต้องสะสางขอตัวก่อน"
"ช้าก่อน!!!"
ซ่งเว่ยหลงที่กำลังหันหลังเตรียมเดินจากไปพลันชะงักในทันที ก่อนจะหันไปมองฟางซูลี่อย่างรำคาญ
"มีเรื่องอันใดอีก?"
"ข้ามีนามว่าซูลี่ เรียกข้าว่าลี่เอ๋อร์ก็ได้ ท่านเล่ามีนามว่าอันใด?"
ซ่งเว่ยหลงไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เขาโยนก้อนทองให้นางหนึ่งก้อน ก่อนจะเอ่ยอย่างหงุดหงิด
"ข้าไม่ชอบเจรจากับคนแปลกหน้า ขอตัวก่อน หวังว่าจะไม่ได้พบกันอีก"
เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้ฟางซูลี่ขมวดคิ้วยืนอยู่เพียงลำพัง นางก้มลงหยิบก้อนทองที่ซ่งเว่ยหลงโยนทิ้งไว้ให้มาถือเอาไว้ ก่อนจะเก็บใส่ในอกเสื้ออย่างรวดเร็ว
หล่อแล้วยังรวยอีกต่างหาก!!!
ฟางซูลี่กลับมาที่เรือนรับรองในเวลาต่อมา โชคดีที่บิดาของนางมิได้ใส่ใจเท่าใดนัก จึงไม่รู้ว่านางแอบออกไปเที่ยวเตร่ที่ด้านนอกมา
ด้านซ่งเว่ยหลงที่กลับมาถึงวังหลวงก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์เป็นชุดสีดำปักลวดลายมังกรสีทองดูน่าเกรงขาม ขันทีคนสนิทรีบร้อนเข้ามายกชาชั้นดีถวายอย่างเอาอกเอาใจ เขายื่นมือไปยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม ก่อนจะหันไปเอ่ยกับขันที
"เจ้าจงไปตามแม่ทัพจ้าวมาพบข้า"
"พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท"
ผ่านไปราวครึ่งก้านธูป แม่ทัพจ้าวก็เดินทางมาถึงวังหลวงในทันที
"ถวายพระพรฝ่าบาท"
ซ่งเว่ยหลงหันไปมองแม่ทัพจ้าวก่อนจะเผยรอยยิ้มสนิทสนมออกมา แม่ทัพจ้าวผู้นี้มีนามว่า จ้าวลู่เยียน เป็นสหายสนิทของเขามาตั้งแต่วัยเยาว์ บิดาของจ้าวลู่เยียนต่อสู้รวมแคว้นข้างกายท่านพ่อจนสามารถก่อตั้งต้าหยวนได้สำเร็จ จ้าวลู่เยียนเองก็ร่วมรบกับเขาเช่นเดียวกัน เสด็จพ่อจึงแต่งตั้งแม่ทัพจ้าวเป็นโหว เมื่อบิดาของจ้าวลู่เยียนแก่ชราลง จ้าวลู่เยียนจึงรับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่และตำแหน่งโหวแทนผู้เป็นบิดา
"อาเยียน ยามนี้พวกเราอยู่กันตามลำพัง เจ้าไม่จำเป็นต้องมากพิธีกับข้าเช่นนี้"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นจ้าวลู่เยียนจึงยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับซ่งเว่ยหลง
"อาเว่ย เจ้าอยากพบข้ามีเรื่องอันใดหรือ?"
"เรื่องเหมืองแร่เหล็ก ยามนี้ดำเนินการไปถึงขั้นใดแล้ว"
จ้าวลู่เยียนยกถ้วยชาขึ้นดื่มก่อนจะเอ่ยตอบ
"ยามนี้ข้ากำลังเกณฑ์เหล่าชาวบ้านที่มีฝีมือในการตีเหล็กและทำอาวุธเข้ามาที่เหมืองแร่เหล็ก เพื่อเตรียมทำอาวุธสงครามเก็บไว้ในคลังหลวง"
"การจะตีอาวุธมิใช่เรื่องง่าย เจ้าต้องเลือกช่างฝีมือให้ดี"
"เจ้าวางใจเถิด ข้าย่อมมิอาจให้มีข้อผิดพลาด"
"ข้าไว้ใจเจ้าที่สุดอาเยียน เจ้าเป็นทั้งสหายสนิทและขุนนางที่ภักดี"
"ข้าย่อมเต็มใจปกป้องต้าหยวนด้วยชีวิต"
"เช่นนั้นอีกสองวันข้าจะไปดูด้วยตนเอง"
"ได้"
"พวกเรามิได้ร่ำสุรากันมานานแล้ว วันนี้เจ้าอยู่ร่ำสุรากับข้าเสียหน่อยเถิด"
"เอาสิ"
ซ่งเว่ยหลงสั่งให้ขันทีและนางกำนัลนำสุราชั้นเลิศและอาหารอย่างดีออกมาวางจนเต็มโต๊ะ เสียงของคนทั้งสองที่พูดคุยสนทนากันอย่างสนุกสนานเป็นเช่นนี้อยู่เกือบค่อนคืน จ้าวลู่เยียนจึงขอตัวลากลับจวน
ยามเช้าของวันต่อมา ฟางซูลี่ตื่นขึ้นมาล้างหน้าและอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เพื่อเตรียมตัวเข้าวังหลวงไปร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง นางสวมเพียงชุดสีชมพูปักลวดลายดอกกุ้ยฮวา ใบหน้ามิได้แต่งแต้มทาชาดจนหนามากเท่าใดนัก เพียงใช้ปิ่นหยกปักบนมวยผมก็ขับให้นางงดงามหวานล้ำหาสิ่งใดเทียม
ในขณะที่กำลังรอรถม้าจากวังหลวงมารับ ฟางซูลี่ก็สัมผัสได้ถึงสายตาอิจฉาตาร้อนที่มองมายังนาง
ฟางซูลี่ปรายตามองก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อย สตรีน้อยสามนางที่มองนางคือสตรีต่างแคว้นที่เดินทางมาเข้าวังเป็นพระสนมเช่นเดียวกับนาง
เหอะ!!! แต่งหน้าหนาเตอะปานฉาบปูนเช่นนี้ช่างน่าขบขันยิ่งนัก!!!