บทนำ ความหวัง….ในคืนคริสต์มาส
บทนำ ความหวัง….ในคืนคริสต์มาส
ฤดูหนาวที่อากาศเย็นจัดกว่าทุก ๆ ปีทำให้เด็ก ๆ ที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ารู้สึกหนาวจนสะท้าน อาหารการกินที่มีอยู่ ก็ไม่ค่อยจะได้กินอย่างอิ่มท้อง ทำให้มีเด็กหลายคนเริ่มไม่สบาย ในช่วงที่อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ ถ้าหากในวันไหนพอจะมีแสงแดด เด็ก ๆ ทุกคนจะถูกต้อนให้ไปอยู่รวมกันที่กลางสนามหญ้า ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า
มือเล็ก ๆ ขาวบางของ..ดาเรน..ยื่นขึ้นไปบนถาดขนมของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเด็ก ๆ ที่ศูนย์แห่งนี้ เด็กชายผู้มีนัยน์ตาอ่อนโยน แต่ทว่ากลับกล้าขโมยของ
ทันทีที่เด็กชายคนนั้น ได้ขนมเพียงไม่กี่ชิ้นที่อยู่ในกล่อง เขารีบนำมันซ่อนเข้าไปใต้ชายเสื้อของตนเอง หลังจากนั้นจึงพยายามเดินอย่างระมัดระวังเพื่อตรงไปยังสนามหญ้าด้านหลัง ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นที่สมาคมของเหล่าเด็ก ๆ ทุกคน
“ไวโอเลต เธอได้ยินฉันเรียกหรือเปล่า”
ดาเรนกวักมือเรียกเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ซึ่งกำลังนั่งอยู่กับพี่ชายฝาแฝดของเธอ เด็กหญิงซึ่งสวมเพียงสเวตเตอร์และกระโปรงตัวยาวถึงข้อเท้าหันกลับไปมองเสียงเรียกนั้น เมื่อเห็นว่าเด็กชายกำลังกวักมือเรียกเธออยู่ข้างหลังกำแพง เธอจึงรีบจูงมือพี่ชายฝาแฝดเดินไปยังต้นเสียงทันที
“มีอะไรเหรอดาเรน พี่เลี้ยงเรียกพวกเราไปกินข้าวแล้วเหรอ? ดีจังเลย..ตอนนี้อดัมกำลังหิวมากเลย”
“อย่าไปหวัง คนพวกนั้นก็แค่กินอิ่มท้องของตัวเองเท่านั้น มาดูนี่ดีกว่า…ฉันมีอะไรมาฝากพวกเธอด้วย”
เด็กชายคว้าแขนของเด็กหญิงแล้วพากันเดินเข้าไปนั่งอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่ ทันทีที่เด็กชายยกชายเสื้อขึ้นห่อขนมก็ร่วงลงมาจากชายเสื้อตกสู่พื้นหญ้า เด็กหญิงรู้ว่านั่นเป็นของที่กินได้ ก็ถึงกับร้องออกมาด้วยความดีใจ
“ขนมเยอะแยะเลย ดาเรนไปเอามันมาจากไหน น่าอร่อยจริง ๆ”
“รีบกินเลย กินเข้าไปเยอะ ๆ ก่อนที่คนพวกนั้นจะมาเห็นว่าพวกเราเอาขนมมากินที่นี่”
ด้วยความหิวเด็กหญิงรีบแกะขนมใส่ปาก พร้อมกับแบ่งให้พี่ชายของตน ดาเรนยิ้มอย่างยินดี ที่รู้ว่าตนเองสามารถทำให้เด็กหญิงอิ่มท้องและยิ้มออกได้ เด็กหญิงหักขนมในมือของตนเองยื่นใส่ปากของดาเรนบ้าง
“กินด้วยกันสิ ดาเรนก็ต้องกินด้วยเหมือนกันนะ ฉันจะไม่ยอมอิ่มท้องคนเดียวเด็ดขาด..”
