ตอนที่ 4
กันต์ธัสลอบระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะยกหูโทรศัพท์กดหาปิ่นประดับแต่ธามธรณ์รับสาย เขาจึงบอกว่าบังเอิญมาเจอหนึ่งธิดาอยู่ที่ไหน ธามธรณ์จึงรีบออกมาเพื่อรับหนึ่งธิดากลับบ้าน
“คุณลุง!”
หนึ่งธิดาเกือบจะโยนไมค์ทิ้งเมื่อมองเห็นธามธรณ์อยู่ท่ามกลางผู้คนที่กำลังสนุกกับเพลงของเธอ
“กลับบ้านเถอะหนึ่ง”
ธามธรณ์เดินเข้ามาแล้วบอกเธอทำให้เสียงเพลงหยุดลงกะทันหัน
“คุณลุงคะ ขอเวลาหนึ่งอีกนิด..”
“คุณย่าช็อค ตอนนี้ยังไม่ฟื้น”
หนึ่งธิดารู้สึกใจหายกับคำบอกเล่าของธามธรณ์ เธอหันไปมองหน้าเสกข์และเพื่อน ๆที่ต่างก็มองมาด้วยความรู้สึกเครียดและหงุดหงิดไปตาม ๆ กัน แต่ไม่สามารถจะทำอะไรได้ จึงจำต้องปล่อยให้หนึ่งธิดากลับไป
“ขอบใจมากนะธัส”
เมื่อธามธรณ์พาหนึ่งธิดาออกมาที่รถก็เจอกับกันต์ธัสที่รออยู่ ทำให้หนึ่งธิดารู้ได้ทันทีว่าธามธรณ์ตามเธอมาเพราะชายคนนี้ เธอจึงตวัดสายตามองหน้าเขาหมิ่น ๆ ด้วยความชิงชัง
“ไม่เป็นไรครับ พอดีผมผ่านมาตั้งใจจะแวะซื้อของไปฝากน้องก็เลยได้เห็น..”
กันต์ธัสพูดพร้อมกับปลายตามามองหน้าหนึ่งธิดาที่ถลึงตามองหน้าเขาด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความกินแหนงแคลงใจอย่างชัดเจน แต่เขากลับไม่ใส่ใจ
“คุณย่าเป็นอย่างไรบ้างครับ”
“ตกใจมากตอนนี้ท่านยังไม่ฟื้น แต่อาให้หมอเฝ้าดูอาการท่านก่อน”
กันต์ธัสมองหน้าหนึ่งธิดา
“ท่านคงเอาใจมาใส่กับหลานสาวคนนี้มากสิครับท่านถึงเป็นแบบนั้น น่าเสียดายหัวใจที่อบอุ่นของท่าน ต้องมายอกแสยงเพราะเด็กเหลือขอที่ไม่ยอมโต ไม่แยกแยะว่าควรจะกินอะไรระหว่างหญ้า กับผัก”
คำพูดของกันต์ธัสทำให้หนึ่งธิดาถึงกับต้องกำมือแน่น เธอจ้องหน้าเขานิ่งพลางขยับปากเตรียมจะตอบโต้ที่เขาพูดจาหยามหยันเธอ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเขาหยาบคายขนาดไหน
“ฉันไม่ใช่ควาย ฉันรู้ว่าอะไรเป็นผักอะไรเป็นหญ้า แต่ฉันไม่ชอบกินผัก”
“ก็เลยเลือกกินหญ้าแทน”
กันต์ธัสสวนกลับทันควันพร้อมกับมองสบสานสายตากับเธอที่จ้องมองเขาราวกับอยากจะกินเลือดกินเนื้อเขา
“อาต้องกลับก่อน ถ้าคุณแม่ฟื้นแล้วได้เห็นหน้าหนูหนึ่งคงจะดีขึ้น”
“ครับ พรุ่งนี้ผมจะไปเยี่ยมแต่เช้าครับ”
กันต์ธัสหลีกทางให้ธามธรณ์แต่หนึ่งธิดายังอดที่จะตวัดสายตามามองหน้าเขาอีกครั้งเสียไม่ได้ แต่ดูเหมือนกันต์ธัสจะไม่ต้องการอยู่ให้เธอได้มองเขานานนักเมื่อเขาก็หันหลังเดินไปยังรถของเขาแล้วขับออกไปก่อน ทำให้เธอเป็นฝ่ายมองเขาจนลับตา
