5
“โอ๊ย!” เธอร้องเจ็บ นำมือไปคลำสะโพก เงยหน้ามองณคุณ ชายหน้ายักษ์ที่แยกเขี้ยวใส่ “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“พามาลงโทษไงล่ะ กฎหมายทำอะไรเธอไม่ได้ ฉันก็เลยจับเธอมาลงโทษในแบบของฉัน” พิมรดากลัวใบหน้าขึงขังเขาไม่พอ เธอยังกลัวคำพูดเขาอีกด้วย “ทั้งที่ฉันอยากฆ่าเธอให้ตายตามเดือนและลูกแก้ว ให้ครอบครัวเธอได้รับรู้ถึงความสูญเสีย แต่ฉันมาคิดๆ ดู ความตายมันไม่ทำให้เธอเจ็บปวด เท่ากับบทเรียนที่ฉันจะมอบให้เธอ”
หนาวสั่นทั้งตัว หัวใจสั่นหนักมากขึ้นไปอีก แววตา น้ำเสียงและใบหน้าเข้มขึงของณคุณน่ากลัวมาก ราวกับซาตานหลุดออกมาจากนรก ทว่าเธอกลับเห็นความเจ็บปวดในแววตาคู่นี้
“แล้วคุณจะลงโทษฉันยังไง คุณถึงพอใจ คุณถึงอภัยให้ฉัน”
พิมรดาเข้าใจความรู้สึกคนสูญเสีย การจากไปของภรรยาและลูกสร้างความเจ็บปวดให้ณคุณมาก เสมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ เป็นเรื่องไม่คาดฝันไม่ทันตั้งตัว ความโกรธแค้นในตัวคนกระทำย่อมเกิดขึ้น พิมรดารับรู้ถึงพลังนั้น ขนาดเธอยังไม่ให้อภัยตัวเอง แล้วเขาล่ะ จะให้อภัยเธอได้อย่างไร
“เธอพูดแบบนี้ ทำให้ฉันคิดว่า เธอยอมทำตามทุกอย่างที่ฉันบอกใช่ไหม”
“ไม่ใช่แค่คุณที่เจ็บปวดกับการสูญเสีย ฉันเองก็เจ็บปวดไม่แพ้คุณ นับตั้งแต่คืนนั้น มันเหมือนเป็นฝันร้ายตามหลอกหลอน ฉันไม่เคยนอนหลับสนิทเลยสักคืน ฉันทำบุญทุกวัน หวังว่าบุญจะทำให้ฉันปลงและปล่อยวาง แต่ไม่เลย มันกลับแน่นอยู่ในใจฉัน ถ้าการที่ฉันถูกคุณลงโทษและฉันได้รับการให้อภัย ฉันยินดี บางทีฉันอาจปลดจากห่วงนี้ก็ได้” พิมรดาพูดไปร้องไห้ไป ทุกคำพูดล้วนมาจากใจ
“ฉันยกโทษให้เธอแน่ ถ้าฉันได้ในสิ่งที่ต้องการ” น้ำเสียงราบเรียบ แต่ทรงพลัง
“คุณต้องการอะไร จะลงโทษฉันยังไงคะ” พิมรดายอมทำทุกอย่าง เธออยากจบเรื่องนี้ ต้องการกลับไปเป็นพิมรดาคนเดิม ที่ใจไม่วกวนอยู่กับเรื่องนี้
“เธออยู่ที่นี่ในฐานะคนใช้ ฉันจะโขกสับเธอเยี่ยงทาส และอีกหนึ่งหน้าที่คือ เป็นนางบำเรอของฉัน จนกว่าเธอจะมีลูกให้ฉัน เธอคลอดลูกเมื่อไหร่ ฉันจะปล่อยเธอให้เป็นอิสะ ความโกรธแค้นที่ฉันมีต่อเธอเป็นอันจบ” ลงโทษอย่างแรกพิมรดาไม่ตกใจเท่าอย่างหลัง เธอมองหน้าเขาทั้งน้ำตา หัวใจเต้นด้วยอัตราความเร็วเช่นเดิม เธอพรากลูกเขาไปก็ต้องมอบลูกคืนให้ เป็นเรื่องที่ยุติธรรม แต่ก็มีคำถามในใจเกิดขึ้น
“ลูกที่เกิดจากผู้หญิงที่คุณเกลียดและแค้น คุณจะรักลูกคนนี้หรือคะ”
