บทที่ 2
“พี่มารินก่อนเลย ตัวตั้งตัวตีของทริปนี้ มีเรื่องเครียดอะไรเหรอคะ” เมื่อเห็นว่าคนอื่น ๆ เอาแต่นั่งนิ่ง ฟองคลื่นจึงเลือกถามแบบเฉพาะเจาะจงโดยเลือกคนที่นั่งใกล้ตัวเองมากที่สุดก่อน ซึ่งก็คือมาริน
“เอ่อ...คือพี่” คนถูกถามมีท่าทีอึกอักเล็กน้อย เหล่ตาไปมองจันทร์เจ้าที่รู้เรื่องราวของตนเพื่อขอความช่วยเหลือ หากสิ่งที่ได้กลับมามีเพียงแค่แววตาเห็นใจ เพราะอีกฝ่ายก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรเช่นกัน
“เห็นว่าเรื่องงานก็ไปได้ดีเลยนี่ ไม่เห็นมีเรื่องอะไรให้ต้องเครียด” กอหญ้าถามขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว สังเกตเห็นสีหน้าและแววตาเศร้า ๆ ของเพื่อนตั้งแต่เจอกันที่สนามบินแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ถามอะไร “หรือว่าแกอกหักเหรอวะ”
“นั่นสิคะ หรือว่าโดนหนุ่ม ๆ ที่ทำงานหักอกมา” คำถามกึ่งเย้าแหย่ของสาวรุ่นน้อง ทำให้มารินแทบไปต่อไม่ถูก ด้วยเหตุที่ทำให้เธอต้องหนีมาไกลถึงทะเล ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่นั่นแหละ
“บ้าบอ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ก็แค่อยากมาเฉย ๆ เอาเรื่องของแกดีกว่าไอ้กอหญ้า เป็นไงมาไงถึงโดนไล่ออก” ‘มาริน’ สถาปนิกสาวตอบแบบปัด ๆ แล้วรีบเฉไฉไปที่เรื่องของคนอื่นทันที เพราะการมีใจให้ผู้ชายที่เพื่อนชอบคงไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดสักเท่าไร อีกทั้งเพื่อนคนนั้นก็นั่งร่วมวงสนทนาอยู่ตรงนี้ด้วย...
“อ้าว...ยัยนี่ ปากเสีย ยังไม่โดนไล่ออกโว้ย แค่บริษัทโดนเทกโอเวอร์ ผลงานของฉันไม่เข้าตาเจ้านายคนใหม่” นึกถึงเรื่องนี้แล้วนักออกแบบสาวที่แสนอารมณ์ดีและเป็นที่รักของทุกคนก็ได้เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเจ้านายใหม่อยู่ในใจ ด้วยเพราะมีเรื่องให้ปะทะกันไม่เว้นแต่ละวัน
“แล้วพี่จันทร์เจ้าล่ะคะ แว่ว ๆ ว่าก็เครียดเรื่องงานเหมือนกันใช่ไหม” ฟองคลื่นชะโงกหน้าออกไปถามคนที่นั่งถัดจากมาริน
“อือ...” ไกด์สาวจอมแสบพยักหน้ารับเซ็ง ๆ “เผลอไปต่อยหน้านักท่องเที่ยวที่เป็นลูกทัวร์จนเลือดกำเดาไหล เลยโดนเจ้านายสั่งพักงานยาว เศรษฐกิจยิ่งไม่ดีต้องมาโดนพักงานอีก คอนโดฯ กับรถก็ยังผ่อนไม่หมด เงินเก็บก็มีเท่าหอยมด”
ปลาดาวยื่นมือมาบีบขาเพื่อนอย่างให้กำลังใจ เพราะเธอได้เจอกับเพื่อนคนนี้ค่อนข้างบ่อย จึงได้แชร์เรื่องราวต่าง ๆ สู่กันฟังบ้าง ต่างจากกอหญ้าที่ถึงแม้จะทำงานที่กรุงเทพฯ เหมือนกัน แต่รายนั้นกลับงานยุ่งจนไม่ค่อยมีเวลามาเจอเพื่อน
“มีเรื่องอะไรที่ฟองคลื่นช่วยได้ก็บอกได้เลยนะคะ” สาวน้อยส่งกำลังใจมาให้ผ่านรอยยิ้มอันแสนน่ารัก
“ขอบใจจ้ะ” จันทร์เจ้ายิ้มรับ
“แล้วพี่ปลาดาวล่ะคะ มีเรื่องอะไรเหรอคะ หรือว่าอกหักอย่างที่พี่จันทร์เจ้าบอก”
“ใช่ พี่อกหัก...” ครั้งนี้ปลาดาวยอมรับออกมาแต่โดยดี สายตาจดจ้องไปที่สถาปนิกสาวในชุดวันพีชสีเหลืองที่กำลังมองมาที่ตนเช่นกัน ครั้นเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์บาดตาบาดใจที่ตนบังเอิญไปรู้ไปเห็นมาเมื่อสามวันก่อน ก็เกิดความรู้สึกเจ็บใจขึ้นมา ส่งให้เธอใจกล้า แล้วเลือกจะพูดทุกอย่างที่เก็บไว้ออกไปตรง ๆ “พี่ชอบผู้ชายอยู่คนนึง ชอบมานานมาก ทุกคนรู้กันหมดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เหมือนว่าจะมีคนบางคนไม่รู้ ไปยืนจูบ...”
“ไอ้ดาว!!” เสียงของจันทร์เจ้าดังแทรกขึ้นมาก่อนที่ปลาดาวจะได้พูดจบ ด้วยรู้ว่าสิ่งที่เพื่อนจะพูดต่อไปนั้นคืออะไร และแน่นอนว่าการกระทำนี้ของไกด์สาวสร้างความแปลกใจให้อีกสองคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเป็นอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” ฟองคลื่นถามด้วยความไม่เข้าใจ ตามมาด้วยกอหญ้าที่ถามแล้วมองหน้าเพื่อนสลับกันงง ๆ
“เออดิ เป็นอะไรกันวะ”
“นะ...นั่นสิ เกิดอะไรขึ้นวะ” มารินถามกลั้วหัวเราะ ทั้งที่ในใจแทบจะหยุดเต้นไปแล้วในวินาทีที่ปลาดาวมองเธอและพูดเหมือนไปรู้อะไรมา อะไร...ที่เธอพยายามหนีและปิดเงียบมาโดยตลอด
“ไม่มีอะไรหรอกแก ไอ้ดาวมันก็บ้า ๆ แบบนี้อยู่แล้วปะวะ อย่าไปถือสามันเลย” จันทร์เจ้าเอ่ยขึ้นและหัวเราะ พยายามแก้สถานการณ์ตอนนี้ให้มันดีขึ้น “นี่ก็เย็นมากแล้ว ฉันว่าเราแยกย้ายกันเข้าโรงแรมเถอะ รีบอาบน้ำแต่งตัวตอนเย็นเรามีปาร์ตี้กันอีกนะอย่าลืม”
“เอ่อ...พี่ ๆ คะ ฟองจะบอกว่าเย็นนี้ฟองคงไปด้วยไม่ได้นะคะ พอดีติดธุระกับที่บ้านน่ะค่ะ แต่เดี๋ยวฟองจัดเตรียมรถไว้ให้ พี่ ๆ อยากไปไหนก็บอกคนขับรถได้เลยนะคะ”
แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไป ใครมีเรื่องกันก็เคลียร์ต่อ...
