บทที่ 10
แสงสีและบรรยากาศในช่วงตะวันกำลังจะตกดินทำให้สาวสวยผู้มีศิลปะในหัวใจเกิดอยากจะวาดภาพขึ้นมาอย่างกะทันหัน ตลอดทั้งวันเธอคิดอะไรไม่ออก จนกระทั่งถึงตอนใกล้ค่ำ อารมณ์ศิลป์ดันพุ่งกระฉูด สมองหายตันจนอยากจะจรดปลายดินสอลงบนสมุดสเก็ตช์ให้ทู่กันไปข้างหนึ่ง แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอย่างที่คิด พ่อคุณทูนหัวที่ตั้งใจจะล้วงกันเมื่อวานกลับทำให้เธอละวางความคิดนั้นไปก่อน
ว่าจะไม่ช่วย แต่ก็อดไม่ได้จริง ๆ
“นะคะ วิวตรงนู้นโรแมนติกมากเลย กอหญ้าอยากพาพี่พายุไปสวีตด้วยกัน นะคะ นะค้า”
กอหญ้าลากเสียงยาว พยายามทำทุกอย่างให้สมจริง เพื่อที่ยักษ์ใหญ่ที่ชื่อแมนอะไรนั่นจะได้ไม่ชกคนเจ้าชู้ให้ดั้งหักไปเสียก่อน เธอไม่ได้ห่วงอะไรเขามาก แต่ที่ช่วยก็เพราะไม่อยากให้มีเรื่องอะไรใหญ่โตเกิดขึ้นในโรงแรมของรุ่นน้องอย่างฟองคลื่นต่างหาก
“แหม ญาญ่าหายไปไหนตั้งนาน พี่คิดถึงจะแย่อยู่แล้วนะคะ” คนที่บังอาจเรียกเธอว่าญาญ่าสอดแขนโอบเอวราวกับสนิทกันมานาน นี่ถ้าไม่เห็นว่ากำลังเดือดร้อน กอหญ้าคงจะกระโดดถีบสองขาคู่ไปแล้ว
ผู้ชายอะไร ยกเลิกนัดกันไปไม่กี่ชั่วโมงก็หาตัวสำรองแทนได้แล้ว กอหญ้านึกชมตัวเองในใจที่ไม่หลวมตัวให้ความสนิทสนม แต่ก็เริ่มเสียใจที่ใจอ่อนไม่รู้จักเวล่ำเวลา ปล่อยให้ไอ้พี่พายุมากอดกันอีกจนได้ แถมคราวนี้ยังถูกบังคับ กึ่งเดินกึ่งดันกันจนถึงหน้าหาด ทิ้งสาวน้อยมินนี่อะไรนั่นไว้กับพี่แมนตัวโต โดยไม่ต้องเสียเวลาหาเรื่องแก้ตัวอะไรอีก
“ไม่ต้องเล่นละครแล้วค่ะ นายแมนกับน้องมินนี่อะไรนั่นคงมองไม่เห็นเราแล้ว” ทว่าพายุก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ เขายิ้มกว้างโปรยเสน่ห์ ดวงตาสีน้ำตาลมองดูแล้วเหมือนคาราเมลหวาน ๆ ที่ราดอยู่บนนมสดปั่นที่กอหญ้าชอบกิน
เธอสะบัดศีรษะไล่เรื่องไม่เป็นเรื่องไปให้พ้นสมอง ก่อนจะค่อย ๆ แกะมือของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล ซึ่งเขาเองก็ทำท่าทางราวกับสับสนเต็มทนว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และในเมื่อสีหน้าจริงจังของกอหญ้าบอกชัดว่าไม่ได้อยากให้เขาจับมือกันจริงๆ เจ้าตัวจึงจำต้องยอมปล่อย ทั้ง ๆ ที่ในใจอยากจะหอมให้ฉ่ำปอด กอดจูบให้สาสมกับความอยาก…
“พี่ไม่เข้าใจ ทำไมกอหญ้าล้อเล่นกันแบบนี้ เดี๋ยวปล่อยให้พี่กอด เดี๋ยวทำท่าไม่พอใจที่เราถูกเนื้อต้องตัวกัน บอกตรง ๆ เลยนะว่าพี่งงไปหมดแล้ว”
“ก็บอกแล้วไงคะ ว่าเมื่อวานกอหญ้ามึนเลยเซไปหา กอหญ้าไม่ได้อ่อยพี่สักหน่อย”
“ไม่มีผู้หญิงคนไหนเมาไวน์ภายในสองแก้วหรอกนะ” มีสิ กอหญ้านี่ยังไงล่ะที่เมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มแก้วสอง
“กอหญ้านี่แหละที่เมาภายในสองแก้ว ไม่งั้นคงไม่บอกพี่ตั้งแต่แรกว่าขอดื่มแค่แก้วเดียว”
“แต่กอหญ้าไม่ว่าอะไรตอนที่พี่เติมไวน์” เธอไม่ได้ว่าอะไร เพราะกำลังเพลินกับการระบายเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เขาฟัง
“ก็ตอนนั้นกอหญ้าเครียดแล้วพี่ก็คุยสนุก แถมยังยอมฟังกอหญ้าบ่นตั้งนาน”
“แล้วไอ้เรื่องพินา โคลาดา น้ำกะทิ น้ำสับปะรดอะไรนั่นล่ะ อย่าบอกนะว่ากอหญ้าไม่ได้ตั้งใจจะอ่อยพี่” เขาย่นหัวคิ้วจนแทบจะติดกันและพอเธอโคลงศีรษะเบา ๆ คิ้วสวยข้างหนึ่งก็ยกขึ้นสูงคล้ายไม่อยากเชื่อเรื่องที่กำลังได้ยิน
“แล้วส่วนผสมของพินา โคลาดามันเกี่ยวอะไรด้วยล่ะคะ”
กอหญ้าไม่เข้าใจว่าส่วนผสมของเครื่องดื่มที่เธอชอบมันไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องอ่อยด้วย แต่พอเห็นเขาทำหน้าอึ้ง ๆ เธอก็จดไว้ในใจแล้วว่าจะต้องไปถามเพื่อนว่าการชอบเครื่องดื่มที่มีเหล้ารัม กะทิ กับน้ำสับปะรดนิดหน่อยเนี่ยมันเป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมไอ้พี่พายุถึงได้ทำหน้าตาตื่นอยู่ได้
“ช่างมันเถอะ ทีหลังก็อย่าไปพูดกับผู้ชายที่ไหนละกัน ไม่งั้นถูกจับปล้ำแน่ ๆ”
กอหญ้าฉลาดเกินกว่าจะเถียงในเรื่องที่ตัวเองยังไม่รู้ความหมายแน่ชัด เธอจึงเลือกที่จะขอตัวจากเขาอย่างสุภาพ อ้างว่าเหนื่อยจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน และอยากจะพักผ่อนเต็มทีแล้ว พอพี่พายุถามว่าพรุ่งนี้มีแพลนจะทำอะไร เธอก็ได้แต่ส่ายหน้าและบอกว่ายังไม่รู้จริง ๆ
