ตอนที่ 5
EP 5: ทัณฑ์รัก จอมอหังการ
น้ำตาแทบจะทะลักออกมาจากดวงตา ทำไมหล่อนจะไม่รู้ล่ะ ทำไมหล่อนจะมองไม่เห็นความชิงชังในสายตาของเดนิเรล หล่อนมองเห็นมันทุกอย่าง มองเห็นอย่างชัดเจน แต่ก็เลือกที่จะคาดหวัง เลือกที่จะเดินหน้าทำเพื่อครอบครัวให้สุดความสามารถ
หล่อนต้องทน... แม้จะต้องถูกเหยียดหยามอีกสักร้อยครั้งพันครั้งก็ตาม...
“ฉันรู้... นายจะด่าจะว่าฉันยังไงก็ได้ แต่ขอร้องล่ะช่วยพ่อกับพี่สาวของฉันได้ไหม ช่วยท่านด้วย ท่านสำนึกผิดแล้ว...”
“สำนึกผิดหรือ มันมีประโยชน์อะไรกันล่ะดานีน ในเมื่อพวกโรดิเกซต่ำช้าขนาดนั้น พวกคนบริสุทธิ์ต้องล้มตายไปกี่คนกับการกระทำที่เห็นแก่ตัวของพ่อเธอ อย่าให้ฉันต้องจับเธอส่งให้คนพวกนั้นประชาทัณฑ์เลยดานีน ไปซะ... ไปให้พ้นจากสายตาของฉันซะ...”
คราวนี้น้ำตาที่กักเก็บเอาไว้ไม่สามารถทนอยู่แต่เพียงในอกได้ มันทะลักออกมาอย่างท่วมท้น แก้มนวลเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบแห่งความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ต่อให้คนทั้งโลกเกลียดหล่อน ต่อให้พวกเขาขยะแขยงหล่อนแค่ไหน แต่... แต่ความเจ็บปวดที่เกิดจากท่าทางชิงชังของเดนิเรลกลับมีผลต่อหัวใจของหล่อนมากกว่าความเกลียดชังของคนทั้งโลกเสียอีก
มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง... ไม่ต้องถามตัวเองเลย ในเมื่อหล่อนเองก็รู้มานานแล้ว รู้มานานแล้วแต่เลือกที่จะไม่ยอมรับมันเท่านั้นเอง หล่อนไม่ได้คิดกับเดนิเรลเพียงแค่คนรู้จักเท่านั้น แต่หล่อน... หล่อนคิดกับเขาเกินกว่านั้น คิดกับเขามากกว่าที่ควรจะคิด...
“ฉัน... ฉันขอร้อง จะให้ฉันทำยังไงก็ได้... แต่ได้โปรดช่วยครอบครัวของฉันที”
เดนิเรลแค่นยิ้ม มองคู่สนทนาที่ตอนนี้มีสภาพไม่ผิดไปจากสุนัขจนตรอกด้วยความชิงชัง หล่อนไม่ใช่หรือที่บอกว่าเกลียดเขานักหนา และก็หล่อนไม่ใช่หรือที่บอกว่าชาตินี้จะไม่มีวันมองเขา แต่นี่... หล่อนกำลังทำยิ่งกว่ามองเสียอีก
เขาควรจะสะใจใช่ไหมที่เห็นดานีนตกต่ำแบบนี้ ควรจะหัวเราะให้ดังๆ กับสิ่งที่พวกหล่อนกำลังจมปรักอยู่ แต่... แต่ไอ้ความรู้สึกแบบนั้นมันกลับไม่ได้เฉียดเข้ามาใกล้หัวใจของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวแห่งความสะใจ มันมีแต่...
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะทระนงของตัวเองแรงๆ หลายครั้งติด ใบหน้าหล่อลากไส้แดงก่ำด้วยโทสะร้ายที่เจ้าตัวปลุกมันขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างมหาศาล
“ฉันยอมทุกอย่างจริงๆ ไม่ว่านายจะต้องการอะไร...”
