บทที่1.เมรี ประภาเกียรติกุล 1/3
บทนำ
รักต้องห้ามที่ไม่อาจเกิดขึ้นได้ แม้ไม่ได้ครองแต่จะขอภักดีตลอดกาล
ฟรองซัวร์ ลูฟว์ มาร์เซย์มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ ‘มาร์เซย์’ หนุ่มหล่อฟีโรโมนล้นเหลือ เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดของมาร์เซย์ เขามีดวงตาสีมรกต ดูลึกลับและน่าค้นหา ทายาทเพียงคนเดียวของ มาร์เซย์ผู้หยิ่งยโส โสดสนิทไร้คู่ ทำตัวเป็นเพลย์บอยควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า ทรัพย์สมบัติติดตัวมามหาศาลจนผู้หญิงไม่กลัวที่จะกลายเป็นแมลงเม่าล้อเล่นกับไฟ ได้เป็นแค่คู่นอนชั่วคราวก็หาได้แคร์ เมื่อผลตอบแทนที่รับมากมายเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะชื่อเสียงหรือเงินตรา
เมรี ประภาเกียรติกุล เด็กสาวจากดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เธอกับมารดาไปเผชิญโชคในต่างแดน ตกอยู่ใต้อุ้งมือจอมมารเพราะคำว่า ‘ตอบแทนพระคุณ’ ฟรองซัวร์มอบตำแหน่งที่ เมรีไม่อยากยอมรับเลยซักนิดให้ แต่ก็จนใจเมื่อบุญคุณค้ำคอ ‘เมียเก็บ’ คือหน้าที่ที่ชายหนุ่มยัดเหยียดให้ เมรีหลงอยู่ในวังวนเสน่หา เธอหลงอยู่กับภาพลวงตามานาน จนวันหนึ่งที่รู้ตัวว่าหลงใหลไปกับสิ่งจอมปลอม หัวใจก็แทบแหลกสลาย
ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของประเทศฝรั่งเศส เมรี เดินเหม่ออยู่บริเวณด้านหน้าหอไอเฟล ดวงตากลมโตแดงก่ำ มีหยาดน้ำตาไหลนองหน้า เธอทรุดนั่งลงบนพื้นเย็นเฉียบ ก่อนจะร่ำไห้ออกมาจนสุดเสียง จนผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองด้วยความสนใจ ต่างพากันรับรู้ความหดหู่ที่กระจายโอบล้อมเธอเอาไว้ ความหมองหม่นแสดงออกผ่านม่านน้ำตาที่หลั่งไหลเต็มใบหน้า
เมรีเพิ่งจะย่าง23 ปีได้เพียงแค่ไม่กี่วัน แต่จำต้องหยุดพักการเรียนที่ใกล้จะจบลงไว้ ทั้งๆ ที่เหลืออีกแค่ไม่กี่เดือนก็จะสามารถคว้าใบปริญญามาครอบครองได้ สาเหตุเป็นเพราะมารดาของเธอเสียชีวิตลงกะทันหัน เพราะการหักโหมทำงานหนัก ส่งเสียลูกน้อยให้ร่ำเรียน สุพรรณษาเสียชีวิตหลังโหมฝืนร่างกายทำงานหนักมานานจนเป็นลม อาการป่วยเริ่มตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา มาทรุดฮวบถึงขนาดต้องหามส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน อาการป่วยทรุดลงเรื่อยๆ จนเสียชีวิตในที่สุด เมรีรีบเดินทางไปโรงพยาบาล เพื่อไปรับร่างอันปราศจากวิญญาณของผู้เป็นแม่
มารดาของเมรีทำงานเป็นคนใช้ที่คฤหาสน์มาร์เซย์ ครอบครัวมั่งคั่งในฝรั่งเศส เจ้านายของสุพรรณษาก็แสนจะใจดีอนุญาตให้เมรีอาศัยอยู่กับมารดาได้
มารดาของเธอเสียชีวิตไปแล้ว เมรีเหลือแค่ตัวคนเดียวท่ามกลางผู้คนแปลกหน้า แถมยังต่างบ้านต่างเมือง ถึงเธอจะกลับไปยังบ้านเกิด ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีคนทางนั้นยินดีต้อนรับตนเองหรือไม่ เธอมีแค่แม่ ส่วนบิดาเสียชีวิตก่อนที่เมรีจะเดินทางมายังประเทศฝรั่งเศสเสียอีก
หลังจากทำบุญในวัดไทย จัดการตามพิธีทางศาสนา บรรจุอัฐิของมารดาลงโกศเรียบร้อย เมรีจึงเดินเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงหน้าบริเวณหอไอเฟล เธอเหม่อมองไปสุดสายตา จากนี้ไปต้องผจญโลกกว้างเพียงลำพัง เพราะเมื่อสิ้นมารดาเมรีก็ไม่เหลือใครที่เป็นคนใกล้ชิดพอจะให้พึ่งพาอีกแล้ว เธอร่ำไห้ รู้สึกเคว้งคว้าง ทดท้อในโชคชะตาของตนเอง พระเจ้าไม่เมตตาเธอเลย พรากบุคคลอันเป็นที่รักไปจากชีวิตเธอจนหมด ตั้งแต่บิดาผู้ให้กำเนิด ตามด้วยมารดาผู้แสนดี เธอยกมือกอดตัวเองแน่น ปล่อยน้ำตาแห่งความเสียใจให้ไหลออกมา
เวลาผ่านไปนานพอดู จนผู้คนเริ่มบางตา เพราะอากาศยามค่ำเริ่มทวีความเย็นมากขึ้น เมรีหยัดกายขึ้นยืน เธอรู้สึกอ่อนแรง เธอยื้อเวลาไว้ไม่ได้ ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เธอต้องเผชิญหน้ากับความจริง ที่คฤหาสน์มาร์เซย์
เมรีหยุดยืนเบื้องหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เธอแหงนหน้ามองยอดตึกสูงสุด ด้วยดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา วันพรุ่งนี้โซเฟีย ประมุขแห่งตระกูลมาร์เซย์เรียกเธอเข้าพบ หญิงสาวไม่ต้องเดา กาฝากอย่างเธอจะมีใครยินดีให้พึ่งพิง เขาคงต้องการเชิญให้เธอ ออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้ หญิงสาวถอนใจแรงๆ หนทางข้างหน้าดูจะมืดมน...จนเมรีรู้สึกหวาดกลัว
วันรุ่งขึ้น...