บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ถึงเวลาชดใช้

พราวมุขเบิ่งตากว้างเมื่อได้ยินในสิ่งที่โภไคยพูดออกมาจริงอยู่ที่พัชรีอาจจะทำไม่รู้ไม่เห็นและให้ความสนใจกับงานมากกว่าเรื่องที่เธอและโภไคยกำลังคุยกัน แต่เธอก็แน่ใจว่าพัชรีได้ยินทุกอย่าง

หญิงสาวเหลือบไปมองเลขาเจ้านายอีกครั้งแต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้มองมายังเธอและโภไคยแม้แต่น้อย และถึงแม้จะเป็นแบบนั้นพราวมุขก็ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่ดี

โภไคยสังเกตเห็นท่าทางของพราวมุขที่มองไปยังเลขาของเขาบ่อยครั้งจึงเข้าใจว่าหญิงสาวกำลังกังวลอะไรอยู่

“ฉันบอกแล้วไงว่าพัชรีจะไม่รู้ไม่เห็นเรื่องอะไรระหว่างเธอกับฉันทั้งนั้น” หญิงสาวมองผู้ชายที่มีอำนาจทุกอย่างตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร่นัก ต่อให้เป็นอย่างที่เขาบอกเธอก็ยังรู้สึกเป็นกังวลอยู่ดี

“พัชรี เอางานของคุณกลับไปทำข้างนอกก่อน ถ้าได้ข้อมูลที่ผมต้องการค่อยเอาเข้ามา” โภไคยออกคำสั่ง

พัชรีลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องของเจ้านายไปทันทีที่ได้ยินคำสั่งนั้น ปล่อยให้เจ้านายและพนักงานสาวได้อยู่กันตามลำพังเหมือนเป็นเรื่องปกติ

“คราวนี้สบายใจได้บ้างหรือยัง” พราวมุขปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอรู้สึกโล่งใจแม้จะไม่ทั้งหมดที่ไม่มีบุคคลที่สามอยู่ด้วย

“ค่ะ” เธอยิ้มเล็กน้อยตอบเขา

“พร้อมทำตามข้อตกลงของเราหรือยัง ถ้าพร้อมเย็นนี้ฉันจะให้รถไปรับเธอที่บ้าน” โภไคยไม่รอช้าที่จะพูดเข้าประเด็นเมื่ออยู่กันสองคน

พราวมุขไม่ตอบคำถามชายหนุ่ม ดวงตากลมโตมองไปยังคนถามเหมือนคนที่เคว้งคว้างไม่รู้ว่าชีวิตจะเดินไปทางไหนดี เวลานี้ต่อให้เกรงกลัวเขาแค่ไหนแต่ในเมื่อเลือกลงเรือไปกับเขาแล้วเขาก็คือที่มั่นเดียวที่เธอต้องฝากชีวิต ดีกว่าต้องไปนอนในคุก

“มุขแล้วแต่นายใหญ่ค่ะ”

“ทำตัวว่านอนสอนง่ายแบบนี้ให้ตลอดไปก็แล้วกัน หลังเลิกงานเธอกลับไปรอที่บ้าน หนึ่งทุ่มจะมีรถไปรับเธอ..แล้วฉันจะรอ” ประโยคสุดท้ายของชายหนุ่มทำเอาหญิงสาวรู้สึกหนาวไปสุดขั้วหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

พราวมุขกลับออกมาจากห้องโภไคยด้วยใจที่หนักหน่วง อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงเวลาที่เธอต้องใช้ร่างกายชดใช้ความผิดที่เธอก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ในเมื่อไม่มีทางให้เธอเลือกเดินมากนักหรือถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่เหลือทางให้เธอเลือก เธอก็ต้องยอมในสิ่งที่คนเป็นนายใหญ่เลือกให้

-------------------------------------------

พราวมุขรีบเก็บกระเปาเมื่อเหลือบดูนาฬิกาแล้วได้เวลาเลิกงานแบบไม่ขาดไม่เกิน ท่าทางเร่งรีบนั้นสร้างความแปลกใจให้พรรัมภาเป็นอย่างมากจนต้องถามเพื่อให้หายสงสัย

“มุข ทำไมวันนี้ดูรีบร้อนจังรีบไปไหนเหรอ ปกติเห็นชอบเผื่อเวลางานให้บริษัทเป็นชั่วโมง”

“คือ..พอดีมุขมีธุระนิดหน่อยค่ะก็เลยรีบกลับ” มือที่กำลังเร่งเก็บของชะงักแล้วตอบออกไปพร้อมรอยยิ้มเศร้า

“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่ามุข บอกพี่ได้นะ” พรรัมภาแสดงความห่วงใยอย่างจริงใจ

“ไม่มีอะไรค่ะพี่พร”

“มีอะไรบอกพี่ได้นะ ถ้าช่วยได้พี่พร้อมช่วยเหลือมุขนะ” พราวมุขแอบน้ำตารื้นกับความห่วงใยและหวังดีที่พรรัมภามีให้ แต่หากจะให้บอกความจริงออกไปว่าเธอกำลังกลัวและกังวลสิ่งใดเธอก็บอกไม่ได้เช่นกัน

“ขอบคุณพี่พรมากนะคะที่คอยช่วยเหลือมุขมาตลอด” ร่างบางโผเข้ากอดสาวรุ่นพี่พร้อมกับน้ำใส ๆ ที่ปริ่มออกมาจากดวงตาคู่สวย เวลานี้เธอเพียงต้องการอ้อมกอดของใครสักคนที่คอยปลอบโยนก่อนจะไปพบกับความจริงที่ไม่รู้ว่าจะเลวร้ายยังไง