ใบหน้าที่เคยเชิดสูงด้วยความอวดดีตอนนี้ก้มต่ำจนคู่สนทนาอย่างเดนิเรลอดเวทนาไม่ได้ แต่มันก็แค่วูบหนึ่งเท่านั้นแหละ เพราะอึดใจต่อมาความเกลียดชังก็เข้ามาแทนที่ เขาแค่นยิ้มเหยียดหยามจากนั้นก็พ่นวาจาร้ายกาจใส่หน้าอย่างไม่ปรานี
“แม้แต่นอนกับฉันเพื่อแลกกับการช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ”
แก้มนวลที่ซีดเผือดอยู่แดงจัดขึ้นทันตา ดวงตาสีดำขลับที่กลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกแต่ก็แค่ไม่นาน เพราะต่อจากนั้นมันก็กลายเป็นว่างเปล่าราวกับว่าเจ้าของทำใจยอมรับกับชะตากรรมของตัวเองได้แล้วอย่างงั้นแหละ
“ฉันจะทำทุกอย่าง... และคำว่าทุกอย่างของฉันมันก็ไม่มีข้อแม้แล้วจริงๆ”
ความสิ้นหวังอัดแน่นเต็มกระแสเสียงของดานีน แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้ผู้ชายใจหินอย่างเดนิเรลลดความร้ายกาจลงเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเขายังสาดซัดความอำมหิตใส่หน้าหล่อนซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่ปรานี
“ไหนเธอบอกว่าต่อให้พระอาทิตย์ขึ้นตอนกลางคืน เธอก็จะไม่มีวันยอมเป็นผู้หญิงของฉันไม่ใช่หรือ แล้วตอนนี้ไหงมาวิงวอนอยากนอนกับฉันขึ้นมาเสียล่ะ...”
ทั้งน้ำเสียงและท่าทางของเดนิเรลไม่ต่างจากคมมีดที่กรีดลึกลงกลางหัวใจ ดานีนอยากวิ่งหนี อยากให้เรื่องวันนี้ไม่ได้เกิดขึ้น และอยากให้คำพูดที่หล่อนพูดออกไปนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน แต่มันไม่มีทางย้อนกลับไปได้แล้ว ในเมื่อตอนนี้หล่อนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับความเป็นจริง และเดนิเรลคนที่กำลังยืนมองหล่อนด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลนนี่ก็คือความจริงเช่นกัน
“ฉัน... ฉันรู้ว่าคุณแค้นฉันแค่ไหน... แต่แค่คุณรับปากว่าจะช่วยฉัน จะช่วยครอบครัวของฉัน แค่นั้นฉันก็ยินดีจะชดใช้ทุกอย่าง ไม่ว่าคุณจะลงโทษยังไง ไม่ว่าคุณจะทรมานฉันแค่ไหน ฉันก็ยินดี... ฉันยินดีที่จะรับความทรมานนั้นโดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว...”
ดานีนขยับเข้าไปหาเดนิเรล แต่ชายหนุ่มก้าวถอยหลังหนีแสดงท่าทางขยะแขยงออกมาอย่างไม่ปิดบัง หญิงสาวน้ำตาทะลักซ้ำแล้วซ้ำอีก กลีบปากสาวสั่นระริกด้วยความทุกข์ทรมาน
“ฉันรู้ว่าฉันเลวแค่ไหนในสายตาของคุณ... แต่ตอนนี้... ให้ฉันคุกเข่าก็ได้...”
แล้วดานีนก็คุกเข่าลงกับพื้นถนนริมฟุตบาท ไม่สนใจยานยนตร์ที่แล่นผ่านไปมาเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็วิงวอนต่อไปทั้งน้ำตา
“ฉันจะทำทุกอย่างให้กับคุณ... จะเป็นทาสของคุณไปจนกว่าคุณจะพอใจ ขอแค่เพียง...”
ก้อนสะอื้นที่กระจุกอยู่ที่ลำคอทำให้หญิงสาวต้องหยุดพูดและปลดปล่อยมันออกมา ก่อนที่จะสามารถพูดออกมาได้อีกครั้ง
“ขอเพียงแค่ให้คุณ... ช่วยเหลือพวกเราในครั้งนี้... เพราะมีแค่การ์รัสโซ่เท่านั้น มีแค่พวกคุณเท่านั้นที่จะสามารถหยุดความคั่งแค้นของคนพวกนั้นได้”
สายลมที่พัดผ่านกายไปไม่ได้นำพาความเหน็บหนาวมาสู่หัวใจได้มากเท่ากับความเย็นชาและความชิงชังที่เกิดจากสายตาคมกริบของเดนิเรลเลย กายสาวสั่นสะท้านเมื่อเงยหน้าขึ้นสบตากับผู้ชายที่คนทั้งโลกขนานนามว่าจอมมารนักรัก หล่อนตัวสั่น หัวใจเต้นระรัว ในขณะที่เดนิเรลไม่มีอาการใดๆ ออกมาเลยนอกจากขยะแขยงชิงชัง
“เสียใจด้วยดานีน... ฉันคงช่วยอะไรพวกเธอไม่ได้”
“ไม่นะ เดนิเรล คุณช่วยพวกฉันได้ถ้าคุณคิดจะช่วย... ได้โปรดเถอะ ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย”
หญิงสาวคลานเข้าไปกอดขาของชายหนุ่มเอาไว้ พยายามวิงวอนแต่ผู้ชายคนนี้กลับใจร้าย ใจหินเสียเหลือเกินเพราะเขาสลัดขาออกจากการเกาะกุมของหล่อนอย่างไร้หัวใจ จากนั้นก็ถอยออกห่างไปอย่างรังเกียจ
“กลับไปซะ และอย่ามาวุ่นวายกับพวกเราการ์รัสโซ่อีก”
“ได้โปรดเถอะเดนิเรล... อย่าใจร้ายแบบนี้เลย...”
ชายหนุ่มแสยะยิ้มมองร่างอรชรที่กองอยู่กับพื้นด้วยสายตามืดลึก “เนื้อตัวของเธอ... ไม่มีค่าพอที่จะให้ฉันชายตาแลด้วยซ้ำ ดานีน... ลาก่อน และหวังว่าพวกเธอคงจะมีความสุข ในที่ๆ พวกเธอควรจะอยู่”
“ไม่นะ เดนิเรล ได้โปรด... ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย...”
หญิงสาวคร่ำครวญอ้อนวอน แต่ถึงจะพยายามแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถรั้งเดนิเรล การ์รัสโซ่เอาไว้ได้อยู่ดี เพราะในที่สุดเขาก็ก้าวขึ้นไปบนรถสปอร์ตคันงามและขับจากไปอย่างรวดเร็ว เร็วประดุจสายลมที่พัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
“ทำไม... ถึงใจร้ายแบบนี้...”
ดานีนร่ำไห้ปานจะขาดใจ ตอนนี้ทุกความหวังได้พังทลายลงสิ้นแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ ความเจ็บปวดแล่นพล่านอยู่ในกระแสเลือด มันคุกคามเนื้ออ่อนๆ ของหัวใจอย่างอำมหิต หล่อนทรมาน ชอกช้ำจนแม้แต่จะหายใจก็ยังทำได้ยากลำบากนัก
“เนื้อตัวของเธอ... ไม่มีค่าพอที่จะให้ฉันชายตาแลด้วยซ้ำ ดานีน...”
นี่เนื้อตัวของหล่อนมันไร้ค่าสำหรับเดนิเรลถึงเพียงนั้นเลยใช่ไหม มือบางยกขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายเอาไว้ กดลงเพื่อลดความเจ็บปวดที่กำลังเกิดขึ้นภายใน หล่อนไม่มีค่า ไม่มีราคาสำหรับผู้ชายคนนั้นเลยหรือ หญิงสาวคร่ำครวญด้วยความร้าวรานแสนสาหัส
หลังจากวิ่งมาได้ไม่กี่ไมล์รถสปอร์ตคันงามก็มีอันต้องเลี้ยวเข้าจอดที่ข้างทางอีกครั้ง เนื่องจากตอนนี้สมองของคนขับกำลังสับสนอย่างหนัก
บ้าชะมัด!