กลิ่นหอมจากสาบสาวทำให้หัวใจของดนุสรณ์ ชายหนุ่มวัยยี่สิบหกแกว่งไกวหนักขึ้น เมื่อเขาโน้มใบหน้าต่ำลงไปหาดวงหน้าเรียวสะอาดของพาริภัค น้องสาวคนเดียวของกันต์ธัส ที่รีบเมินหลบพร้อมกับยกฝ่ามือแตะที่ใบหน้าคมขรึมของดนุสรณ์ แต่ฝ่ามือใหญ่ของเขาก็เร็วและแข็งแรงมากพอที่จะรวบมือบางของเธอไว้ก่อนจะฝังปลายจมูกลงยังพวงแก้มนุ่ม ๆ แล้วหอมกรุ่นของหล่อน
หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นเมื่อสัมผัสกับความร้อนรุมของปลายจมูกโด่งเป็นสันที่สูดดมและซุกไซ้ไปทั่วพวงแก้มของหล่อน
ฝ่ามือเรียวบางยกขึ้นดันแผงอกกว้างของเขาเต็มแรงก่อนจะมองหน้าดนุสรณ์นิ่งพลางส่ายหน้าหมายจะถอยห่างกึ่งห้ามปรามอยู่นทีแต่ดนุสรณ์กลับรวบร่างบางให้มาแนบอกรัดแน่นมากกว่าเดิมพร้อมกับฉกทาบริมฝีปากได้รูปลงไปหาเรียวปากอิ่มของหล่อนที่เผยอออกหมายจะห้ามเขา
แต่ความตั้งใจต้องหยุดลงเมื่อเขาบดเคล้าเรียวปากหล่อนอย่างหนักหน่วงรุนแรงทั้งดูดแล้วกัดเชิงบังคับให้หล่อนยอมเปิดกลีบปากที่รีบปิดนั้น ทำให้หัวใจของหล่อนเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ แทบนับไม่ได้ว่าเต้นนาทีละกี่ครั้ง
พาริภัครู้สึกตัวเบาโหวงเหมือนจะทรงกายไม่อยู่ด้วยซ้ำเมื่อฝ่ามือใหญ่สะอาดเริ่มสำรวจไปทั่วสรรพางค์กายงามของหล่อน ทั้งกอดรัดลูบคลำ ริมฝีปากก็จูบหนักบดทาบกึ่งบังคับ ทำให้หล่อนเจ็บจนต้องยอมเผยอกลีบปากออกให้เขาสอดปลายลิ้นใหญ่ที่สะอาดและอุ่นซ่านผ่านเข้าไป
แตะสัมผัสปลายลิ้นเล็กของหล่อนที่พยายามหลีกหนีแต่ไม่สามารถหนีได้เมื่อถูกเกี่ยวกวัดรัดดุนดันก่อให้เกิดความไหวหวามสะท้านไปทั่วร่าง รู้สึกอ่อนระทวยจนแทบทรงกายยืนไม่ไหว
เหมือนดนุสรณ์จะรู้ทันจึงช้อนร่างบางขึ้นสู่วงแขน แล้วพามาวางราบลงกับพื้นที่นอนนุ่มพร้อมกับทาบร่างลง
มาหาประกอบกับฝ่ามือใหญ่สะอาดวางราบทาบลงไปยังทรวงอกอวบภายใต้บราไร้สาย เขากอบกุมบีบเคล้นเคล้าคลึงแผ่ว ๆแต่กลับสร้างความรัญจวนให้พาริภัคอย่างมากล้น
สัมผัสที่หนักหน่วงทำให้หัวใจของหล่อนเร่าร้อนเกิดอาการหวั่นหวามแล้วเรียกร้องระคนไขว่คว้าหมายฉุดรั้งไว้กับตัวอ้อมแขนที่กลมกลึงจึงยกขึ้นโอบรั้งรอบคอของดนุสรณ์ก่อนจะเริ่มตอบโต้เขาด้วยการแตะปลายลิ้นเล็กหยอกเย้าตอบรับเขาอย่างว่าง่าย
ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไล้ลูบคลำลงไปยังสะโพกกลมมนผ่านไปยังหน้าท้องต่ำลงไปยังที่หนึ่งที่สอดส่ายปลายนิ้วแตะต้องอย่างอ่อนโยนก่อนจะสอดเข้ามาผ่านชายกระโปรงนอนเลื่อนมาหาซับในตัวจิ๋วเขาค่อย ๆ เลื่อนมันออกไปทางเรียวขาของหล่อน
