๒.๒ รอยสวาทชีคทมิฬ
“ผมนึกว่าคุณติดใจรสจูบของเราเมื่อคืนจนนึกอยากจะมาสานต่อให้จบเสียอีก”
“กรุณาอย่าพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนั้น เรื่องเมื่อคืนดิฉันคิดว่าทำทาน ลืมมันไปหมดแล้ว ไม่เก็บมาคิดให้รกสมองหรอกค่ะ” อรุโณทัยพยายามบังคับเสียงให้เรียบเฉย
“งั้นเหรอ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงยียวน “น่าเสียดายนะ คุณเป็นผู้หญิงคนแรกที่พูดจากับผมแบบนี้”
“ต้องขอโทษที่ทำลายความภูมิใจของคุณในเรื่องอย่างว่า”
ชีคอัสรานยกริมฝีปากยิ้มกับวาจาอันค่อนข้างเผ็ดร้อนของสาวน้อยน่าใสในชุดสวยหวานน่ารักซึ่งมีฐานะเป็นคู่หมั้นของเขา อยากจะรู้นักเชียวว่าลีลารักของหล่อนจะเผ็ดร้อนเหมือนวาจาหรือเปล่า ความจริงเขามีสิทธิ์ในตัวหล่อนทุกอย่าง เพียงแต่รอเวลาให้หล่อนเต็มใจก็เท่านั้น แต่ดูท่าเจ้าหล่อนจะตั้งป้อมกับเขาตั้งแต่แรกเจอด้วยซ้ำ แต่เขาไม่สนหรอก... ผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่นี้จะฤทธิ์มากสักเท่าไหร่เชียว
“ไม่เป็นไรเรื่องเล็กๆ น้อยแค่นี้ผมไม่ถือหรอก เพราะต่อไปเราก็ต้องเป็นผัวเมียกัน ถ้ามัวแต่ถือสาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราจะอยู่กันได้ยังไง จริงไหมสาวน้อย”
อรุโณทัยหน้าแดงแปร๊ดกับคำพูดตรงไปตรงมาโจ่งครึ่มของเขา เขาพูดคำว่า ‘ผัวเมีย’ เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป ในขณะที่หล่อนเองแค่คิดว่าต้องเป็นเมียซาตานที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครารกรุงรังแบบเขา สาวน้อยก็แทบสติแตก หล่อนไม่ได้รังเกียจหน้าตาเขา แต่รังเกียจพฤติกรรมที่เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น!
“แต่ที่ดิฉันมาวันนี้ ก็เพื่อขอยกเลิกการแต่งงานของเรา” เสียงหวานโพล่งออกไปด้วยความขุ่นเคืองทันที
“พูดง่ายๆ ก็คือจะเบี้ยวสัญญาว่างั้นเถอะ” น้ำเสียงนั้นติดหยันๆปนหยามหมิ่น
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ เพียงแต่ดิฉันคิดว่าคนไม่ได้รักกันและไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจะแต่งงานกันได้ยังไง คุณไม่ได้รักดิฉัน และดิฉันก็ไม่ได้รักคุณ เราอย่าแต่งงานกันเลยนะคะ แต่งไปก็อยู่กันไม่มีความสุขหรอกค่ะ ดิฉันมีความเชื่อว่าการที่คนสองคนจะแต่งงานกันต้องมีพื้นฐานจากความรักก่อน”
“ความจริงผมก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับเด็กที่ไม่รู้จักโตอย่างคุณนักหรอกนะ เพียงแต่ว่าพ่อของคุณขอร้องเอาไว้ ซึ่งผมก็รับปากแล้ว สัญญาลูกผู้ชายรู้จักไหม โตแล้วพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้น สัญญากับใครไว้ก็ต้องทำตาม ไม่ใช่เด็กเล่นขายของเหมือนกับที่คุณกำลังทำอยู่” เขาเน้นคำท้ายเพื่อตอกย้ำว่าหล่อนกำลังจะเป็นฝ่ายบิดพลิ้ว
“แต่ดิฉันดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องการใครมาดูแล คุณเองก็มีผู้หญิงรายล้อมอยู่มากมาย เลือกเอาสักคนสิคะ จะถูกใจกันแบบชั่วคราวหรือถาวรก็น่าจะมี”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมมีผู้หญิงเยอะแยะ”
“ก็ข่าวของคุณออกจะเด่นหรา ทั้งในหน้านิตยสารและอินเตอร์เน็ต ต้องให้ดิฉันสาธยายด้วยเหรอคะ”
“คุณติดตามข่าวของผม...” ชีคหนุ่มระบายยิ้มมุมปาก “...ก็แสดงว่าคุณสนใจผมอยู่เหมือนกันใช่ไหมสาวน้อย”
ดวงตาคู่สีน้ำตาลตวัดขึ้นมองหน้าคนพูดอย่างเดือดเนื้อร้อนใจ เรื่องอะไรมาตีขลุมเอาดื้อๆ แบบนั้น ชักจะหลงตัวเองมากไปแล้ว หล่อนไม่เคยสนใจเขาเลยสักนิด
“ไม่ใช่ค่ะ กรุณาอย่าเข้าใจผิด”
“ถ้าไม่ใช่ แล้วแปลว่าอะไรล่ะ หือ...”