กำปั้นหนาหนักกระหน่ำลงบนพวงมาลัยรถเต็มแรงหลายต่อหลายครั้ง ความรู้สึกผิดที่ไม่เคยได้เข้าใกล้หัวใจมาก่อนเริ่มสำแดงฤทธิ์เดชอย่างรุนแรงทันทีเมื่อภาพใบหน้านองน้ำตาของดานีนผุดขึ้นมาในสมองซ้ำแล้วซ้ำอีก
นี่เขาใจร้ายเกินไปหรือเปล่านะ กับเด็กสาวที่ไม่มีทางเลือกอย่างดานีน หล่อนทั้งวิงวอน ทั้งคุกเข่าต่อหน้าของเขา แต่เขากลับแสดงท่าทางสะใจใส่หน้าของหล่อนอย่างอำมหิต กรามแกร่งขบกันแน่นจนขึ้นสันนูน ไม่เคยรู้สึกอึดอัดคล้ายกับจะบ้าแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
นี่ดานีนกำลังทำอะไรกับสมองของเขากันนี่ เขาควรจะเกลียดหล่อน ควรจะชิงชังให้ได้เหมือนกับที่ตอกใส่หน้าหล่อนไปไม่ใช่หรือ แล้วทำไม... ทำไมถึงยังกระวนกระวาย ยังรู้สึกสงสารเวทนาแม่นั่นอยู่มหาศาลแบบนี้
“ยายเด็กบ้า... ทำไมจะต้องมาทำให้ฉันรู้สึกแย่แบบนี้ด้วยนะ”
แล้วก็ไม่สามารถทนใจแข็งต่อไปได้อีก ชายหนุ่มติดเครื่องรถอีกครั้ง พร้อมกับหักพวงมาลัยรถให้หมุนกลับไปยังทิศทางเดิมอย่างรวดเร็ว
ก็แค่เพื่อมนุษยธรรม... ไม่สิ มันคือการแก้แค้นต่างหาก เขาเคยตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะต้องเอาคืนยายเด็กปากร้ายอย่างดานีน โรดิเกซให้สาสมกับวาจาเราะร้ายของเจ้าหล่อนที่เคยพ่นใส่หน้าเขาเมื่อในอดีต และตอนนี้เวลานั้นก็ได้เดินทางมาถึงแล้ว เขาจะใช้โอกาสนี้แหละทำให้ดานีนซาบซึ้งว่าคนอย่างเดนิเรล การ์รัสโซ่นั้นล้อเล่นด้วยไม่ได้ เดนิเรลแสยะยิ้มพึงพอใจออกมาเมื่อความคิดที่ออกมาจากสมองของตัวเองนั้นช่างน่าทึ่งเหลือเกิน
“แล้วเธอจะได้รู้ว่าหนุ่มการ์รัสโซ่นั้นร้ายกาจแค่ไหน”
ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งจนมิดและเพียงไม่นานรถสปอร์ตคู่ใจก็สามารถกลับมาจอดที่เดิมได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ถึงแม้จะเป็นสถานที่เดิม เวลาห่างกันไม่ถึงสิบนาที แต่จำนวนผู้คนกลับเพิ่มมากขึ้นจนน่าตกใจ ผู้คนที่แสดงท่าทางคลุ้มคลั่งออกมา
เดนิเรลแทบจะกระโดดลงจากรถสปอร์ตเมื่อมองผ่านเข้าไปในฝูงชนแล้วพบร่างของดานีนกำลังถูกรุมทึ้งอยู่ในนั้น หัวใจหนุ่มกระตุกอย่างรุนแรง เขาทั้งกระชากทั้งผลักผู้คนที่ยืนขวางทางอยู่ให้หลบไปให้พ้นทาง และเพียงไม่นานเขาก็สามารถช้อนร่างอรชรที่บอบช้ำของดานีนขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนได้สำเร็จ
“พวกคุณทำอะไรกัน จะฆ่าเธอหรือไง”