“ทำเป็นขี้แยไปได้นะเรา ป่ะ..กลับกันเถอะ” พรรัมภายกมือขึ้นลูบหลังพราวมุขเบา ๆ เหมือนให้กำลังใจแม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีปัญหาอะไรแต่ก็ไม่อยากละลาบละล้วงมากนักเพราะคิดว่าหากพราวมุขอยากเล่าก็คงจะเล่าเอง

-------------------------------------------

รถหรูสีดำแล่นมาจอดอยู่ตรงหน้าบ้านของพราวมุขในเวลาหนึ่งทุ่มตรงพอดี พราวมุขที่เตรียมตัวรออยู่ก่อนแล้วเดินออกไปยังประตูหน้าบ้านก่อนที่จะมีคนขับรถลงมารับเธอ

หญิงสาวจัดการล๊อคประตูบ้านอย่างแน่นหนาก่อนจะเดินขึ้นรถคันใหญ่ สิ่งของที่เธอนำติดตัวไปนั้นไม่ได้มีอะไรมากนักเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะให้เธอไปค้างกับเขาแบบชั่วครั้งชั่วคราว แบบไปกลับ หรืออยู่ยาวตลอดทั้งสามเดือน เธอจึงเตรียมเฉพาะเสื้อผ้าเพียงสองชุดพร้อมของใช้ส่วนตัวเล็กน้อยเท่านั้น

ภายในห้องโดยสารที่กว้างและหรูหราที่พราวมุขกำลังนั่งอยู่หญิงสาวไม่เคยได้สัมผัสและเห็นมันมาก่อน ชีวิตส่วนใหญ่ของเธอจะฝากไว้กับรถโดยสารประจำทางเท่านั้น แม้แต่รถแท็กซี่ก็นานทีปีหนถึงจะใช้บริการเพราะต้องประหยัดค่าใช้จ่าย

รถหรูวิ่งไปตามเส้นทางของถนนเมืองใหญ่ที่มีแสงไฟสาดส่องกระทบใบหน้าหวานไปตลอดทาง รถราสัญจรพลุกพล่านแต่ก็ไม่ถึงกับหนาแน่น ในขณะที่หญิงสาวเอาแต่นั่งครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนแทบไม่ได้สนใจเส้นทางที่รถคันหรูพาเธอมาแม้แต่น้อย

พราวมุขถูกพามายังคอนโดใหญ่ใจกลางเมืองที่ดูหรูหราตั้งแต่ทางเข้าถนนคอนกรีตพิมพ์ลายทอดยาวไปจนถึงหน้าประตูทางเข้าตัวคอนโด ก่อนที่รถจะจอดนิ่งเพื่อให้เธอลง

“นายจะอยู่ชั้น 25 ให้คุณผู้หญิงเดินเข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายหลังจากนั้นเปิดประตูเข้าไปจะมีลิฟต์ส่วนตัวของชั้น 25 อยู่ด้านใน บนชั้นนั้นจะเป็นเพนท์เฮาท์ของนายทั้งชั้นครับ” น้ำเสียงที่สุภาพของคนขับรถบอกกับหญิงสาว

พราวมุขก้าวขาลงจากรถด้วยอาการสั่นเล็กน้อย คอนโดหรูที่เธอยืนอยู่ตรงนี้พราวมุขเคยได้ยินมาบ้างว่ามีราคาไม่ต่ำกว่าร้อยล้าน หากไม่ใช่ต้องมาเอาตัวแลกเพื่อชดใช้ความผิดเธอก็คงไม่มีโอกาสมายืนอยู่ตรงนี้แน่ คิดแล้วหญิงสาวก็รู้สึกเวทนาตัวเองอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าโภไคยเป็นคนที่ไม่ชอบรออะไรนาน ร่างบางก็เดินตรงเข้าไปในตัวคอนโดแล้วเลี้ยวไปตามทางเดินที่คนขับรถบอกเพื่อไปยังตูลิฟต์ส่วนตัวที่ว่า

พราวมุขเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะหงุดหงิดที่ต้องรอนาน ความโอ่อ่าของสถานที่ทำเอาเอแทบจะวางตัวไม่ถูก บริเวณล๊อบบี้และรอบ ๆ คอนโดมีคนเดินไปมาประปรายแต่ก็ไม่ร้างผู้คน ดูจากท่าทางของคนเหล่านี้แล้วก็น่าจะเป็นคนที่พักอยู่ที่นี่เพราะแต่ละคนนั้นดูดีมีเงินกันทั้งนั้น

หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนแกะดำในหมู่แกะขาวเมื่อหันไปมองเห็นแต่คนแต่งตัวดี เมื่อหันมามองตัวเองที่ใส่เดรสผ้ายืดตัวเก่าที่คิดว่าดีที่สุดเท่าที่เคยมีแล้วก็อดที่จะเปรียบเทียบกันไม่ได้

ติ๊ง!! ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อลิฟต์ส่วนตัวมาถึงชั้นที่ต้องการ

ร่างบางเดินออกจากลิฟต์ด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ กับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตนเอง แต่พอหันไปมองบรรยากาศรอบ ๆ ก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า ซ้ายมือของเธอคือสระน้ำแบบOutdoor ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ แสงไฟที่ตกกระทบผิวน้ำเกิดเป็นลำแสงสวยงามราวกับภาพถ่ายที่ถูกตกแต่งขึ้นเพื่อใช้ในการ โปรโมทหรือโฆษณาแบบที่เธอเคยเห็นในนิตยสาร

หญิงสาวค่อย ๆ เดินไปยังโซนที่เป็นสระว่ายน้ำราวกับมีสิ่งดึงดูดก็ไม่ปาน ภาพความงดงามตามธรรมชาติที่อยู่ตรงหน้าทำให้ลืมนึกไปว่ากำลังมีใครอีกคนรออยู่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel