บทที่ 7
แอร์เย็นเฉียบทำให้กอหญ้าต้องนอนคู้ตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ความจริงเธอจะลุกหยิบรีโมตเพื่อปรับอุณหภูมิก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ภาพเมื่อคืนตอนถูกผู้ชายที่ชื่อพายุบังคับจูบแถมล้วงจับก้นทำให้ไม่อยากจะทำอะไร นอกจากทบทวนเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ
จูบแรกของกอหญ้ากับผู้ชายหื่น ๆ ที่นั่งดื่มไวน์ด้วยกัน
พี่พายุดูแล้วน่าจะอายุมากกว่าเธอราว ๆ สิบปี ไฝใต้ตาเม็ดเล็กเพิ่มเสน่ห์ให้กับรอยยิ้มเจ้าชู้แพรวพราวและดวงตาสีคาราเมลเข้มก็บอกชัดว่าต้องการอะไร แต่เธอก็ยังยอมนั่งอยู่ข้าง ๆ ดื่มเป็นเพื่อน แถมแหกกฎตัวเอง ยอมดื่มเป็นแก้วที่สอง
เพราะอีเมลของเจ้านายตัวแสบคนเดียว!
‘งานออกแบบของคุณมันเหมือนคนไม่เคยมีความรัก ไม่มีเสน่ห์ ใช้ไม่ได้!’
กอหญ้าไม่เคยมีแฟน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ทำแต่กิจกรรมและเรียนหนังสือ หนุ่มหล่อเดือนคณะหรือรุ่นพี่ต่างสาขามาจีบก็ไม่สน เพราะไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ นึกไม่ถึงว่าการไม่เคยมีความรักจะกลายเป็นอุปสรรคในการทำงาน
ความจริงแล้วฝีมือการออกแบบของกอหญ้าดีมาก เพราะเป็นผู้หญิงชอบจินตนาการและคิดบวกในเชิงสร้างสรรค์ เธอได้รับคำชมจากเจ้านายเก่าและเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ จนกระทั่งบริษัทถูกเทกโอเวอร์เพราะไปไม่รอดในช่วงโควิด
เรียกได้ว่าเจ้านายเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยนจริง ๆ
แรกเริ่มก็ได้รับอีเมลตำหนิเรื่องงานออกแบบที่ใช้ไข่มุกหลายฉบับติด ๆ กัน พออ่านประโยคแดกดันบ่อยเข้า กอหญ้าก็เริ่มสมองตัน พาลคิดงานออกแบบเครื่องประดับอื่น ๆ ไม่ออกไปด้วย
‘ถ้าคุณทำให้งานมันมีเสน่ห์มากกว่านี้ไม่ได้ ผมว่าคุณควรพิจารณาตัวเองได้แล้วว่ายังมีประโยชน์กับบริษัทหรือเปล่า’
คำแรกก็ไม่มีเสน่ห์ สองคำก็ไม่มีเสน่ห์ กอหญ้าจึงเริ่มหมดความมั่นใจและคิดไปว่าตัวเองไม่ใช่คนเก่งคนสวยเหมือนสมัยเรียนแล้ว เธอเลือกซื้อบิกินีวาบหวิว ตั้งใจหว่านเสน่ห์ให้คนมอง แต่การอยู่กับสาว ๆ อีกสี่คนทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ หรือถ้าหนุ่ม ๆ อยากจะจีบก็คงเลือกเธอเป็นคนสุดท้าย
กอหญ้ายิ้มยาก ไม่ใช่ตัวเลือกแรกของหนุ่ม ๆ อยู่แล้ว
พอได้เจอผู้ชายรูปหล่ออ่อยหนักเข้าหน่อย เธอจึงลองปล่อยตัวปล่อยใจ เผื่อจะได้เข้าใจว่าอารมณ์สาว ๆ เวลาตกหลุมรักมันเป็นยังไง หัวใจเต้นแรงแค่ไหน หรือมีอะไรที่พอจะเอามาใช้ในงานได้บ้าง
กอหญ้าแค่อยากคุยกับเขาให้ชื่นใจ เธอไม่ได้นึกอยากถูกกอดหรืออะไรทั้งนั้น…
“ขอน้ำมะพร้าวปั่นนะคะพี่ภู” หลังจากทรมานตัวเองอยู่ในห้องแอร์เย็นเฉียบอยู่นาน กอหญ้าก็ตัดสินใจออกไปรับลมทะเลนอกห้องพัก โดยไม่ลืมหยิบเอาสมุดสเก็ตช์ภาพและข้าวของจำเป็นติดไปด้วย เธอแวะที่ห้องอาหารก่อนจะหมดเวลาราวสิบห้าที มือเรียวหยิบเอาครัวซองต์และขนมปังอีกชิ้น เทนมใส่แก้ว หลังจากจัดการมื้อเงียบ ๆ คนเดียว เธอก็ออกมานั่งริมทะเลตามลำพัง
สาวสวยที่กำลังหมดความมั่นใจในตัวเองเกือบจะสำลักน้ำมะพร้าวตาย เพราะเจ้าของร่างสูงสวมสูทสีน้ำเงินเข้มที่เดินตรงเข้ามาใกล้ ๆ เขาดูหล่อกระชากใจสไตล์นักธุรกิจ ใบหน้าคมคร้ามจริงจัง บุคลิกแตกต่างจากพี่พายุที่เธอเจอเมื่อวานโดยสิ้นเชิง
กอหญ้ารีบหันหน้ามองทะเล ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ชายมากเสน่ห์ทำหัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะอีก
หากไม่ต้องเข้าประชุมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า พายุก็คงจะกลับเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง สลัดสูทราคาแพงออกและกลับมานั่งคุยกับน้องกอหญ้าที่ผลักเขาตกสระว่ายน้ำไปเมื่อวานนี้แล้ว
“เมื่อวานผลักพี่ตกน้ำแล้วหายตัวเลยนะครับน้องกอหญ้า” พายุเอ่ยทักเสียงสดใส เมื่อวานคงจะรุกเร็วไป เด็กมันกลัวเลยผลักตกน้ำเอา
“ไม่หายไม่ได้หรอกค่ะ คุณเล่นจะปล้ำฉันแบบนั้น” กอหญ้าไม่สบตาและลงมือวาดภาพทะเลเล่น ทำราวกับคนข้าง ๆ ไม่ได้อิทธิพลต่อหัวใจที่กำลังเต้นรัว
“เดี๋ยวนะ พี่ไปปล้ำเธอตอนไหน เธอเป็นคนเริ่มก่อนนะกอหญ้า” เมื่อวานเธอเอนตัวมาหากันก่อน เรื่องนั้นเขาจำได้แม่น
“เปล่านะคะ กอหญ้าแค่มึนแล้วเซ ไม่ได้เริ่มก่อนสักหน่อย”
