บทที่ 14
“เกือบจะได้กินข้าวผัดแมลงวันแล้วไหมล่ะ”
“พี่พายุมองโลกในแง่ดีจังเลยนะคะ กอหญ้านี่จินตนาการไปถึงต้มยำปีเตอร์แล้ว”
“ต้มยำปีเตอร์? ไม่มั้งกอหญ้า ร้านนั้นแค่ไม่สะอาด คงไม่ถึงขั้นเอาเนื้อของนายปีเตอร์ไปทำอาหารหรอกมั้งครับ”
“พี่พายุคะ ปีเตอร์ไม่ใช่คนค่ะ” กอหญ้ากระซิบเสียงเบา
“Coquerelle!” พายุทำหน้าขยะแขยงพลางอุทานเป็นภาษาที่ถนัด พอตั้งสติได้ก็แปลให้ฟังว่าเขาหมายถึงแมลงสาบ ซึ่งเป็นสัตว์ที่เขากลัวมากที่สุด
กอหญ้าถึงกับหัวเราะจนน้ำตาไหลให้กับความไม่รู้และท่าทางกลัวจนขนลุกขนชันของอีกฝ่าย มุมน่ารัก ๆ ของเขาให้เธออดยิ้มตาหยีไม่ได้จริงๆ
ถ้าไม่นับเรื่องเข้าใจผิดกันตั้งแต่แรก พายุก็เป็นผู้ชายที่ใช้ได้เลยทีเดียว
พายุรับเมนูอาหารจากพนักงาน เขาสั่งสลัดอโวคาโดพร้อมกับพ่นพึมพำว่าไม่กินอาหารจำพวกแป้งในมื้อเย็น ส่วนกอหญ้าสั่งข้าวผัดสับปะรดจานโต
สับปะรด…
กอหญ้ารีบสลัดความคิดอกุศลไปให้พ้นหัวทันที
“ว่าแต่พี่พายุจะอยู่ที่ภูเก็ตอีกนานไหมคะ” กอหญ้าชวนคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจผู้ชายเจ้าชู้ ให้คิดเรื่องอื่นนอกจากเรื่องลามกได้บ้าง คนอะไรหูตาแพรวพราวได้ตลอดเวลา เห็นแล้วทำหัวใจคนโสดไม่เคยมีความรักสั่นสะท้านอยู่เรื่อย ๆ
“อีกสักอาทิตย์ก็คงต้องกลับแล้วละ” เขาแซวต่อว่าเรายังต้องเจอกันอีกหลายวัน โดยไม่รู้เลยว่าสาวสวยที่จ้องจะลากขึ้นเตียงให้ได้ มีกำหนดกลับกรุงเทพฯ ในวันพรุ่งนี้แล้ว
“เรื่องงานเรียบร้อยแล้วเหรอคะ”
“ถ้าไม่เรียบร้อยพี่คงไม่ได้มานั่งจีบคนที่ตัวเองชอบอยู่แบบนี้หรอก” คำตอบของเขาทำให้กอหญ้าพูดไม่ออก รีบจัดการอาหารตรงหน้าเงียบ ๆ จนหมดจาน
แม้ว่าพี่พายุจะเจ้าชู้หนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นคนตรงไปตรงมาเลยทีเดียว บอกว่าชอบก็คือชอบ ไม่มาอมพะนำให้คนถูกจีบต้องคิดเองเออเองว่าอะไรยังไงกันแน่ แถมเสน่ห์ยังฟุ้งกระจายไม่ต่างจากน้ำหอมราคาแพงที่เขาใช้ สมกับความเป็นลูกเสี้ยวฝรั่งเศสที่ส่งตรงมาจากปารีส เมืองที่เขาว่ามนุษย์ผู้ชายมีความโรแมนติกและทุ่มเทเอาใจใส่เก่งเป็นอันดับแรก ๆ ของโลก
แต่กอหญ้าไม่ได้รู้เลยว่านอกจากการความทุ่มเทเอาใจใส่ พายุยังเป็นผู้ชายแผนสูงและไม่ยอมแพ้กับอะไรง่าย ๆ ในเมื่ออีกฝ่ายยอมออกเดตและดินเนอร์ด้วยกัน ขั้นต่อไปก็น่าจะถึงเนื้อถึงตัวหรือไม่ก็ถึงเตียงกันได้แล้ว
ผู้ชายคนอื่นคงจะสาปแช่งฟ้าฝน ที่กระหน่ำลงมาในระหว่างที่ทั้งคู่เดินกลับไปยังรถที่จอดอยู่ค่อนข้างไกล เนื้อตัวของทั้งคู่เปียกชุ่ม พอถึงรถก็ได้แต่มองตากันปริบ ๆ เพราะลมแรงจนแทบจะมองไม่เห็นทาง
“เรารออีกสักพักค่อยกลับเถอะ มองไม่เห็นทางแบบนี้พี่ขับไม่ไหวจริง ๆ” พายุหันเอี้ยวตัวหันไปเปิดกระเป๋าเดินทางใบเล็กที่เขาไม่ได้นำลงจากรถที่เช่ามาจากสนามบิน ก่อนจะหยิบเอาเสื้อสะอาดออกมาสองตัวและผ้าผืนเล็ก ๆ อีกสองผืน เขายื่นเสื้อและผ้าขนหนูให้กับกอหญ้า ก่อนจะจัดการถอดเสื้อเปียก ๆ และซับตัวเองให้แห้ง จงใจถ่วงเวลาก่อนสวมเสื้อผ้านิดหน่อย เพื่อให้คนสวยได้เห็นซิกซ์แพ็กและวีไลน์แบบเน้น ๆ
ไม่มีผู้หญิงคนไหนเห็นแล้วไม่เกิดอารมณ์ ประสบการณ์นานถึงสามสิบแปดปีของพายุการันตีเรื่องนั้นได้
ทว่ากอหญ้ากลับไม่สนใจมองมันเลยสักนิด…
“เราน่าจะติดอยู่ตรงนี้อีกสักพัก กอหญ้าเปลี่ยนเสื้อก่อนเถอะนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบาย” น้ำเสียงของเขาราบเรียบราวกับไม่ได้คิดเรื่องลามกอะไรในใจ
“คือว่า…”
“ถ้าอายเดี๋ยวพี่จะปิดตาให้หรือไม่ก็ข้ามไปเปลี่ยนที่เบาะหลังก็ได้นะครับ” ทว่าคนที่เปียกทั้งตัวกลับยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกหนาวอะไรมาก แต่พอผ่านไปได้ราว ๆ สิบห้านาที เธอก็ทนแอร์เย็น ๆ ที่พายุจงใจไม่ปรับอุณหภูมิไม่ไหว ขอตัวปีนไปด้านหลังเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า บั้นท้ายสวย ๆ ที่ขยับผ่านหน้าของพายุเรียกรอยยิ้มของผู้ชายเจ้าชู้ได้เป็นอย่างดี
“พี่พายุหลับตาแป๊บนะคะ กอหญ้าจะเปลี่ยนเสื้อ”