ตามด้วยชุดนอนที่เลื่อนจากชายกระโปรงเลื่อนไปยังทรวงอก เขาแวะปลดตะขอบราไร้สายที่อยู่ด้านหน้าออก เผยให้สัมผัสกับเนื้อสาวที่อวบตึงนุ่มหยุ่นเหมือนมีสปริง
ชุดนอนผ้าฝ้ายถูกเลื่อนมาจนถึงคองามระหง เขาค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากอิ่มพร้อมกับเลื่อนชุดนอนออกไป แต่ในจังหวะนั้นทำให้พาริภัคเริ่มรู้สึกตัว หล่อนมีทีท่าขัดขืนแล้วจิตใต้สำนึกก็บอกหล่อนว่า หากยอมปล่อยตัวให้เขาได้เชยชมเสียตั้งแต่ค่ำคืนนี้ หล่อนจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
ทำให้พาริภัคแข็งขืนต่อต้านเขาแต่ฝ่ามือใหญ่สะอาดกลับรวบข้อมือเรียวทั้งสองของหล่อนไว้ก่อนจะบดทาบริมฝีปากได้รูปลงอีกครั้งพร้อมกับฝ่ามืออีกข้างเลื่อนสำรวจไปยังโนมเนื้อนวลที่อวบสล้างของหล่อน บีบเคล้นเบา ๆ แล้วหนักขึ้น
ทำให้พาริภัครู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก หล่อนพยายามจะดึงมือออกมาจากฝ่ามือใหญ่ของเขาแต่ไม่สามารถทำได้ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขายอมถอนริมฝีปากออกมาจากเรียวปากอิ่มของหล่อน เขากลับซุกไซ้ทั้งจมูกและปากลงยังสองเต้ากลึงของหล่อน สร้างความเร่าร้อนและทรมานให้หล่อนอย่างมากล้น
ร่างบางสะท้านยะเยือกกับสัมผัสที่ร้อนแรงของเขา พาริภัครู้สึกอ่อนระทวยเพียงแค่จูบเดียวของเขา ดรุสรณ์ช่างวิเศษเสียจริง เพียงแค่จูบเท่านั้นยังทำให้หัวใจของหล่อนโลดแล่นเหมือนใบไม้ที่ปลิวตามกระแสลมที่พัดผ่าน
ร่างบางบิดโยกขยับไหวไปมาพร้อมกับเสียงครางที่เล็ดผ่านออกมาจากลำคอ เมื่อเขาพรมจูบไล่ลงไปหาทรวงอกขาวโพลนของหล่อนซุกไซ้อย่างเมามันหนักหน่วง ทำให้หัวใจของหล่อนหวีดผวาหวามสั่นพร่าขึ้นมา ฝ่ามือบางวางลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังที่แน่นตึงของเขาไล้ลามลงไปหาเอวหนาสะโพกที่แข็งแรง
ท่ามกลางเสียงร้องครางของพาริภัคที่เงยหน้าขึ้นพร้อมกับขบกัดริมฝีปากของตัวเองเมื่อสองแขนโอบรอบคอของดนุสรณ์ไว้แน่นพลางเบียดส่ายทรวงอกที่สัมผัสกับปลายจมูกและริมฝีปากที่รุมร้อนราวกับถูกไฟที่ร้อนแรงกำลังแผดเผาอย่างหนัก
สองฝ่ามือใหญ่เลื่อนไปเอวกลึงบีบเคล้นเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนลงไปยังท่อนขาขาวแล้วระรานกับผิวกายท่อนล่างของหล่อนก่อนจะไล้ฝ่ามือไปยังสองแก้มสะโพกกลมมนขยี้บีบขยำแผ่ว ๆ แล้วหนักขึ้นจนหล่อนเริ่มส่งเสียงร้องดังมากขึ้นเมื่อสองฝ่ามือบางสอดเข้ามาในเส้นผมนุ่มสลวยของเขาแล้วกดทาบไว้ที่โนมเนื้อที่อวบละมุนของตนเอง
“คุณจะไม่หยุดจริง ๆ ใช่ไหม”