4
สองวันต่อมา
เสียงเครื่องยนต์เรือและจังหวะการกระแทกของเรือกับผืนน้ำ ส่งผลให้หญิงสาวที่นอนสลบอยู่บนเรือรู้สึกตัว เธอลืมตาขึ้นมาเชื่องช้า มึนหัวเบาๆ ร่างสาวยันตัวลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆ อย่างมึนงง แต่ยังไม่ทันที่เธอได้ทวนความจำดี หรือคิดอ่านสิ่งใด พิมรดารู้สึกราวกับว่าร่างตัวเองลอย ก่อนกระทบกับผืนน้ำในขณะที่เรือกำลังจอด
ตูม...
แคกๆ
พิมรดาทะลึ่งตัวขึ้นมาเหนือน้ำ เธอสำลักหลายครั้ง ยังไม่ทันได้ลืมตา ศีรษะเธอเหมือนมีบางอย่างกดลงไปใต้น้ำ เธอดิ้นรนพยายามดันร่างให้พ้นน้ำเพื่อหายใจ เพราะเธอเป็นมนุษย์หายใจในน้ำไม่ได้ พิมรดาดึงตัวเองหลายครั้งหลายหน แต่ก็มีบางอย่างกดไว้เช่นเดิม หญิงสาวสำลักน้ำไปแล้วหลายอึก คิดในใจว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปมีหวังได้วายชีวาตรงนี้แน่ มือเล็กจับสิ่งที่กดอยู่หัว เพิ่งรู้ว่าคือมือใครบางคนที่หมายเอาชีวิต เรี่ยวแรงน้อยนิดออกแรงปัด แต่ไม่เลย มือยังยึดมั่นตามเดิม กดหัวไว้ไม่ปล่อย
“ไอ้เพชรพอ ไอ้เพชร เดี๋ยวเธอก็ตายหรอก” ยศวินหรือวินที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องห้าม ไม่ห้ามแค่ปาก ยังจับมือคนกำลังโกรธให้พ้นศีรษะเชลยสาว
“เออ กูอยากให้เธอตาย ตายตามเมียกับลูกกู”
“ถ้าเธอตาย มึงก็ไม่ได้แก้แค้นน่ะสิ มึงอย่าลืมนะว่า มึงจับตัวเธอมาที่นี่ทำไม ให้ตายง่ายๆ อย่างนี้เหรอ สติ...มึงต้องมีสติ” ยศวินเตือนสติ ณคุณรู้ตัว ขยุ้มเส้นผมพิมรดา ก่อนดึงขึ้นมาให้พ้นน้ำทะเลอย่างไม่กลัวเธอเจ็บ
แคกๆ แคก
พิมรดาไอจากการสำลักน้ำ สูดอากาศเข้าไปในปอดแรงๆ ราวกับว่ากลังออกซิเจนในกายจะหมด ช่วงวินาทีนั้นแขนสาวถูกกระชาก เธอจำต้องเดินตามร่างหนาที่กระชากลากถูขึ้นไปบนฝั่ง ทั้งงงและตกใจ
“โอ๊ย!” แม้นผืนทรายยามเหยียบย่ำจะนุ่มเท้า ทว่าหากร่างถูกกระทบเต็มแรง ความเจ็บย่อมเกิดขึ้น
“สำออยจัง แค่นี้ร้องเจ็บซะดัง” คนพูดยืนเท้าเอวมองผลงานที่ตัวเองทำด้วยรอยยิ้ม คนถูกกระทำเงยหน้ามองต้นเสียง ความตกใจแทรกบนดวงหน้าหวานเปียกชุ่ม
“คุณเพชร” พิมรดาจำชายตรงหน้าได้ดี เธอพบเจอเขาหลายครั้ง ในวันที่ไปเคารพศพรัตน์ชนกและชนกนันท์ เขาอยู่ในศาลาสวดศพ นั่งร้องไห้และมองเธออย่างกินเลือดกินเนื้อ พิมรดาตัวชาวาบ กลัวแววตาเคียดแค้นจับจิตจับใจ จนต้องหลบสายตา และเจอณคุณอีกสามสี่ครั้ง ซึ่งทุกครั้งนัยน์ตาเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง
“นึกว่าจะจำฉันไม่ได้ซะแล้ว”