“รักสิ เพราะลูกที่เกิดมาเป็นลูกของฉัน เป็นลูกที่ฉันตั้งใจให้เกิดมา ฉันไม่มีวันเกลียดลูกตัวเองได้แน่นอน แม้ว่าแม่ของลูกคือคนที่ฉันเกลียดเข้ากระดูกดำก็ตาม” ณคุณตอบชัดเจน “เธอไม่มีทางเลือกพิมรดา ยอมไม่ยอมเธอก็ต้องทำตามคำสั่งฉัน ทุกอย่างฉันเป็นคนกำหนด บนเกาะนี้ฉันคือผู้พิพากษา แล้วฉันบอกเธอเอาบุญไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้าเธอคิดหนีหรือขัดใจฉันล่ะก็ ฉันจะจับตัวน้องสาวเธอมาลงโทษแทน”
“ไม่นะ อย่าทำอย่างนั้น น้องสาวฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย คนที่คุณควรลงโทษคือฉัน ฉันยอมทุกอย่าง คุณเอาความโกรธ ความเกลียดมาลงที่ฉันได้เลย” พิมรดาร้องขอเสียงสั่น ยอมรับการลงทัณฑ์แต่โดยดี
“ต่อไปนี้คำสั่งฉันคือประกาศิต ห้ามขัดคำสั่ง ห้ามโต้แย้ง ถ้าไม่อยากเจ็บตัว อย่าทำ” เขาเตือน เธอพยักหน้าช้าๆ “งานแรกที่เธอทำคือ ทำความสะอาดบ้าน ทรายที่ติดตามตัวเธอทำบ้านฉันสกปรก เธอต้องจัดการเม็ดทรายทุกเม็ดให้บ้านฉันสะอาด ถ้าฉันสัมผัสเม็ดทรายสักเม็ดล่ะก็ ฉันจะจับตัวเธอไปแช่น้ำทะเล”
“แล้วอุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ที่ไหนคะ”
“ก็หาเอาเองสิ ตาก็มีไม่ใช่เหรอ ใช้ตาให้เป็นประโยชน์ไม่ใช่มีไว้ร้องไห้อย่างเดียว แล้วจะบอกเอาไว้นะว่า น้ำตาเธอไม่ช่วยอะไรหรอก ต่อให้ร้องไห้เป็นสายเลือด ฉันก็ไม่มีวันยกโทษให้เธอ” เสียงเขาเข้มห้วน ใบหน้าดุดัน พิมรดาไม่กล้าสบตามอง ก้มหน้างุด “หาของแค่นี้หาไม่ได้ ก็เตรียมตัวไปแช่ในน้ำเล่นๆ ได้เลยฉันกลับมาแล้วบ้านไม่เรียบร้อยล่ะก็ เธอเจอดีแน่”
มิวายขู่ซ้ำ ก่อนเดินออกไปจากห้อง พิมรดาน้ำตาร่วง ปาดน้ำตาทิ้งราวกับเด็กน้อย เธอมองไปรอบห้องที่มีเพียงฟูกขนาดสามฟุตครึ่งเปล่าๆ ไร้ผ้าปูที่นอน พัดลมขนาดสิบสี่นิ้วกลางเก่ากลางใหม่วางอยู่ปลายฟูก ชั้นไม้สามชั้นวางตรงหัวมุม หน้าต่างสองบานพร้อมเหล็กดัดแน่นหนา ผ้าม่านสีเทาติดอยู่บนขอบหน้าต่าง ภายในห้องมีเท่านี้จริงๆ
ขณะที่กำลังสำรวจห้อง บัญชาเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง เขาวางมันลงใกล้ๆ ร่างเจ้านายสาวที่รู้ดีว่า นิสัยดีแค่ไหน ทว่าเขาเป็นคนของณคุณ ก็ต้องรักและเคารพนายหัวจอมเถื่อนมากกว่าสาวตรงหน้า
“ในกระเป๋ามีเสื้อผ้าของคุณพิมครับ ผมเก็บมาให้” บัญชาบอกพิมรดาที่ใบหน้าเหมือนมีเครื่องหมายคำถามแปะอยู่ “ผมเป็นคนของนายหัวที่ถูกส่งเข้าไปในบ้านคุณพิม คอยดูความเคลื่อนไหวแล้วรายงานให้นายหัวทราบ และลงมือจับตัวคุณพิมมาที่นี่ด้วยการวางยานอนหลับ พร้อมเก็บเสื้อผ้าคุณพิมมาด้วยครับ”
บัญชาเฉลยให้พิมรดารู้
คลื่นใต้น้ำ...