เด็กชายพยักหน้าพร้อมกับอ้าปากงับขนมที่เด็กหญิงยื่นมาให้ พวกเขาตั้งหน้าตั้งตารีบกินขนมด้วยความสนุก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเบา ๆ ของทั้งสามพอมีให้ได้ยิน ลำพังอาหารภายในสถานสงเคราะห์ไม่มีทางที่จะทำให้พวกเขาอิ่มท้องได้ทุกมื้อ เนื่องจากจำนวนเด็กที่มีมากขึ้นทุกวัน ทำให้เจ้าหน้าที่เริ่มมีความลำบากในการหาอาหารมาเพื่อแจกจ่าย จึงกลายเป็นว่ามีเด็กหลายคนที่ทางสถานสงเคราะห์ทำหนังสือเพื่อขอให้มีพ่อแม่บุญธรรมมารับไปดูแล
ทั้งที่อีกไม่นาน..วันคริสต์มาสก็จะมาถึง
“ปีนี้ซานตาคลอส จะเอาอะไรมาให้เรานะ” เด็กหญิงเกริ่นขึ้นอย่างอารมณ์ดีใจ ในขณะที่เริ่มรู้สึกอิ่มท้องขึ้น
“ฉันอยากจะมีพ่อแม่เหมือนคนอื่น ๆ อยากไปนอนในบ้านที่มีเตาผิง ไม่อยากนอนหนาวอยู่บนเตียงกับผ้าห่มขาด ๆ พวกนั้นอีกแล้ว” อดัมพี่ชายของเด็กหญิงเอ่ยขึ้น
“พวกเราต้องมีวันนั้น เชื่อฉันสิ” ดาเรนพูดออกมาด้วยความหวัง
เด็กชายหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงตัวหลวม ซึ่งมันมีขนาดไม่สมกับตัวเขาเลย เพราะมันเป็นเสื้อผ้าที่ได้รับบริจาคมาอีกทอดหนึ่ง เด็กชายดึงถุงผ้าออกมาในนั้นมีถุงเท้าขนาดใหญ่อยู่หลายข้าง ความเชื่อคือการนำถุงเท้าไปแขวนไว้ที่หัวเตียงของตัวเอง แล้วซานตาคลอสก็จะส่งของขวัญที่ทุกคนอยากได้มาให้ไว้ในนั้น
“ไปเอามาจากไหนน่ะ ทำไมมีตั้งหลายข้าง”
“ฉันจะเอาไปแจกเพื่อน ๆ ที่นี่ให้หมดทุกคนเลย เธอเลือกก่อนเลยไวโอเลต คืนอีฟปีนี้..พวกเราจะต้องได้ของขวัญที่ดีที่สุดแน่ ๆ”
เด็กชายเพียงคนเดียวผู้ซึ่งมีกำลังใจและพลังแห่งความหวัง รอยยิ้มของเด็กชายผู้อ่อนโยนคนนี้ ไวโอเลตไม่เคยที่จะลืมเลือนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถึงแม้อยู่ในช่วงเวลาที่แสนอดอยาก แต่เพียงแค่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ความอบอุ่นมันก็มากเกินพอ
แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นตลอดไป…
ความร้อนที่แผ่ไปรอบด้าน เปลวเพลิงขนาดใหญ่ลุกโชติช่วงขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ในคืนอันหนาวเหน็บ เสียงกรีดร้องของเด็ก ๆ เพราะความหวาดกลัว ดังระงมไปทั่วบริเวณ ในขณะที่ทุกชีวิตวิ่งหนีตายออกมาจากเรือนนอน ประตูห้องถูกเปิดออกด้วยมือของพี่เลี้ยงบางส่วน ไม่มีใครรู้สาเหตุว่าเพราะอะไรถึงเกิดไฟไหม้ใหญ่ครั้งนี้ขึ้น
ท่ามกลางความโกลาหล ดาเรนร้องเรียกเพียงเด็กหญิงที่เขาเป็นห่วง
“ไวโอเลต เธออยู่ไหน ไวโอเลต!!”
