ตอนที่ 7 ปมในใจ
สุรเดชพูดทีเล่นทีจริงมาหลายครั้ง เขาแอบชอบนิตยาเพราะเห็นว่าเธอเป็นคนขยัน เข้มแข็ง และกล้าหาญเหมือนกับผู้ชาย แต่นิตยารู้ตัวดีว่าคนในหมู่บ้านนี้กลัวและรังเกียจเธอมากแค่ไหน รวมถึงพ่อกับแม่ของสุรเดชด้วย
“อย่าเถาะ เฮาบ่อยากถืกแม่ใหญ่แว่นมาฆ่าฮอดหม่อง” (อย่าเลย เราไม่อยากให้ยายแว่นมาฆ่าเราถึงที่)
“ฮ่า ๆ กะซั่นเฮาเมียก่อนเด้อ อ้ายทิดนาจเหลียวเบิ่งเฮาโดนแล่ว” (ฮ่า ๆ ถ้าอย่างนั้นเรากลับก่อนนะ พี่นาจมองเรานานแล้ว)
“เอ้อ” (จ้า)
สุรเดชกลับไปแล้วนิตยาจึงเดินกลับมาขุดดินต่อ
“ผู้บ่าวเก่าเบาะ” (แฟนเก่าเหรอ)
“บอ สิมีผู้บ่าวเก่ามาต๊ะไส” (ไม่ จะมีแฟนเก่ามาจากไหน)
“แต่อ้ายวามันมักนิด” (แต่พี่ว่ามันชอบนิด)
เห็นท่าทางและสายตาที่ผู้ชายคนนั้นมองเธอเขาก็พอจะดูออก
“ซางเถาะ คนจั่งข่อยบ่อสมควรมีความฮักดอก” (ช่างมันเถอะ คนอย่างฉันไม่สมควรมีความรักหรอก)
แววตาของเธอดูเศร้าลงนิตยาหันหลังให้เขาและตั้งใจขุดดินต่อ อำนาจมองนิตยาด้วยความสงสาร เรื่องหน้าตามันคงเป็นปมของเธอตั้งแต่ในวัยเด็ก เขาไม่ควรพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
เป็นเขาเองก็คงไม่เข้มแข็งได้เท่าเธอ โดนกีดกันออกจากสังคมและปล่อยให้อยู่คนเดียว โดยที่ไม่มีใครมาเหลียวแล
เห็นเธอเงียบไปเกือบสามสิบนาทีอำนาจจึงพูดขึ้น
“อีกสองสามมื่ออ้ายสิพาเมียบ้าน” (อีกสองสามวันพี่จะพากลับบ้าน)
“บ้านไผ” (บ้านใคร)
“บ้านอ้ายตั้ว” (บ้านพี่สิ)
นิตยาหยุดขุดดินมือข้างหนึ่งเท้าเอวแล้วมองหน้าเขา “ไปเฮ็ดหยัง บ่อย่านพ่อกับแม่อ้ายด่าเบาะ อ้ายทิดบ่อเมียบ้านเป็นปีแล่ว” (ไปทำไม ไม่กลัวพ่อกับแม่พี่ด่าเหรอ พี่ไม่ได้กลับบ้านมาเป็นปีแล้วนะ)
“ด่ากะต้องยอม” (ด่าก็ต้องยอม)
อำนาจคิดว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่างบ้างแล้ว คงปล่อยให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ถึงนิตยาจะหน้าตาไม่สวยแต่ถ้ามองแค่ฝั่งเดียวก็ถือว่าเธอน่ารักไม่น้อย และสิทธิ์ความเป็นคนของเธอก็ยังมีเท่าคนอื่น และเขาก็ทนไม่มีอะไรจะกินแบบนี้ต่อไปไม่ได้นาน ๆ
เกือบสี่โมงเย็นหลังจากขุดดินช่วยกันเสร็จอำนาจจึงถือเอามีดอีโต้แล้วเดินไปสำรวจข้างลำน้ำอีกครั้ง ตอนไปอาบน้ำเขามองเห็นไผ่กอใหญ่อยู่ริมแม่น้ำ
เขาเดินไปโดยไม่พูดไม่จานิตยาจึงถามขึ้น “อ้ายทิดสิไปไส” (พี่นาจจะไปไหน)
“ไปตัดไม่ไผ่ ไปนำบ่อ” (ไปตัดไม้ไผ่ ไปด้วยไหม)
“ไป ๆ” ว่าจบนิตยาก็วิ่งตามอย่างทุลักทุเล เธอมีความสงสัยว่าเขาจะเอาไม้ไผ่ไปทำอะไร
นิตยาเดินตามไปจนถึงก่อไผ่ที่มีไผ่ลำใหญ่มาก น่าจะเกือบเท่าต้นขาของคนทั่วไปที่ไม่ใช่ขาสามีของเธอ เขาเลือกตัดไม้ไผ่มาสามลำ แต่กว่าจะได้แต่ละลำก็เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน ทั้งหนามเกี่ยวกันเพราะไผ่ค่อนข้างอยู่กันอย่างแออัด ทั้งยาวดึงออกมาค่อนข้างลำบากถ้าเป็นนิตยาคงดึงไม่กระดิก ดีที่เขาอ้วนจึงแรงเยอะ สองวันมานี้ตัวเขาเปียกทั้งวัน ถึงจะเป็นปลายฝนต้นหนาวแต่ตอนกลางวันก็อากาศร้อนมากอยู่ดี ร้อนจนไม่รู้จะร้อนยังไง นอนบ้านสังกะสีอีกต่างหาก เข้าใจแล้วว่าทำไมอำนาจคนก่อนถึงนอนถอดเสื้อ ไม่ถอดกางเกงด้วยเขาก็นับถือแล้ว