“คุณจับตัวฉันมาทำไมคะ แล้วพาตัวฉันมาที่นี่ได้ยังไง” มีคำถามหลายคำถามในหัว ทว่าถูกกลั่นเป็นคำถามแค่นี้
“ฉันไม่ได้จับเธอมาเป็นเจ้าหญิงหรือเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีแน่นอน” คนตอบกระตุกยิ้มน่ากลัว หัวใจพิมรดายวบไหว สั่นหนักมาก “ส่วนคำถามที่สองอยู่โน่นไง”
ณคุณพยักเพยิดหน้าไปทางด้านหลังเชลยสาว พิมรดาหันไปมองชายร่างสูงโปร่ง ในมือถือกระเป๋าเดินทางที่เธอจำได้ดีว่า เป็นของตน คนที่ถือกระเป๋าคือ บัญชาคนขับรถบิดา เธอยิ่งงงหนักมากขึ้น
“คงสงสัยล่ะสิว่า ไอ้ชามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เรื่องมันยาวน่ะ แล้วฉันเชื่อว่าเธออยู่ที่นี่อีกนาน เพราะฉะนั้นไม่ต้องรีบร้อนรู้ความจริงตอนนี้ก็ได้ ตอนนี้เธอต้องทำอย่างอื่นก่อน”
น้ำเสียงฟังแล้วไม่มีอารมณ์กรุ่นโกรธ ทว่าประโยคท้ายทำให้เธอขนหัวรุกพิกล
“คุณจะทำอะไรฉัน” น้ำเสียงถามค่อนข้างสั่น
“เดี๋ยวก็รู้...มานี่” ณคุณทำในเรื่องที่พิมรดาไม่คาดคิด ข้อมือเล็กถูกมือใหญ่คว้าจับ ก่อนลากร่างเล็กที่ไม่ได้ตั้งหลักแต่อย่างใด ร่างเธอจึงถูกลากไปกับผืนทราย เขาไม่สนใจว่า เธอจะเจ็บหรือไม่ และไม่สนใจเสียงร้องโอ๊ยเช่นกัน
“ไอ้เพชรพอแล้วมึง กว่ามึงจะลากไปถึงบ้านพัก ตัวพิมถลอกพอดี”
ยศวินรีบห้าม และเป็นคนเดียวที่กล้าห้าม ไข่นุ้ย สมานและเข้ม สามลูกน้องคนสนิทต่างไม่กล้าห้าม เพราะรู้อารมณ์เจ้านายดีกว่า ห้ามยากแล้วอย่าเข้าไปยุ่ง
“เรื่องของกู” เจ้าของเกาะหันมาตะคอกเพื่อนรัก ออกแรงกระชากแขนเธอมากขึ้น “พวกมึงไม่ต้องตามกูมา ถ้าตามมาล่ะก็ กูฆ่าเธอแน่”
คนที่กำลังเดินตามระงับเท้าแทบไม่ทัน ทั้งสี่คนรวมทั้งบัญชารู้ดีว่า อารมณ์ณคุณตอนนี้ พูดจริงทำจริง ทั้งหมดจึงได้แต่มองดูนายหัวจอมเถื่อนลากเชลยสาวไปยังบ้านพัก ที่ไม่รู้ว่าส่งกำลังใจให้ใครดี
“โอ๊ย” พิมรดาร้องเจ็บ ข้างลำตัวเสียดสีไปกับผืนทรายเจ็บไปหมด เกิดความแสบขึ้นมาอีกด้วย เธอจำต้องพยายามลุกขึ้นยืนให้ได้ แต่ก็ยากเพราะณคุณลากเธอแบบไม่หยุดพัก จะยืนได้ก็ต้องล้มลุกคลุกคลานขึ้นใหม่ ทว่าในที่สุดพิมรดาก็ยืนได้ ถูกลากจูงเช่นเดิม
พิมรดามองเส้นทางที่เดินผ่าน มีทั้งต้นไม้ที่เป็นต้นมะพร้าวเสียส่วนใหญ่ โรงเรือนขนาดใหญ่ที่มีโต๊ะไม้วางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และเหมือนโรงเก็บของแบบโล่งอีกสองหลัง ก่อนที่เขาจะลากเธอไปถึงบ้านพักสองชั้น เมื่อเข้าไปในบ้าน พิมรดายังไม่ได้รับอิสระ ณคุณก้าวเดินต่อไปยังห้องทางด้านซ้ายมือ ก่อนที่เธอจะถูกเหวี่ยงไปบนพื้นห้อง