ฮันนี่เมียร่วมรัก : EP.9 HONEY’ S DADDY
"ซี้ด..อะ..โอ๊ย" ร่างบางค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นพิงกับเตียงนอนเล็กน้อย เธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่า แต่เขาก็ยังใจดีห่มผ้าให้เธอก่อนที่จะเดินจากไป
"แบร์บราวน์" ฮันนี่เอ่ยชื่อของผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง สาวสวยยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
เธอลูบหน้าท้องตัวเองอย่างจุกแน่น พอเปิดผ้าห่มออกก็พบคราบเลือดแห้ง ๆ ตามเรียวขาและร่องรอยคราบน้ำกามของเพลย์บอยหนุ่มที่ฝากเอาไว้บนเรือนร่างของเธอ
ดวงตาคู่สวยมองตรงไปที่กระจกภายในห้อง ยอมรับว่าเธอตกใจกับสภาพของตัวเองไม่น้อยเลย ทั้งรอยดูดที่ลำคอ รอยแดงตามเนื้อตัว เธอมองสภาพร่างกายของตัวเองก่อนจะปาดน้ำตาทิ้งไปทันที
ฝ่ามือเล็กค่อย ๆ สอดไปใต้ผ้าห่มหนา และลูบสัมผัสที่กลีบเนื้อของเธอเบา ๆ
"..เฮ่อ..อึก.." ริมฝีปากสั่น ๆ ของเธอครวญครางอย่างแผ่วเบาด้วยความเจ็บปวด ร่องรักของเธอบวมเป่ง แดงช้ำอย่างเห็นได้ชัด จากการทารุณของผู้ชายที่เพิ่งรู้จักได้สามวันคนนั้น
ร่างบางสะบัดหัวเล็กน้อยก่อนจะรีบคว้าโทรศัพท์ข้างหัวเตียงมาดูเวลา
"เฮ้อ..กี่โมงแล้วเนี่ย" เธอถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่งอกที่ยังเช้าอยู่ เพราะวันนี้เธอมีเรียนในช่วงบ่าย แต่ยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นจากเตียง จู่ ๆ โทรศัพท์ในมือของเธอก็สั่นขึ้นมาและสายเรียกเข้าแต่เช้าตรู่ก็ไม่ใช่ใครอื่น..
(สายเรียกเข้า : พ่อ)
"พ่อ.." เธอเอ่ยขึ้นเบา ๆ อย่างลังเลใจที่จะกดรับสายของเขา แต่สุดท้ายแล้วร่างบางก็จำต้องกดรับอยู่ดี
"ฮัลโหลพ่อ" ฮันนี่พยายามข่มเสียงให้เป็นปกติ และเอ่ยทักทายคนเป็นพ่อกลับไปทันทีหลังจากกดรับสาย
(ทำไมเสียงแหบล่ะ..ไม่สบายเหรอ?) ปลายสายเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"หนูน่าจะเป็นหวัดลงคอน่ะ" เธอตอบปลายสายไปพร้อมกับลูบลำคอของตัวเองเบา ๆ เพียงแค่กลืนน้ำลายยังรู้สึกแสบ ๆ อย่างอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน
(อืม..อย่าให้ป่วยหนักแล้วกัน!) คนเป็นพ่อตอบกลับเธอด้วยเสียงเรียบเฉย
"ค่ะ" ฮันนี่ตอบไปเพียงสั้น ๆ เพราะเธอรู้ดีว่าพ่อไม่เคยเป็นห่วงหรือสนใจไยดีอะไรในตัวเธอทั้งนั้น
(แล้วเรื่องมหาลัยเป็นไงบ้าง?) ปลายสายเอ่ยถามต่อทันที
"ก็ดีค่ะ....จริง ๆ ปีหนึ่งยังเรียนไม่หนักเท่าไหร่" ฮันนี่รู้สึกระบมไปทั้งตัวและไม่มีเรี่ยวแรงเลย แต่เธอก็พยายามฝืนเปล่งเสียงตอบคำถามของพ่อไปอย่างไม่ทันคิด
(ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องเรียน ทำไมแกมันช่างโง่จังเลยวะฮันนี่!!) พ่อขึ้นเสียงด่ากราดเธอผ่านโทรศัพท์มาจนลำโพงแทบจะแตก
"…" ฮันนี่ขบกรามแน่นไม่กล้าจะเถียงกลับไป
(ที่ฉันอยากรู้คือ แกจับผัวรวย ๆ ผัวลูกเศรษฐีได้สักคนรึยัง?!!) น้ำเสียงแข็งกร้าวกระแทกสวนกลับมาทันที
"…" ร่างบางหลับตาลงเม้มปากแน่น อย่างไม่กล้าพูดอะไรต่อ เมื่อพ่อของเธอตวาดกลับมาแบบนั้น
(แกก็น่าจะรู้ว่าที่ฉันส่งแกเรียนมหาลัยเอกชนอันดับหนึ่งของประเทศเพื่ออะไร?) คนเป็นพ่อพูดต่อด้วยท่าทีดุดัน เมื่อลูกสาวของเขาไม่เป็นดั่งที่ใจหวัง
"หนูก็พยายามอยู่นี่ไง...แต่มันไม่ง่ายเลยนะพ่อ" ร่างบางพูดไปทั้งน้ำตา เพราะเธอไม่รู้เลยว่าเธอจะระบายความเครียดนี้ให้ใครฟังได้บ้าง และจะมีใครบ้างที่เข้าใจเธอจริง ๆ
(ฉันคิดว่าแกได้แม่แกมาแค่เพียงหน้าตา ที่ไหนได้แกดันเอาสมองโง่ ๆ ของอีนั่นมันมาด้วย!) เขายังคงสบถต่อเธอต่ออย่างไม่ยอมหยุดง่าย ๆ แถมยังด่าลามไปถึงเรื่องแม่ของเธอด้วย
"พ่อ..อย่าลามปามถึงแม่ได้ไหม!" ฮันนี่เอ่ยสวนกลับไปอย่างสุดทน
(กตัญญูต่อมันจริง ๆ เลยนะ ทั้ง ๆ ที่มันแค่คลอดแกออกมา แต่ฉันเนี่ยคือคนที่ส่งเสียเลี้ยงดูแกจนโต!) ปลายสายแดกดันกลับมา
"ถ้าพ่อจะโทรมาหาเรื่องหนู ไว้ค่อยคุยทีหลังเถอะนะ..หนูจะรีบออกไปเรียนอะ" ฮันนี่เตรียมจะกดวางสาย แต่แล้วเสียงของคนเป็นพ่อก็ดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
(ฉันให้เวลาแกอีกสามเดือน...ถ้าแกยังหาผัวรวย ๆ มาช่วยซัปพอร์ตธุรกิจที่บ้านของฉันไม่ได้) หนุ่มใหญ่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าทุกครั้ง
(ฉันก็คงต้องตัดใจส่งแกไปเป็นเมียน้อย ท่านบารมีซะ!) เขาพูดกับลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองอย่างเลือดเย็น
"พ่อ..นี่หนูเป็นลูกพ่อนะ" ฮันนี่เอ่ยถามกลับไปทั้งน้ำตาอาบสองแก้ม
(ก็เพราะแกเป็นลูกฉันไง ฉันจะทำอะไรกับแกก็ได้!) คนเป็นพ่อตวาดกลับมาทันที
(หรือว่าแกอยากให้บ้านเราล้มละลาย ไม่เหลืออะไรเลยสักอย่างฮะ?) เขาย้ำอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเครียดไม่แพ้กัน
(ฉันดูแลแกมาตั้ง 19 ปีมันถึงเวลาที่แกต้องทดแทนบุญคุณของพ่อผู้ให้กำเนิดแล้วไหม?) ปลายสายพูดย้ำอีกครั้ง และมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทวงบุญคุณเธอแบบนี้
"…" ฮันนี่ทำได้แค่กำโทรศัพท์ไว้แน่นและร้องไห้ออกมาเบา ๆ
(ฉันให้เวลาแกอีกสามเดือนเท่านั้น เพราะถ้าแกอายุมากกว่านี้มันยิ่งเสียราคารู้ไหม) ปลายสายยังคงพูดร่ายยาวไม่ยอมหยุด
(ใคร ๆ เขาก็อยากได้เด็กอายุ 17-18 กันทั้งนั้น!) เขาบ่นพึมพำ ๆ ทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น
(ฉันโทรมาบอกแกแค่นี้แหละ!)