นิตยามองสามีด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป เขาตัดไม้ไผ่ด้วยความชำนาญราวกับว่าเคยทำมาก่อน รู้ว่าต้องใช้มีดริดแขนงของมันออกอย่างไร
“อ้ายทิดสิเอาไม่ไผ่ไปเฮ็ดหยัง” (พี่นาจจะเอาไม้ไผ่ไปทำอะไร)
ทำไมเขาตัดไม้ไผ่ทั้งใหญ่ทั้งยาวตั้งหลายลำ
“เอาไปเฮ็ดคอกเป็ด” (เอาไปทำคอกเป็ด)
อำนาจสังเกตมาสองวันแล้ว ภรรยาของเขาคงชอบกินไข่เป็ด เพราะฉะนั้นเขาจะต้องหาเป็ดมาเลี้ยง
“อ้ายเฮ็ดเป็นอยู่เบาะ” (พี่ทำเป็นเหรอ)
“สิลองเฮ็ดเบิ่ง” (จะลองทำดู)
หนุ่มวิศวกรรมก่อสร้างอย่างเขามีหรือจะทำไม่เป็น ถ้าหยิบเครื่องมือทุกอย่างออกมาได้ตอนนี้คงหยิบออกมาแล้ว
“สิเอาเป็ดมาต๊ะไส” (จะเอาเป็ดมาจากไหน)
“บ่อฮู่ เดี๋ยวกะมีเองนั่นล่ะ” (ไม่รู้ เดี๋ยวก็มีเองนั่นแหละ)
เขาก็พูดแปลก มันจะมีมาเองได้อย่างไร แต่นิตยาก็ไม่ถามต่อ
ริดกิ่งไผ่ออกจนเกลี้ยงทั้งสามลำแล้วอำนาจจึงทยอยแบกเอาไม้ไผ่ไปไว้ใกล้เรือน ถ้าพื้นที่ไม่ลาดต่ำลงมาแบบนี้เขาก็พอจะเอาไม้ไผ่ไปทำรางน้ำใช้รดน้ำผักได้ แต่นี่คงทำไม่ได้น่าจะต้องใช้เครื่องสูบน้ำ
ขนไผ่เที่ยวสุดท้ายเสร็จก็เกือบมืดพอดี และนิตยาก็ทำอาหารเสร็จเหมือนกัน
“ไปอาบน่ำป๊ะ” (ไปอาบน้ำกัน)
อำนาจชวนภรรยาเพราะเห็นว่ามันมืดมากแล้วเขาไม่อยากให้เธอเดินไปคนเดียว
นิตยาก็มีงงเหมือนกัน เป็นครั้งแรกที่จะได้อาบน้ำพร้อมสามี มืดขนาดนี้เขาไม่กลัวเธอหรือไง
“เดี๋ยวข่อยไปเอาสบูก่อน” (เดี๋ยวฉันไปเอาสบู่ก่อน)
“เอาผ่าด้ามมาให่อ้ายนำเด้อ” (เอาผ้าขาวม้ามาให้พี่ด้วยนะ)
“เอ้อ” (ค่ะ)
นิตยาหยิบเอาสบู่กับขันตักน้ำและเตรียมชุดใหม่ให้เขาด้วย จากนั้นก็เดินตามหลังสามีลงไปยังแม่น้ำ
ทั้งสองต่างรู้สึกประหม่าที่ต้องอาบน้ำใกล้กัน นิตยานุ่งกระโจมอก ส่วนอำนาจก็ถอดเสื้อแล้วหันหลังให้ภรรยา เขารู้สึกไม่มั่นใจเอาเสียเลยที่ต้องมาอยู่ในร่างนี้ เขาไม่เคยอาบน้ำต่อหน้าผู้หญิง เขาไม่ชอบการอาบน้ำแบบนี้เท่าไรนัก เพราะรู้สึกว่ามันอาบไม่สะอาดเอาเสียเลย เท้าก็ขัดถูไม่ได้ เพราะอย่างไรก็ต้องเหยียบดินใต้น้ำอยู่ดี
มือใหญ่พยายามที่จะถูหลังตัวเองแต่เอื้อมยังไงก็เอื้อมไม่ถึง
“เดี๋ยวข่อยถูให่” (เดี๋ยวฉันถูหลังให้)
นิตยารู้สึกรำคาญตาที่เขาเอื้อมเท่าไรก็เอื้อมไม่ถึง อำนาจถึงกับยืนตัวแข็งทื่อเมื่อฝ่ามือเล็กทาบลงบนแผ่นหลัง ถึงจะรู้สึกถึงความสากบ้างอย่างคนที่ผ่านการทำงานหนักมาก็เถอะ เขาไม่เคย ไม่เคยให้ผู้หญิงมาแตะเนื้อต้องกายแบบนี้
“หนาวเบาะคือขนคีงลุก” (หนาวเหรอทำไมขนลุก)
“บอ อ้ายหนักไก่เดียม” (ไม่ พี่จักจี้)
ความจริงไม่ใช้แค่จักจี้ แต่มันรู้สึกวูบวาบ ๆ แปลก ๆ
“อ้ายวาพอล่ะ” (พี่ว่าพอเถอะ)
อำนาจบอกภรรยา เมื่อยืนให้เธอถูขี้ไคลให้จนพอใจ
“ขี่ไคลอ้ายล้ายหลาย” (ขี้ไคลพี่เยอะมาก)
พูดจบนิตยาก็กวักน้ำขึ้นล้างตัวให้ แล้วหันหลังเดินขึ้นบนบกไป