“ก็คุณขยันเป็นข่าวซะขนาดนั้น มันต้องผ่านหูผ่านตาดิฉันบ้างสิคะ” หญิงสาวหน้างอแต่ก็ยังเถียง
“งั้นเหรอ?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นล้อเลียน พลางยิ้มอวดฟันขาวสะอาด ทว่าทรงเสน่ห์จนอรุโณทัยหัวใจแกว่งอีกระลอก แต่อย่าหวังเลยว่าหล่อนจะตกลงไปในบ่วงเสน่ห์ของเขาง่ายๆ
“ดิฉันต้องการคำตอบค่ะ” ใบหน้ารูปหัวใจเนียนใสชูคอตั้ง
“ผมไม่มีคำตอบจะให้ เพราะคุณเป็นลูกหนี้ยังไงก็ต้องใช้หนี้สิสาวน้อย”
“แสดงว่าคุณจะปฏิเสธคำขอร้องของฉันใช่ไหมคะ!” หางเสียงนั้นตวัดสูงขึ้นอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่
“ผมอยู่ใกล้นี้ไม่ต้องเสียงดังก็ได้” ใบหน้าหล่อคมยังเกลื่อนด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เดือดร้อน ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงมาจนแทบจะชนกับใบหน้าสวยหวาน อรุโณทัยผงะหนีแทบไม่ทัน ร่างบางทำท่าจะขยับออกห่างแต่ทว่ากลับถูกวงแขนแกร่งสอดรัดเข้าที่เอวเล็กแล้วลากสาวน้อยเข้าแนบชิดติดกับร่างสูงใหญ่ทันที
“ปล่อยดิฉันนะ!” เสียงหวานโวยวายระงมลั่น มือเรียวบางยกขึ้นยันอกแกร่งปานศิลานั้นไว้เพื่อไม่ให้อกนุ่มหยุ่นเสียดสีกับอกกว้างของเขา
“ไม่ปล่อยหรอก ตัวคุณนุ่มนิ่มน่ากอดจะตายไป เช้าๆ แบบนี้เราหาอะไรทำแก้เครียดกันดีไหม” เสียงทุ้มบอกอย่างรื่นรมย์ไม่มีท่าทีว่าจะเดือดร้อนกับการดิ้นรนของอรุโณทัยแต่อย่างใด
“คนบ้าตัณหา! ปล่อยดิฉันเดี๋ยวนี้นะ ถ้าคุณไม่ปล่อย ดิฉันจะร้องให้คนช่วย”
“ร้องสิสาวน้อย”
“ดิฉันมีคนรักอยู่แล้ว คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน” สาวน้อยอ้างมั่วๆ เพื่อให้ได้อิสระ
“ถ้าอย่างนั้นเรามาลองเปรียบเทียบกันหน่อยไหม ว่าระหว่างคนรักของคุณกับผม ใครจะทำให้คุณเป็นไฟได้มากกว่ากัน” ชีคอัสรานหัวเราะในลำคอก่อนจะกระชากร่างอรชรเข้ามากอด แล้วบดขยี้ปากริมฝีปากจูบทั่วที่แก้มใสอย่างรุนแรงป่าเถื่อน ไรหนวดไรเคราครูดเสียดสีกับผิวอ่อนบางจนเป็นรอยแดงนิดๆ อรุโณทัยดิ้นรนสุดเรี่ยวแรงเท่าที่มี พยายามเบี่ยงเบนใบหน้าหลบการระดมจูบของชายหนุ่มอย่างตื่นตระหนก มือน้อยๆ ทุบที่อกกว้างเป็นพัลวัน
“อย่านะ! ปล่อยฉัน! ปล่อย!”
หากทว่าร่างสูงใหญ่นั้นไม่ได้ระคายเคืองกับฤทธิ์กำปั้นน้อยๆ ของหล่อนเลยสักนิด ความอุ่นละเอียดและผิวเนียนนุ่มของสาวน้อยที่เขาได้กอดสัมผัสนั้น มันเร้าอารมณ์จนน่าสนใจมากกว่าสิ่งอื่น อีกทั้งอยากสั่งสอนสาวน้อยปากกล้าที่ริอ่านหาญกล้ายกอ้างผู้ชายอื่นมาท้าทายเขา มือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นจับปลายคางมนบังคับให้ใบหน้าสวยหวานตรึงอยู่กับที่ก่อนจะบดขยี้จูบตรงริมฝีปากสีระเรื่อของหล่อนอย่างต้องการลงโทษ
อรุโณทัยเบิกตาโพลง เรือนกายสะท้านเยือกคล้ายรังเกียจเดียดฉันท์แต่ในขณะเดียวกันความวาบหวามก็แล่นพล่านไปทั่วอณูเนื้อโดยไม่อาจควบคุมได้
“อื้อ...” เสียงครางของอรุโณทัยแว่วผ่านริมฝีปากบอบบางของหล่อนออกมาเบาๆ ร่างบางเริ่มอ่อนระทวยเมื่อชายหนุ่มเกี่ยวกระหวัดช่วงชิงเอาความหอมหวานจากลิ้นนุ่มชื้นอย่างดูดดื่ม สาวน้อยพยายามจะหดลิ้นหนีแต่ลิ้นอุ่นๆ สอดตามติดรุกเร้าจนสุดท้ายก็ต้องยอมจำนนด้วยความซาบซ่าน