เด็กชายร้องหาทั้งที่รอบกายกำลังมีกองไฟลามเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กหญิงอยู่ที่ไหน แต่ในขณะที่กำลังเดินหาโดยที่ไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง เสียงร้องของเด็กหญิงที่โตกว่า ก็ดังขึ้นมาจากด้านข้างของเขา
“ดาเรน ระวัง!!”
พี่สาวของเขาตะโกนขึ้น พร้อมกับวิ่งเข้ามาหาและผลักเขาจนกระทั่งพ้นบานกระจกที่กำลังจะล้มลงมาใส่ แต่เป็นเพราะกระจกบานนั้นถูกไฟเผาจนร้อนจัด เมื่อมันตกกระทบถึงพื้น กระจกบานใหญ่จึงแตกกระจัดกระจาย เศษกระจกจึงกระเด็นเข้าดวงตาของพี่สาวผู้น่าสงสารทั้งสองข้าง ร่างของเด็กหญิงที่มีอายุมากกว่าเขาสามปี ล้มลงไปนอนกรีดร้องอยู่กับพื้นด้วยความเจ็บปวด
“พี่ครับ พี่ลอร่า พี่เจ็บมากหรือเปล่า พี่ครับ ใครก็ได้ช่วยพี่ผมด้วย ช่วยด้วย”
“ดาเรน ระวัง!!”
เสียงของไวโอเลตดังขึ้น ในขณะที่เขายังคงพะวงอยู่กับร่างของพี่สาวซึ่งยังนอนขดตัวอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด ทันทีที่เด็กชายหันกลับไปมอง เขาเห็นเด็กหญิงพุ่งตัวเข้ามาหา พร้อมกับแหงนหน้าขึ้นมองด้านบน
ท่อนไม้ซึ่งกำลังถูกไฟลุกไหม้หักโค่นลงมา เด็กหญิงผลักร่างของเด็กชายให้ล้มกระเด็นออกไปไกล เธอใช้ร่างของตัวเองเข้าไปรับเสาต้นนั้นแทน ผลของมันก็คือท่อนไม้ที่กำลังลุกท่วมด้วยไฟนั้น ล้มลงพาดกับช่วงเอวของเด็กหญิงอย่างแรง
โอ๊ยยยย!!
“ไวโอเลต ทำไมถึงทำแบบนี้ ช่วยด้วยครับ ช่วยไวโอเลตด้วย”
เขาต้องทนเห็นเด็กหญิงทรมานอยู่ครู่ใหญ่ กว่าจะมีคนเข้ามาช่วยเหลือ และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่ได้เห็นหน้ากัน หลังจากที่เจ้าหน้าที่มาพาตัวเด็กหญิงออกไปได้ ดาเรนก็ไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เธออีกเลย
นั่นเป็นเพราะเมื่อไวโอเลตกลับมาจากโรงพยาบาล แผลที่ช่วงเอวของเด็กหญิงยังคงมีอาการติดเชื้อ จนทำให้เธอต้องล้มป่วยอยู่หลายวัน ดาเรนและเพื่อนคนอื่น ๆ จึงถูกกันออกจากเต็นท์พยาบาลที่ทางการนำมาให้
แล้ววันหนึ่งดาเรนที่เข้ามาเยี่ยมลอร่าพี่สาวของตน พยายามร้องขอเพื่อเข้าไปในเต็นท์พยาบาลหลังนั้น ด้วยความหวังว่าจะได้พบเด็กหญิงที่เป็นดั่งความหวังของหัวใจ
แต่สุดท้าย…เขาก็ไม่เคยได้พบไวโอเลตอีกเลย….
“เธอจะลืมฉันไหม..ไวโอเลต”