(เดี๋ยวฉันจะต้องไปสิงคโปร์ แต่หวังว่ากลับมาแกจะมีเรื่องดี ๆ ให้ฉันได้ภูมิใจในตัวแกบ้างนะ!) หลังจากที่พูดจบคนเป็นพ่อก็ตัดสายไปทันที โดยไม่รอให้เธอได้พูดลาใด ๆ
ตู๊ด ๆ ๆ (เสียงโทรศัพท์ถูกกดตัดไป)
"ทำไมหนูต้องเกิดมาเป็นลูกของพ่อด้วยนะ" ฮันนี่พยายามเข้มแข็ง แต่สุดท้ายเธอก็ต้องร้องไห้ออกมาอยู่ดี
หลังจากที่พ่อวางสายไปสักพักเธอก็รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ทำผม แต่งหน้าให้สวยเหมือนทุก ๆ วัน ไม่เคยมีวันไหนเลยที่เธอปล่อยเนื้อปล่อยตัว อาจจะเพราะการถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กด้วย ทำให้เธอดูโตเกินไปหรือจะเรียกว่าแก่แดดเกินอายุก็ว่าได้ แต่ทั้งหมดนี้มันก็คือความต้องการของพ่อ
แป้งพัฟหนากดทับลงตามรอยดูดแดงช้ำ ตามลำคอ ก่อนที่จะตบท้ายด้วยทาลิปสติกสีแดงเพื่อปิดบังใบหน้าโทรม ๆ ของเธอก่อนจะลุกจากโต๊ะเครื่องแป้ง
หยิบชุดนักศึกษาไซซ์ XS และกระโปรงทรงเอสั้น ๆ มาสวมใส่ ฉีดน้ำหอม YSL Black Opium กลิ่นออกหวานปนฉุนหน่อย ๆ ให้อารมณ์เซ็กซี่ ยั่วยวนแต่ลึกลับ
หลังจากยืนหมุน หน้ากระจกเล็กน้อย เมื่อสวยเป๊ะแล้วเธอจึงจะยอมก้าวขาออกไปจากห้อง
ตามจริงแล้วฐานะทางบ้านของเธอไม่ได้แย่เลย ถือว่ารวยในระดับหนึ่งเลยด้วยซ้ำไป แต่ด้วยความทะเยอทะยานของพ่อ เขายอมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้มีหน้ามีตาในสังคมชั้นสูง ไม่เว้นแม้แต่เอาลูกสาวคนเดียวของตัวเองไปนำเสนอให้กับบรรดาพวกผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ ในแวดวงสังคม
Athena University (มหาวิทยาลัยอธีน่า) ATNU
ตึก BBA (คณะบริหารธุรกิจ)
ในขณะที่ฮันนี่เดินเข้ามาในเขตของคณะบริหาร เพื่อที่จะเตรียมตัวเข้าเรียนในช่วงบ่าย และแค่เพียงเธอเดินเข้ามาใน เขตของตึก BBA ฮันนี่ก็ตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่ม ๆ เกือบทุกคนที่อยู่แถว ๆ นั้น ทุกคนมองตามเธอแบบเหลียวหลัง ส่วนทางด้านสาว ๆ พวกหล่อนก็มองเธอเช่นเดียวกัน เพียงแต่เป็นการมองด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไรนัก