บทย่อ
นางเป็นฮูหยินที่ถูกต้อง แต่เขากลับเฉยชาใส่ มีเพียงบนเตียงเท่านั้นที่เขาเร่าร้อนจนนางแทบมอดไหม้ จ้าวจื่อรั่วอายุเพียงสิบหกปีเป็นลูกอนุของเสนาบดีสกุลจ้าว ถูกสับเปลี่ยนตัวมาเป็นเจ้าสาวมาแต่งงานกับแม่ทัพที่ชายแดนใต้ กู้ตงหยางบุรุษหนุ่มอายุยี่สิบสี่ปีฉายาแม่ทัพปีศาจที่แสนเหี้ยมโหด "เจ้าติดค้างข้า ไม่ว่าจะเล่นลิ้นอย่างไร เจ้าย่อมรู้ดีว่าสกุลจ้าวปลิ้นปล้อน เจ้าอย่าได้หวังว่าจะได้อยู่อย่างสุขสบายเลย" พูดจบชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หญิงสาวได้แต่นั่งเพียงลำพัง แม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ก็อดเศร้าใจไม่ได้ ชีวิตนางจะได้พบความสุขเช่นคนอื่นบ้างไหม.
ตอนที่ 1 สับเปลี่ยนเจ้าสาว
นางเป็นฮูหยินที่ถูกต้อง แต่เขากลับเฉยชาใส่
มีเพียงบนเตียงเท่านั้นที่เขาเร่าร้อนจนนางแทบมอดไหม้
แนะนำตัวละคร
จ้าวจื่อรั่ว : อายุสิบหกปี ลูกอนุของเสนาบดีสกุลจ้าวถูกสับเปลี่ยนตัวมาเป็นเจ้าสาวมาแต่งงานกับแม่ทัพที่ชายแดน
กู้ตงหยาง : อายุยี่สิบสี่ปี ฉายาแม่ทัพปีศาจ
จ้าวเฟยฉี จ้าวเฟยหลิง : น้องชายร่วมมารดาของจ้าวจื่อรั่ว
เฉียวฉู่ : บุตรสาวของเฉียวโจว เจ้าเมืองต้าเหลียง
สับเปลี่ยนเจ้าสาว
จ้าวจื่อรั่วนั่งอยู่ในห้องหอเพียงลำพัง เจ้าบ่าวไม่ได้มาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว หลังเสร็จสิ้นพิธีต่างๆ เขาก็หายไป แรกทีเดียวนางเข้าใจว่าเขาคงไปดื่มสุรากับเหล่าทหารของเขา ทว่านางนั่งรอจนฟ้าใกล้สางแล้วจึงมั่นใจว่าเขาไม่กลับเข้ามาอย่างแน่นอน
ช่างเถิด จะว่าเขาก็ไม่ได้
ฮ่องเต้มีราชโองการให้หญิงสาวสกุลจ้าวแต่งงานกับแม่ทัพแดนใต้นามกู้ตงหยาง เดิมทีคนที่ต้องแต่งงานควรเป็นบุตรสาวจากภรรยาเอก แต่ชื่อเสียงของแม่ทัพแดนใต้ที่แสนเหี้ยมโหดและต้องเดินทางมาใช้ชีวิตชายแดนอันแสนห่างไกล ฮูหยินใหญ่ไม่สามารถตัดใจยกลูกสาวแสนรักให้ออกเรือนได้ บิดาผู้เป็นเสนาบดีก็เห็นดีเห็นชอบกับความคิดของฮูหยิน จึงสับเปลี่ยนเจ้าสาวให้นางซึ่งเป็นลูกของอนุเดินทางมาแต่งงานกับแม่ทัพกู้ตงหยาง
นางเดินทางมาเพื่อแลกกับชีวิตความเป็นอยู่ของน้องชายอีกสองคน มารดาของนางสิ้นใจหลังคลอดน้องชายคนเล็กได้ไม่นานนัก นางจึงเป็นทั้งพี่สาวและแม่ ยามนี้เพื่อให้น้องชายมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตามที่ฮูหยินใหญ่รับปาก นางจึงยอมเดินทางไกลเพื่อเป็นเจ้าสาวของแม่ทัพปีศาจ-กู้ตงหยาง
เดือนทางแรมรอนมาหนึ่งเดือน ว่าที่เจ้าบ่าวดูไม่ยินดียินร้ายกับเจ้าสาวที่ถูกสับเปลี่ยนตัวนัก ในราชโองการก็ไม่ได้ระบุชื่อตัว การที่สกุลจ้าวส่งนางมาแต่งงานก็ไม่เรียกว่าผิดอันใด แต่แน่นอนว่าชื่อเสียงพี่สาวของนางนั้น เป็นหญิงงามเป็นหนึ่งในเมืองหลวง คงทำให้กู้ตงหยางไม่พอใจที่ได้เห็นสตรีไร้ชื่อเสียงและหน้าตาแสนธรรมดาอย่างนาง พิธีแต่งงานก็จัดแบบไม่ได้ใส่ใจนัก คล้ายงานสังสรรค์ดื่มสุราของเหล่าทหารเสียมากกว่า ขันทีที่ติดตามมาจากเมืองหลวงก็ดูเพียงว่าแม่ทัพกู้รับนางไว้เรียบร้อยแล้วรีบกลับโดยเร็ว
บางทีนางคิดว่าตนฝันไป แค่ลืมตาก็อยู่ที่จวนสกุลจ้าว แต่ยามนี้นางรู้แล้วว่า มันคือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
จ้าวจื่อรั่วเลิกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวด้วยตนเอง แต่เพราะนั่งนานจึงเมื่อยขาอยู่บ้าง นางยื่นมือทุบขาตัวเองให้หายเมื่อยก่อนลุกขึ้นยืนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะเป็นเพียงลูกอนุจึงไม่มีสาวใช้ข้างกาย เดินทางจากเมืองหลวงก็มีเพียงสินเดิมติดตัวมาเล็กน้อย เวลานี้ไม่มีใครปรนนิบัติดูแลก็ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแต่อย่างใด
วันเวลาผ่านมา
ใครเลยจะคิดว่า…
นางเข้าจวนเข้ามาครึ่งเดือนยังไม่พบหน้าเขา
แต่เมื่อแม่ทัพใหญ่กลับเข้ามา ก็มาพร้อมกับหญิงสาวนางหนึ่ง ได้ยินบ่าวไพร่พูดคุยกันว่า ท่านแม่ทัพไปล้อมทลายรังโจร ยึดทรัพย์สินที่โจรปล้นไปกลับมาด้วย และหนึ่งในของมีค่าคือหญิงงามที่ถูกฉุดมา
แม้เขาไม่ได้ออกคำสั่งกับนางโดยตรง แต่ให้พ่อบ้านมารายงานเพื่อให้นางจัดห้องพักให้หญิงงามผู้นั้น จ้าวจื่อรั่วเม้มริมฝีปากครุ่นคิดก่อนเอ่ยปากให้จัดห้องพักใกล้เรือนของท่านแม่ทัพ แม้สั่งการบ่าวไพร่ไปแล้ว แต่นางยังไม่มั่นใจจึงเดินไปดูด้วยตนเอง ทว่าไม่คิดว่าเมื่อก้าวเท้าเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงหัวเราะกังวานใส แต่สิ่งที่ทำให้นางไม่กล้าขยับเท้าเข้าไปใกล้ก็คือบุรุษผู้นั้นยืนอยู่ใกล้หญิงงามที่อยู่ในชุดสีแดงสดใส
"ท่านแม่ทัพ ที่นี่สวยมาก ข้าชอบมาก” หญิงงามพูดพลางหมุนตัวไปมา กระโปรงสีแดงสวยพลิ้วไหวราวกลีบดอกไม้ ทว่าเท้าของนางเสียหลักเกือบหกล้ม แต่มือใหญ่ของท่านแม่ทัพประคองไว้ได้ทัน
ภาพใกล้ชิดสนิทสนมนี้บาดใจจ้าวจื่อรั่วนัก แต่นางกลับฝืนยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบาก่อนยอบกายคาวะแม่ทัพกู้อย่างเต็มพิธี
“จ้าวจื่อรั่วคารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” นางเกรงว่าเขาจะจำหน้านางไม่ได้จึงแนะนำพูดไปเช่นนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเพียงเขาปรายตามองเล็กน้อย
“เจ้าเป็นหัวหน้าสาวใช้หรือ?” หญิงงามพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าชื่อเฉียวฉู่”
จ้าวจื่อรั่วสบตากับแม่ทัพหนุ่ม เขาไม่ขยับปากพูดแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ แสดงว่าเขาคงต้องการให้ผู้อื่นเข้าใจไปเช่นนั้น คิดได้ดังนั้นนางจึงไม่ปริปากพูดสิ่งใดได้แต่ยิ้มน้อยๆ เท่านั้น
“ข้าหิวแล้ว”
“ประเดี๋ยวจะให้คนยกอาหารมาให้” นางเอ่ยเพียงแค่นั้นก็เห็นมือใหญ่ของท่านแม่ทัพประคองหญิงงามเข้าไปด้านในโดยไม่เอ่ยคำพูดใด
“ฮูหยิน ท่าน...”
สาวใช้ในจวนแม่ทัพย่อมต้องดูสีหน้าท่านแม่ทัพเป็นหลัก แต่เห็นภาพเมื่อครู่แล้วก็อดสงสารฮูหยินไม่ได้ แรกๆ บ่าวไพร่ในจวนก็ไม่ค่อยพอใจที่จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ส่งหญิงสาวที่ใดไม่รู้มาให้แต่งงานกับท่านแม่ทัพ แต่เมื่ออยู่ด้วยกันหลายวันเข้าก็รู้สึกว่าฮูหยินผู้นี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอันใดนัก หนำซ้ำยังจิตใจดีไม่ข่มเหงบ่าวไพร่ และใช้ชีวิตเรียบง่ายในจวนอย่างเงียบสงบ
“ข้าจะไปดูในครัว เจ้าหาสาวใช้ไว้ที่นี่สักคนเผื่อแม่นางเฉียวฉู่ต้องการเรียกใช้”